xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** เจตนาไม่ซื่อ!! จุดยืน“รัฐบาลทหาร”นับวันยิ่งเพี้ยน จับไต๋แก้กฎหมาย-วางนโยบาย แปรธาตุ“รัฐวิสาหกิจ”ลดบทบาท“กฟผ.-ปตท.” ส่อเอื้อประโยชน์ให้ "ทุนนอก-ทุนไทย”จะบอกว่าจ้องจะขายชาติเหมือน“ระบอบทักษิณ”คงไม่เกินไป แถมใช้เล่ห์เหลี่ยมเหนือชั้นกว่าด้วย

ยิ่งอยู่นาน ยิ่งออกลาย.. พูดถึงจุดยืนของ“รัฐบาล คสช.”ของ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่อ้างว่าเสียสละกันเข้ามาเพื่อผลประโยชน์ชาติ-ประชาชน .. ที่ไหนได้ ยิ่งอยู่นาน หางยิ่งโผล่ ไม่เพียงแต่“งานปฏิรูปประเทศ”จะไม่กระดิกแล้ว ยังคอยแต่จ้องหาช่องโหว่ทางกฎหมาย บวกกับอำนาจในมือ บิดให้ผิดเพี้ยน ไปเข้าทางพวกพ้อง“ขุนทหาร”และบรรดา “นายทุน”โดยตลอด .. ก่อนหน้านี้ คำนูณ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ก็เคยจับไต๋ ถึงคำนิยาม“รัฐวิสาหกิจ”ในร่างกฎหมายสำคัญหลายฉบับ ที่ “ลักไก่”ตัดบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง พ้นการกำกับของภาครัฐ หรือทำให้"ความเป็นรัฐเจือจางลง" .. ไม่ว่าจะเป็น“บริษัทลูก - บริษัทหลาน - บริษัทเหลน" จะหลุดออกจากการกำกับดูแลของรัฐ หรือที่ “คำนูณ”นิยามว่า “นับแค่แม่ ไม่นับลูกหลาน”..แต่ในฐานะลูกหลานของรัฐวิสาหกิจ ก็จะยังได้สิทธิพิเศษจากรัฐอยู่ ซึ่งประโยชน์ไม่ได้ตกมาถึงส่วนรวม แต่เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทนั้น ที่รับไปเต็มๆ ..
“ข่าวปนคนฯ”ก็เคยบอกไปแล้วว่า หมากนี้ของ“รัฐบาลทหาร”หมุดหมายที่ว่า คือการเร่ขาย"รัฐวิสาหกิจ"เปิดช่องให้ทั้ง"ทุนนอก-ทุนไทย" เข้ามาสวาปาม ไม่ต่างจากสมัย"ระบอบทักษิณ" ที่จ้องจะขายชาติเลย .. หรือพูดให้ถูก “รัฐบาลทหาร”เหนือชั้นกว่า ที่หาญกล้าปล้นซึ่งหน้า ขณะที่"ระบอบแม้ว" ที่ถนัด"ปล้นกลางแดด" ต้องชิดซ้าย .. ก็เลยถึงคิวของ ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ต้องออกมาจับไต๋ “รัฐบาลทหาร” เมื่อมีการเปิดเผยเอกสารเกี่ยวกับแนวนโยบาย ด้านพลังงาน ที่แจกในที่ประชุมครม. เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 60 .. เนื้อหาโดยสรุป นำไปสู่การลดบทบาทของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) องค์กรหลักที่ดูแลการจัดหา- ผลิตพลังงานของประเทศ .. ร้ายกว่านั้นคือ การเปิดทางให้ “เอกชน”เข้ามามีบทบาทในการดำเนินงานมากขึ้น อ่านแค่นี้อาจมองได้ว่า ยังผลเพื่อ“ประสิทธิภาพ” ในการทำงาน ที่เอกชนน่าจะทำได้ดีกว่าภาครัฐ .. ทว่าหากวิเคราะห์ลงลึก“ธีระชัย”บอกว่าเป็นเรื่องของ“ผลประโยชน์เงินทอง”เต็มๆ หลายกิจกรรมของทั้ง“กฟผ.-ปตท.”ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐาน “สิทธิผูกขาด” ในฐานะหน่วยงานของรัฐ ก็จะเปิดช่องให้ “เอกชน”เข้ามามีเอี่ยว .. เหรียญมีสองด้านฉันใด เรื่องแบบนี้ก็มองได้สองมุมฉันนั้น หาก “เอกชน” เข้ามาร่วมดำเนินการในกิจกรรมบางประการของ “กฟผ.-ปตท.” ถ้าทำถูกต้องตามครรลอง มีการกำกับอย่างรัดกุม ก็ดีไป .. แต่หากทำไม่ถูกต้อง จะเปิดช่องให้เอกชนบางราย สามารถเข้ามาหาประโยชน์ได้อย่างง่ายดาย ผู้ที่รับเคราะห์ก็หนีไม่พ้น
ประชาชนคนไทยนั่นเอง ตรงนี้ “ธีระชัย”ว่าไว้ .. เป็นสองเรื่องซ้อนๆ ที่ส่อให้เห็น “เจตนาแอบแฝง”ของ“รัฐบาลทหาร”ที่แทนที่จะใช้เวลา-อำนาจที่มี ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ทำไปทำมา กลับหมกหมุ่นอยู่กับการเอื้อประโยชน์ให้ "ทุนนอก-ทุนไทย" เข้ามาแบ่งเค้ก สวาปามประเทศไทยเป็นหลัก .. หลักคิดเช่นนี้เอง ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ต้องออกปากเตือนว่า รัฐบาลใช้ “กองหนุน”เปลือง จนหมดแล้ว ก็สังเกตสิ หลังๆ คนที่ออกมาเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลของ“รัฐบาล คสช.”ก็ “อดีตแนวร่วม-คนเคยรัก”กันทั้งนั้น.

