xs
xsm
sm
md
lg

ขีดเส้นปิดคดี”โอ๊ค”มี.ค.นี้ อัยการยันไม่มีอคติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“อัยการ” ขีดเส้นปิดคดี ”โอ๊ค กรุงไทย” ภายในมี.ค.นี้ เผยหมดอายุความ ธ.ค.61 ยันไม่มีอคติร่วมสอบคดี แจงตัดพยานเหลือ 8 ไม่ใช่ 3 ปาก ไม่หวั่นหากถูกเปลี่ยนตัว ด้าน “พานทองแท้” ดิ้นอีกส่งทนายร้อง “ประจิน” สอบ “อัยการ-ดีเอสไอ” เอียงคดีฟอกเงิน

วานนี้ (25 ม.ค.) ที่ศูนย์บริการร่วม กระทรวงยุติธรรม นายชุมสาย ศรียาภัย ทนายความส่วนตัวของนายพานทองแท้ ชินวัตร เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ยุติธรรม เพื่อขอความธรรมที่ถูกดำเนินคดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทย โดยมี นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ

นายชุมสาย กล่าวว่า วันนี้มาร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้รักษาการตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ใน 2 ประเด็น คือ 1.ขอให้กำชับไม่ให้มีการแทรกแซงในชั้นสอบสวนของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จากพนักงานอัยการสอบสวนร่วม และ 2.ขอให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษไม่ตัดพยานจำเลย จากเดิมที่เสนอพยานไป 18 ปาก แต่ถูกตัดไป 15 ปาก เท่ากับเหลือ 3 ปาก ทั้งที่เป็นพยานปากสำคัญ นอกจากนี้ ยังร้องขอเพิ่มเติมในประเด็นที่พนักงานอัยการสอบสวนร่วมมีพฤติกรรมไม่เป็นกลาง โดยมีพฤติการณ์เหมือนเป็นประธานการสอบสวนเสียเอง ทั้งที่มีหน้าที่เป็นเพียงพนักงานสอบสวนร่วมและ บทบาทหลักควรเป็นพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)

อีกด้าน นายขจรศักด์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 ในฐานะพนักงานสอบสวนคดีฟอกเงินจากการอนุมัติเงินกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร ที่มี นายพานทองแท้ เป็นผู้ต้องหา กล่าวถึว่า ก่อนหน้านี้ทนายความนายพานทองแท้ ได้ยื่นหนังสือขอให้สอบปากคำพยานเพิ่มเติม จำนวน 21 ปาก โดยระบุว่าเป็นพยานปากสำคัญในคดี ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่า ควรสอบเพียงแค่ 8 ปาก เนื่องจากพิจารณาแล้วว่ามีความเกี่ยวข้องโดยตรง ส่วนที่เหลือเป็นพยานที่ไม่มีความเกี่ยวข้อง จึงได้ตัดออกไป โดยคณะพนักงานสอบสวนได้นัดสอบปากคำพยานดังกล่าว เมื่อ 16 - 17 ม.ค. ที่ผ่านมา แต่พยานไม่มาพบพนักงานสอบสวน และขอเลื่อนเข้าให้ปากคำเป็น วันที่ 4 ก.พ. ซึ่งหลังวันที่กำหนดนัด ยังไม่ทราบว่าจะเลื่อนอีกหรือไม่ ทั้งนี้ การสอบสวนคดีฟอกเงินทำในรูปของคณะพนักงานสอบสวน ไม่มีใครมาเป็นผู้ชี้นำในคดี เนื่องจากหลักฐานของคดีดังกล่าว มาจากพยานเอกสารของ คตส. และ ปปง. เป็นหลัก ไม่ใช่พยานบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องมีการกลั่นแกล้งผู้ใด และการสอบปากคำพยานเพิ่มเติมให้จำนวน 8 ปาก ตามที่จำเลยร้องขอ ถือว่า มีความเหมาะสมแล้ว เนื่องจากคดีนี้จำเป็นต้องให้เวลาคณะพนักงานสอบสวนฯ สรุปสำนวนคดี เพื่อส่งให้พนักงานอัยการ พิจารณาก่อน

ส่วนพนักงานอัยการอาจมีความเห็นสั่งสอบพยานเพิ่มอีกหรือไม่ นายขจรศักดิ์ กล่าวว่า ก็แล้วแต่ดุลพินิจ หากส่งสำนวนกระชั้นชิดเกินไป ก็เกรงจะถูกกล่าวหาว่ามีการกลั่นแกล้งอีก จึงขอความเป็นธรรม ให้กับคณะพนักงานสอบสวนด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการได้ภายในเดือน มี.ค.นี้ โดยคดีดังกล่าวจะหมดอายุความในเดือน ธ.ค.61

"ส่วนตัวไม่กังวล หากผู้ใหญ่เห็นควรให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน ผมเป็นข้าราชการต้องทำตามหน้าที่ ไม่ได้มีอคติกลั่นแกล้งคน หากสามารถชี้แจงที่มาของเงินจำนวน 26 ล้านบาท กับ 10 ล้านบาท ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรได้ ทุกอย่างก็จบ" นายขจรศักดิ์ กล่าว.


กำลังโหลดความคิดเห็น