ผู้จัดการรายวัน 360 - วานนี้ (23 ม.ค.) เมื่อเวลา10.00น. ณ ห้องพิจารณา 710 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลเบิกได้ตัว นายวัฒนา หรือตุ่ม ภุมเรศ อายุ 63 ปี จากเรือนจำมาฟังคำพิพากษา คดีวางระเบิดในตู้โทรศัพท์สาธารณะหน้ากองบัญชาการกองทัพบก โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้วเห็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 224 วรรคสอง ประกอบมาตรา 221,222 และ 289 (4), พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 38, 74 และ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 42 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป
จึงพิพากษาให้ลงโทษนายวัฒนา จำเลย ในความผิดฐานทำวัตถุระเบิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 38, 74 ให้จำคุก 3 ปี ในความผิดฐานกระทำให้ระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นรับอันตรายสาหัส, ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ความผิดฐานทำให้เสียหายซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์ และความผิดฐานใช้วัตถุระเบิด เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานะกระทำให้ระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นรับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 224 วรรคสอง ประกอบมาตรา 221, 222 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดให้จำคุกตลอดชีวิต
แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ความผิดฐานทำวัตถุระเบิด ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี 6 เดือน ความผิดฐานกระทำให้ระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัส ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 25 ปี รวมจำคุก 26 ปี 6 เดือน พร้อมนับโทษจำคุกต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อ.2574/2560 คือจำคุก 4 ปี ปรับ 975 บาท , หมายเลขดำที่ อ.2868/2560 และหมายเลขแดงที่ อ.3438/2561 คือคดีที่จำคุก 26 ปี 12 เดือน ปรับ 500 บาท กรณีวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัฒนา ถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุกมาแล้ว 5 สำนวน คือ ศาลพิพากษา นายวัฒนา 3 สำนวน กรณีประกอบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอม และนำไปวางไว้ที่ทางเท้าหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีผู้บาดเจ็บ 3 ราย เมื่อวันที่ 4-5 เม.ย.2560, ที่ใต้ต้นไม้บนฟุตบาทหน้าโรงละครแห่งชาติ มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย เมื่อวันที่ 14-15 พ.ค. 2560 และที่บริเวณตู้โทรศัพท์หน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ รัชโยธิน เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2550 โดยโทษ 3 สำนวนรวม 78 ปี 30 เดือน รวมโทษทั้งหมดกับสำนวนคดีที่พิพากษาใหม่รวม 6 สำนวนเป็นเวลาทั้งสิ้น 134 ปี 48 เดือน
จึงพิพากษาให้ลงโทษนายวัฒนา จำเลย ในความผิดฐานทำวัตถุระเบิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 38, 74 ให้จำคุก 3 ปี ในความผิดฐานกระทำให้ระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นรับอันตรายสาหัส, ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ความผิดฐานทำให้เสียหายซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์ และความผิดฐานใช้วัตถุระเบิด เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานะกระทำให้ระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นรับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 224 วรรคสอง ประกอบมาตรา 221, 222 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดให้จำคุกตลอดชีวิต
แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ความผิดฐานทำวัตถุระเบิด ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี 6 เดือน ความผิดฐานกระทำให้ระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัส ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 25 ปี รวมจำคุก 26 ปี 6 เดือน พร้อมนับโทษจำคุกต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อ.2574/2560 คือจำคุก 4 ปี ปรับ 975 บาท , หมายเลขดำที่ อ.2868/2560 และหมายเลขแดงที่ อ.3438/2561 คือคดีที่จำคุก 26 ปี 12 เดือน ปรับ 500 บาท กรณีวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัฒนา ถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุกมาแล้ว 5 สำนวน คือ ศาลพิพากษา นายวัฒนา 3 สำนวน กรณีประกอบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอม และนำไปวางไว้ที่ทางเท้าหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีผู้บาดเจ็บ 3 ราย เมื่อวันที่ 4-5 เม.ย.2560, ที่ใต้ต้นไม้บนฟุตบาทหน้าโรงละครแห่งชาติ มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย เมื่อวันที่ 14-15 พ.ค. 2560 และที่บริเวณตู้โทรศัพท์หน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ รัชโยธิน เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2550 โดยโทษ 3 สำนวนรวม 78 ปี 30 เดือน รวมโทษทั้งหมดกับสำนวนคดีที่พิพากษาใหม่รวม 6 สำนวนเป็นเวลาทั้งสิ้น 134 ปี 48 เดือน