xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อเฟซบุ๊กขอคุมสื่อ จัดอันดับความน่าเชื่อถือ

เผยแพร่:   โดย: นพ นรนารถ


ผู้บริหารเฟซบุ๊กยืนยันมาโดยตลาดว่า เฟซบุ๊กไม่ใช่สื่อ เฟซบุ๊กเป็นบริษัทเทคโนโลยี เป็นผู้สร้างแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กเพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับการสื่อสารสาธารณะ

เชอริล แซนด์เบิร์ก หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการหรือ ซีโอโอของเฟซบุ๊ก กล่าวว่า เฟซบุ๊กคือ บริษัทเทคโนโลยี เราจ้างวิศวกร เราไม่ได้จ้างนักข่าว ไม่มีใครเป็นนักข่าว เราไม่ได้รายงานข่าว

การเป็นบริษัทเจ้าของแพลตฟอร์ม โซเชียลมีเดีย ที่มีผู้ใช้งานทั่วโลก 2 พันล้านคน ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อข้อมูลข่าวสารที่ถูกกระจายผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งจำนวนหนึ่งเป็นข่าวปลอม ข้อมูลเท็จ ข่าวสารที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อหวังผลทางการเมือง เช่น การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อ ปี 2016 การลงประชามติของคนอังกฤษ ว่าจะแยกตัวออกจากอียูหรือ “เบร็กซิต” หรือไม่

แต่ถ้าเป็นสื่อจะต้องรับผิดชอบต่อข้อมูลข่าวสารที่ตัวเองเป็นผู้เผยแพร่

อย่างไรก็ตาม มาร์ค เคยให้สัมภาษณ์ไว้ครั้งหนึ่งว่า เฟซบุ๊กไม่ใช่สื่อแบบเดิม เพราะไม่ได้เป็นผู้เขียนข่าวซึ่งปรากฏอยู่บนแพลตฟอร์ม แต่เขายอมรับว่า เฟซบุ๊กเป็นมากกว่าผู้กระจายข่าว และ “เรามีบทบาทสำคัญในการสนทนาของสังคม”

เฟซบุ๊กจะเป็นสื่อหรือไม่ใช่สื่อ ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน แต่วันนี้เฟซบุ๊กได้ทำตัวเป็นผู้คุมกำกับดูแลสื่ออย่างไม่เป็นทางการแล้ว ด้วยการประกาศว่า ตั้งแต่สัปดาห์นี้ เฟซบุ๊กจะทดลองจัดอันดับความน่าเชื่อถือของสื่อ เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการส่งข่าว หรือบทความจากสื่อ ขึ้นไปปรากฏบนหน้าข้อความ หรือนิวส์ ฟีด

ข่าวหรือข้อมูลจากสื่อที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงจะอยู่ในลำดับต้นๆ ที่ถูกโพสต์บนนิวส์ ฟีด สื่อที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ จะไม่ถูกป้อนเข้าสู่นิวส์ ฟีด

เฟซบุ๊กไม่ได้จัดอันดับเอง แต่สำรวจความเห็นของผู้ใช้เฟซบุ๊กทุกกลุ่มความสนใจ ว่า รู้จักสื่อนั้นๆ มากน้อยแค่ไหน และเชื่อถือในความเที่ยงตรงของสื่อนั้นหรือไม่ เฟซบุ๊กไม่ยอมเปิดเผยว่า คำถามที่ให้กลุ่มเป้าหมายตอบ ถามว่าอะไรบ้าง และจะไม่เปิดเผย ผลสำรวจของสื่อแต่ละเจ้า

การทดลองนี้ จะทำกับผู้ใช้เฟซบุ๊กในสหรัฐฯ เท่านั้น ถึงแม้ว่าเฟซบุ๊กตั้งใจจะใช้มาตรฐานวัดความน่าเชื่อถือกับสื่อทั่วโลกในระยะต่อไป

มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก บอกว่า ทุกวันนี้ โลกเต็มไปด้วยข่าวหวือหวา ดราม่า ข้อมูลเท็จมากเกินไปแล้ว เพราะโซเชียลมีเดียทำให้ผู้คนกระจายข้อมูลข่าวสารได้เร็วขึ้นกว่าเมื่อก่อน ถ้าเราไม่จัดการปัญหาเหล่านี้ สุดท้ายแล้ว เราก็จะกลายเป็นผู้สนับสนุนการแพร่กระจายข่าวเท็จเหล่านี้เสียเอง

