xs
xsm
sm
md
lg

ฟันเพิ่ม"โอเอ"หนีภาษี1.7หมื่นล. ชี้เข้าข่ายฟอกเงิน-ยึดทรัพย์ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน360 - "พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม" หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน คดีทัวร์ศูนย์เหรียญ นัดถกพิจารณาพยาน หลักฐาน"คดีทัวร์ศูนย์เหรียญ" จ่อเอาผิด "บริษัทโอเอทรานสปอร์ต" พร้อมเจ้าของ ด้าน“สรรพากร”ผงะ พบ 4 บริษัทในเครือแจ้งข้อมูลเท็จ หมดเม็ดเลี่ยงภาษีกว่า 1.7 หมื่นล้าน เข้าข่ายฟอกเงิน ดำเนินการยึดทรัพย์ได้

รายงานข่าวจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แจ้งว่า ในวันที่ 22 ม.ค.61 เวลา 10.00 น. จะมีการประชุม คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน คดีเกี่ยวกับขบวนการทัวร์ศูนย์เหรียญ โดยมี พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ เป็นประธาน เพื่อพิจารณา พยาน หลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับ บริษัทโอเอทรานสปอร์ต จำกัด หลังจากที่เมื่อเดือนก.ย.60 ทาง พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ได้รับการร้องทุกข์กล่าวโทษจาก กรมสรรพากร ให้ดำเนินคดีกับ 4 บริษัทในเครือ บริษัทโอเอทรานสปอร์ต จำกัด และ นายธงชัย โรจน์รุ่งรังสี ผู้บริหาร เครือโอเอ ฐานความผิดตาม ม.37 แห่งบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฏากรว่าด้วยเจตนาแจ้งข้อความเท็จ หรือให้ถ้อยคำเท็จ หรือตอบคำถามด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร หรือเพื่อขอคืนภาษีอากรตามลักษณะนี้ หรือ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกันหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรหรือขอคืนภาษีอากร วงเงิน 7,800 ล้านบาท ก่อนที่ กรมสรรพากร จะขอถอนคำร้อง เพื่อไปพิจารณาทบทวนอีกครั้ง

สำหรับคำร้องทุกข์กล่าวโทษของ กรมสรรพากร ครั้งใหม่นี้ ได้ปรับวงเงินความเสียหายจากเดิม 7,800 ล้านบาท เป็น 17,000 ล้านบาท โดยจากการตรวจสอบพบว่าในรอบ 5 ปี ตั้งแต่ปี54- 59 เฉพาะ บริษัท โอเอทรานสปอร์ต จำกัด บริษัทเดียวได้แจ้งว่า มีรายได้รวม 25 ล้านบาท ซึ่งขัดกับเอกสารหลักฐาน ที่ทางกรมสรรพากรได้ตรวจสอบพบว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปี ทางบริษัทดังกล่าวมีรายได้หลายหมื่นล้านบาท และ ต้องชำระภาษีราว 7,800 ล้านบาท ซึ่งเมื่อสอบสวนเชิงลึก กับบริษัทอื่นๆในเครือ ที่มีพฤติการณ์คล้ายกัน ก็พบว่ามี 4 บริษัท ในเครือโอเอ ที่หลบเลี่ยงภาษี รวมกันมากถึง 17,000 ล้านบาท ซึ่งหากเป็นไปตามคำร้องจริง ก็จะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ส่งผลให้ สำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) สามารถดำเนินการตามข้อหาฟอกเงิน และดำเนินการยึดทรัพย์ได้ตามขั้นตอน

สำหรับ บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด เป็นหนึ่งในจำเลยสำคัญของคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งเมื่อวันที่ 25 ส.ค.60 ศาลชั้นต้น ได้เคยสั่งยกฟ้องคดี ที่มีจำเลยรวม 13 คน เนื่องจากพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าร่วมกันเป็นอั้งยี่ ตามที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 3 ในฐานะโจกท์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลชั้นต้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนพ.ย.ปีเดียวกัน คณะทำงานอัยการ สำนักงานคดีศาลสูง ได้พิจารณารายละเอียดในคำพิพากษาแล้ว ไม่เห็นพ้องกับคำพิพากษาของศาลอาญา และเห็นว่า พยานหลักฐานที่มีสามารถรับฟังได้ว่า จำเลยทั้ง 13 ราย กระทำความผิดตามฟ้อง จึงได้ยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลอุทธรณ์

ทั้งนี้ จำเลยทั้ง 13 รายในคดีดังกล่าวประกอบด้วย นายสมเกียรติ คงเจริญ อายุ 58 ปี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฝูอัน ทราเวล จำกัด , นางธวัล แจ่มโชคชัย อายุ 60 ปี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฝูอัน ทราเวล จำกัด , บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด, นายวสุรัตน์ โรจน์รุ่งรังสี อายุ 27 ปี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด, บริษัท รอยัลเจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท ไทยเฮิร์บ จำกัด, บริษัท บางกอก แฮนดิคราฟท์ เซ็นเตอร์ จำกัด , บริษัท รอยัลพาราไดซ์ จำกัด, นางนิสา โรจน์รุ่งรังสี อายุ 62 ปี กรรมการผู้จัดการ 4 บริษัท (บจก.รอยัลเจมส์ฯ, บจก.ไทยเฮิร์บฯ, บจก.บางกอก แฮนดิคราฟท์ฯ , บจก.รอยัลพาราไดซ์ฯ) และเป็นมารดาของนายวสุรัตน์ , นายธงชัย โรจน์รุ่งรังสี อายุ 61 ปี สามีของนางนิสา, บริษัท บ้านขนมทองทิพย์ จำกัด, น.ส.สายทิพย์ โรจน์รุ่งรังสิ อายุ 36 ปี กรรมการผู้มีอำนาจ บจก.บ้านขนมทองทิพย์ฯ ซึ่งเป็นบุตรของนายธงชัย และนายวินิจ จันทรมณี อายุ 70 ปี ผู้จัดการ บริษัท ฝูอัน ทราเวล จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-13 ในคดีหมายเลขดำ ฟย.46/2559 ฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 วรรคแรก, พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 และร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ขณะที่จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ และต่อสู้คดีมาโดยตลอด.


กำลังโหลดความคิดเห็น