xs
xsm
sm
md
lg

ขาลงของ “ทรัมป์บ้า” กับขาลงของอเมริกา

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

<b>โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา</b>
ไหนๆ ก็ได้ว่าเรื่องเงินๆ-ทองๆ...หรือเรื่องราคาทองคำไปแล้วเมื่อวานนี้ วันนี้...เลยคงต้องขออนุญาตว่าต่อด้วยเรื่อง “ทองคำสีดำ” หรือเรื่องราคาน้ำมัน ให้เป็นมินิซีรีส์กันไปเลย ด้วยเหตุเพราะอีกไม่กี่วัน หรือประมาณสัปดาห์หน้า นับตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม เป็นต้นไป ว่ากันว่า...หน่วยงานที่ชื่อว่า “The Shanghai International Energy Exchange” หรือที่เรียกกันย่อๆ ว่าหน่วยงาน “INE” ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ “Shanghai Future Exchange” จะเริ่มเปิดตลาดการซื้อ-ขายน้ำมันดิบล่วงหน้า โดยอนุญาตให้ผู้ซื้อขายชาวจีนหรือนักลงทุนต่างประเทศ สามารถประกอบธุรกรรมด้วยการกำหนดราคาซื้อ-ขายโดยอาศัย “เงินหยวน” เป็นหน่วยชำระทางบัญชี หรือซื้อ-ขายกันด้วยระบบ “Petro-Yuan” ชนิดไม่ต้องเสียเวลาไปอ้างอิง พึ่งพา “Petro-Dollar” ให้ต้องเมื่อยเนื้อ เมื่อยตัว อีกต่อไป...

ความเคลื่อนไหวในเรื่อง “ทองคำสีดำ” จึงแทบไม่ต่างอะไรไปจากความเคลื่อนไหวในเรื่อง “ราคาทองคำ” ดังที่กล่าวไปแล้วเมื่อวานนี้ และทำให้ใครต่อใครหันมาให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมิใช่น้อย เกิดการออกมาให้ความเห็นวิพากษ์ วิจารณ์กันอุตลุด ว่าการเปิดผ้าม่านกั้ง หรือการเปิดตลาดซื้อ-ขายน้ำมันดิบล่วงหน้าแห่งแรกของจีน ในตลาด “INE” ที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษคราวนี้ จะกลายเป็นตัวเขย่าตลาดน้ำมัน และเขย่าบทบาทอิทธิพลของเงินดอลลาร์ไปได้ถึงขั้นไหน ราคาน้ำมันดิบที่เคยถูกกำหนดโดยผู้เล่นหลักๆ ที่ทำสัญญาซื้อ-ขายน้ำมันดิบล่วงหน้าด้วยเงินสกุลดอลลาร์อยู่ในตลาด “West Texas Intermediate” หรือ “WTI” ในกรุงนิวยอร์ก และ “Brent Crude Oil” ในกรุงลอนดอน จะเปลี่ยนนิสัย เปลี่ยนรสนิยม หันมาทำสัญญาซื้อ-ขายน้ำมันดิบล่วงหน้าด้วยเงินหยวนกันที่ตลาดเซี่ยงไฮ้ มาก-น้อยเพียงใด มากพอที่จะทำให้ตลาดน้ำมัน ซึ่งเคยถูกครอบงำด้วยอิทธิพลเงินดอลลาร์ต้องเปลี่ยนหน้า เปลี่ยนตา เปลี่ยนโฉมหน้าไปเป็นอย่างอื่น หรือมากพอที่จะทำให้เงินสกุลหยวนของจีน มีโอกาสสอดแทรกขึ้นมาแทนที่เงินสกุลดอลลาร์ของสหรัฐอเมริกา ในอนาคตอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล ได้จริงๆ หรือไม่...???

ใครที่สนใจในเรื่องการ “เก็งกำไร” จากการขึ้นๆ-ลงๆ ของราคาน้ำมัน หรือแม้แต่การขึ้นๆ-ลงๆ ของเงินสกุลดอลลาร์...คงต้องไปหาอ่านกันเอาเอง เพราะสำหรับ “ทับทิม พญาไท” ที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องเงินๆ-ทองๆ อยู่แล้ว ยังออกจะปวดหัวมิใช่น้อย กับความคิด ความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญไม่ว่าเรื่องน้ำมัน หรือเรื่องเงินๆ-ทองๆ ที่ออกจะเห็นกันไปในคนละทาง สองทางแต่ที่พอสรุปได้คร่าวๆ ก็คือว่า...แทบทุกรายต่างเห็นพ้องต้องกันไปในแนวเดียวกันว่า บทบาทของคุณพี่จีนและบทบาทของเงินหยวน ไม่ว่าในตลาดน้ำมันหรือตลาดเงินๆ-ทองๆ ก็แล้วแต่ นับวันดูจะออกไปในแนว “ขาขึ้น” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน ในขณะที่บทบาทของคุณพ่ออเมริกาและบทบาทของเงินดอลลาร์ หนีไม่พ้นกำลังก้าวเข้าสู่ “ขาลง” ขึ้นอยู่กับว่าจะลงแบบฮาร์ด แลนดิ้ง หรือซอฟต์ แลนดิ้ง เท่านั้นเอง...