“ทุกวันนี้มีข่าวที่ให้ข้อมูลผิดจากความเป็นจริง ข่าวที่ชี้นำ หรือข่าวที่สร้างความแตกแยกเกิดขึ้นมากมาย และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียก็เป็นที่ให้ผู้คนสามารถกระจายข่าวสารนั้นได้อย่างรวดเร็วกว่าที่เคยมีมาในอดีต เราจึงต้องจัดการกับปัญหานี้ด้วยการยุติการแพร่กระจายของข่าวในลักษณะดังกล่าว และทำให้ข่าวที่เผยแพร่ในนิวส์ ฟีดเป็นข่าวที่มีคุณภาพมากขึ้น” มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก กล่าว

ซัคเคอร์เบิร์กบอกว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ จะทำให้โซเชียลมีเดีย ไม่กลายเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่กระจายข้อมูลข่าวสารที่เป็นข่าวเท็จ สร้างความแตกแยก

เขาคาดว่า การใช้มาตรวัดความน่าเชื่อถือ คัดกรองข่าวที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กจะได้เห็นในนิวส์ ฟีด จะทำให้ปริมาณข่าวบนเฟซบุ๊กลดลงจากสัดส่วน 5% ของข้อมูลข่าวสาร ทั้งหมดบนเฟซบุ๊กเหลือเพียง 4%

การจัดอันดับความน่าเชื่อถือของข่าวที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กจะได้เห็น เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งที่สอง ภายใต้แผนซ่อมเฟซบุ๊กของมาร์ค หลังจากเพิ่งประกาศการเปลี่ยนแปลง เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จะกำหนดลำดับความสำคัญของข้อมูลข่าวสารที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กจะเห็นในนิวส์ ฟีด โดยให้ความสำคัญกับเรื่องราว ทั้งที่เป็นข้อมูล เรื่องเล่า ภาพ วิดีโอจากเพื่อน ญาติ สมาชิกในครอบครัว ที่ทำให้ผู้รับมีปฏิสัมพันธ์ คือ มีความเห็นต่อเรื่องนั้นๆ มากกว่าข่าวจากสื่อ โฆษณาจากแบรนด์ หรือธุรกิจเพื่อทำให้การใช้เวลากับเฟซบุ๊กมีความหมายมากขึ้นกว่าเดิม

การที่ข่าว บทความจากสื่อถูกจัดความสำคัญเป็นอันดับรองในอัลกอริธึ่มของเฟซบุ๊กส่งผลกระทบต่อสื่อไม่มากก็น้อย การจัดอันดับความน่าเชื่อถือของสื่อ เพื่อคัดกรองว่า สื่อใดจะมีพื้นที่บนหน้านิวส์ ฟีด เป็นผลกระทบที่ชัดเจนขึ้น

ผลสำรวจของ Pew Research Center ระบุว่า คนอเมริกันที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว อ่านข่าว 45% จากเฟซบุ๊ก เมื่อช่องทางที่สื่อจะเข้าถึงผู้อ่านผ่านเฟซบุ๊กถูกบีบแคบลง จำนวนผู้อ่าน ผู้ชมของสื่อย่อมลดน้อยลงไปด้วยแน่นอน

การจัดอันดับความน่าเชื่อถือของสื่อ สำหรับสื่อที่อยู่มานานจนกลายเป็นสถาบัน มีแบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างเช่น บีบีซี หรือนิวยอร์ก ไทมส์ จะได้เปรียบกว่าสื่อเกิดใหม่ เพราะคนรู้จักชื่อ ถึงแม้จะไม่ได้อ่านประจำ หรืออ่านแต่อาจไม่เห็นด้วยกับข่าวหรือบทความของสื่อนั้นๆ ก็ตาม

สำหรับสื่อบ้านเรา ไม่เร็วก็ช้าจะต้องถูกเฟซบุ๊กจัดอันดับความน่าเชื่อถือแน่ ปัจจุบันสื่อส่วนใหญ่ใช้เฟซบุ๊กเป็นเครื่องมือในการสร้างเรตติ้ง เพื่อเอาไปขายโฆษณาอีกต่อหนึ่ง แต่เมื่อเฟซบุ๊กเปลี่ยนเกมลดความสำคัญของสื่อลงไป และเขียนกติกาใหม่ สร้างมาตรฐานความน่าเชื่อถือของสื่อมาคัดกรองข่าวที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กจะได้อ่าน ย่อมส่งผลกระทบทั้งสื่อเก่า สื่อใหม่อย่างแน่นอน อยู่ที่ว่าจะหาทางออก ลดการพึ่งพา ยืมจมูกเฟซบุ๊กหายใจได้อย่างไร


กำลังโหลดความคิดเห็น