** ตลกกลบเกลื่อน!! “เลขาฯ ป.ป.ช.”หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ตอบปมนาฬิกาหรู“เสี่ยป้อม”เจอสับเละ กิริยาเสียชื่อเลขาธิการขององค์กรระดับชาติ เพจดัง CSI LA เปิดแคมเปญ ล่า“นาฬิกาบิ๊กป้อม”แบบ 4.0 ให้แฟนเพจส่งภาพผ่านแอป ก่อนให้กูรูฟันธง รุ่น-ราคา

ใช้เวลาไม่นาน ชื่อก็ติดตลาด .. วรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการมาไม่นาน .. จนได้สมญา “เลขาฯป้ายแดง”ที่เห็นว่า วางนโยบายให้จัดอีเวนต์แถลงข่าวผลงาน ป.ป.ช. อย่างน้อยเดือนละครั้ง คนจะได้รับรู้ผลงานกันแบบเปรี้ยงปร้าง .. ปลายสัปดาห์ก่อน ประเดิมตั้งโต๊ะแถลงหนแรก ขนคดีดังมาแถลง 4-5 เคส ก็ทำเอากองเชียร์โห่ฮากันไป ก็แต่ละเรื่อง “เงินทอนวัด”งี้ “สิบบนโรลสรอยซ์ ”งี้ ที่ถูกนำมาแถลงกะให้ปัง แต่ดันบอกออกมาได้ รายละเอียดเยอะ ต้องใช้เวลาอีกระยะ พูดง่าย ไม่ค่อยจะคืบหน้านั่นแหละ .. ส่วนที่คืบหน้าจนยุติได้ ก็ดันเป็นคดี“ทริปอะโลฮ่า ฮาวาย”ของ “เสี่ยป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กรณี เช่าเครื่องบินเหมาลำการบินไทย ไปประชุมที่มลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา ด้วยงบฯ 20 กว่าล้าน .. สรุปมติป.ป.ช.ตีตกแทบจะไม่ต้องคิดมาก อ้างว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แทงมาว่า โปร่งใส เป็นไปตามกฎหมายทุกประการ .. เปลื้องพันธนาการให้“บิ๊กป้อม”ไปแบบใสๆ แต่ดูท่าคนที่สบายใจกว่าหนีไม่พ้น“บิ๊กกุ้ย”พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ที่ปิดจ๊อบให้นายได้ ก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก ..
แต่โฟกัสของสื่อ-สังคม ไม่ได้สนใจคดีเก่าเก็บที่“เลขาฯวรวิทย์”งัดมาแถลง หากแต่ยังพุ่งเป้าไปที่กรณี“แหวนเพชร-นาฬิกาหรู”ของ “เสี่ยป้อม”มากกว่า ก็เลยถูกไล่เบี้ยถามเรื่องนี้เป็นพิเศษ .. จับอาการ“เลขาฯวรวิทย์”ที่หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ในทุกคำตอบ เกี่ยวกับ“บิ๊กป้อม”พูดไปหัวเราะไป ในอารมณ์“กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” ..แล้วก็ยังดูคล้ายคนที่พยายามกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง กับคำที่ย้ำ ซ้ำๆ ว่า “ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด” ..ทำเอา “เลขาฯวรวิทย์” ดังชั่วข้ามคืน เมื่อคลิปแถลงข่าวเอิ๊กอ๊าก ถูกแชร์ไปทั่วโลกโซเชี่ยลฯ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า ขาดความเป็นมืออาชีพ เป็นถึงเลขาธิการขององค์กรระดับชาติ กลับมีกิริยาท่าทางขัดลูกหูลูกตา ..