อย่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี “นายซิกมาร์ กาเบรียล” (Sigmar Gabriel)เคยกล่าวเอาไว้นั่นแหละว่า...บทบาทการครอบงำโลกด้านต่างๆ ของอเมริกา “กำลังกลายเป็นประวัติศาสตร์” หรือกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงขาลงเข้าไปทุกที เพียงแต่จะเร็วหรือช้า ลงแบบหลังกระแทก หรือลงแบบนิ่มๆ คงขึ้นอยู่กับการบริหารประเทศของ “ทรัมป์บ้า” เป็นหลัก คือทั้งๆ ที่คุณพี่จีนท่านได้ตระเตรียมแผนการที่จะกำหนดราคาซื้อ-ขายน้ำมันด้วย “Petreo-Yuan” มาเป็นปีๆ อันอาจส่งผลสะเทือนต่อ “Petro-Dollar” ในระดับพลิกหลังตีนเป็นหน้ามือเอาง่ายๆ แต่สิ่งที่บรรดานักวิเคราะห์ในตลาดน้ำมันต่างเห็นพ้องต้องกันก็คือว่า การที่รัฐบาลอเมริกันภายใต้การนำของ “อัจฉริยะที่มั่นคงมากๆ” อย่าง “ทรัมป์บ้า” กำลังเตรียมงัดเอา “มาตรการแซงชั่นครั้งใหม่” มาเล่นงานประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อย่างอิหร่าน ในอีกไม่กี่วันนับจากนี้ จึงแทบไม่ต่างไปจากการ “เตะสุนัขเข้าไปยังปากสุกร” นั่นเอง ดังที่หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดบริษัทซื้อ-ขาย “SEB” อย่าง “นายBjarne Schieldrop” ได้ให้ความเห็นเอาไว้กับผู้สื่อข่าวว่า... “การแซงชั่นแบบฝ่ายเดียว (Unilateral Sanctions) ของอเมริกานั้น ไม่เพียงแต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันของอิหร่านกี่มาก-น้อย แต่กลับยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้อิหร่านหันมาสนใจเงินหยวนมากขึ้น ในการกำหนดราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าด้วยระบบ Petro-Yuan และนี่อาจทำให้การครอบงำตลาดน้ำมันในระบบ Petro-Dollar ที่เคยมีมาอย่างยาวนาน อาจต้องเสื่อมลงไปในอีกไม่นาน-ไม่ช้า...”
<b>ซิกมาร์ กาเบรียล รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี</b>
หรือแทบไม่ต่างไปจากการที่ “ทรัมป์บ้า” หันไปไล่ฟัด ไล่งับ ประเทศปากีสถาน ด้วยข้อหาว่าไม่ลงทุน ลงแรง ในการช่วยอเมริกาปราบปรามผู้ก่อการร้ายซักเท่าไหร่นัก ถึงขั้นตัดสินใจแช่แข็งงบช่วยเหลือทางทหารจำนวน 255 ล้านดอลลาร์ และงบช่วยเหลือทางเศรษฐกิจอีกกว่า 900 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้นักวิเคราะห์โดยส่วนใหญ่ ไม่ว่า “นายBrian Cloughley” อดีตทูตทหารออสเตรเลีย หรือ “นายClaude Rakisitis” ผู้เชี่ยวชาญด้านปากีสถานแห่งมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า “คือการผลักปากีสถานให้หันไปหาจีน” หนักขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง และข้อวิเคราะห์ดังกล่าวคงไม่ถึงกับผิดพลาดมากมายเกินไปนัก เมื่อมีข่าวล่ามาเรือ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง อันเป็นข่าวที่นายทหารแห่งกองทัพบกสหรัฐฯ “พันเอกLawrence Selling” ออกมาสารภาพด้วยตัวเองว่า หลังจากมีการพบปะระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของจีนและปากีสถานเมื่อไม่นานมานี้ มีความเป็นไปได้ว่า...ปากีสถานจะอนุญาตให้จีนสร้าง “ฐานทัพเรือแห่งที่สอง” ของจีน บริเวณพื้นที่ใกล้ๆ เมืองท่า Gwadar ที่อยู่ห่างไปจากพรมแดนประเทศอิหร่านประมาณ 50 ไมล์ โดยที่ก่อนหน้านั้นจีนได้ทุ่มเงินลงทุนถึง 62 พันล้านดอลลาร์ เพื่อเนรมิตเครือข่ายถนน รถไฟ ท่อขนส่งน้ำมัน ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ “China-Pakistan Economic Corridor-CPEC” จนสามารถเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจระหว่างเอเชียกลางและเอเชียใต้ได้อย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ “ขาลงของทรัมป์บ้า” จึงกลายคนละเรื่องเดียวกันกับ “ขาลงของอเมริกา” อย่างมิอาจแยกออกจากกันได้เลย ด้วยประการละฉะนี้...แล...


กำลังโหลดความคิดเห็น