** เจี๊ยะป้าบ่อสื่อ!! “กระทรวงหมอ”ถอยกรูด ปลัดฯมือลั่น เซ็นคำสั่งห้ามชาร์จแบตในรพ. เจอดรามาแบบรัวๆ เก่งแต่“เอาเป็นเอาตาย”กับเรื่องเล็กๆ แต่เรื่องใหญ่ๆ ปล่อยอะลุ้มอะล่วยกันเสียนี่

“คนสา"สุข” บ่นกันอุบ .. กับประกาศสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ลงนามโดย "เจษฎา โชคดำรงสุข" ปลัดกระทรวงหมอ เมื่อช่วงปลายปีกลาย .. หัวข้อเรื่องมาตรการป้องกันกรณีการใช้ทรัพย์สินของทางราชการ ที่ดันไป“บ้าจี้”เอาข้อห้ามชาร์จมือถือ-ล้างรถในสถานที่ราชการ มาใส่ไว้ .. พลันเป็นเรื่องออกไปเท่านั้นล่ะ เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั่วประเทศ เป็น“ดรามา”ขึ้นมาทั้งใน สื่อหลัก สังคมออนไลน์ และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข อย่างกว้างขวาง .. เพจ “ฟิสิกส์แม่งเถื่อน”แสบสันต์ถึงขนาดจัดแจงคำนวณผลการใช้ไฟฟ้าจากการชาร์จแบตเตอรีมือถือทั้งปี ตก 1,387 บาทต่อ เครื่อง .. ก่อนที่เพจ "ขี่ช้างจับข้อมูล" ที่ระบุว่า ชาร์จแบตมือถือจะเสียเงินเพียง 0.045 สตางค์ หรือเงิน 1 บาท อาจจะชาร์จแบตบางเครื่องได้ทั้งเดือน .. ไม่เท่านั้นยังบอกด้วยว่า ถ้าเปิดบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมด พร้อมใจกันชาร์จแบตที่โรงพยาบาลทุกวันที่มาทำงาน 1 ปีเต็ม ทั่วประเทศก็จะตกอยู่ที่ 2.7 ล้านบาท .. ที่เด็ดก็คือ มีการไปเปรียบเทียบว่า แค่“พี่ตูน”วิ่ง 1.6 กิโลเมตร ก็ได้เงินบริจาคชาร์จได้ 1 ปี ถ้าเป็นนาฬิกา Richard Mille เรือนหนึ่ง ก็เอามาชาร์จแบตได้ถึง 3.7 ปี หรือราคาเรือดำน้ำ 1 ลำ ชาร์จแบตได้ 5,000 ปี ..
เจอดรามา แบบรัวๆ ทำเอาท่านปลัด ต้องคำสั่งกลับแทบไม่ทัน ในอารมณ์ว่า ลงนามตามที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเสนอเรื่องขึ้นมา ตามที่“กระทรวงหมอ”ได้ไปลงนามในความร่วมมือด้านความโปร่งใส ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA)เอาไว้ .. ถามว่าวัตถุประสงค์ “มาตรการป้องกันกรณีการใช้ทรัพย์สินของทางราชการ”จริงๆ แล้ว มันก็ดูดีอยู่ แต่ระดับนี้แล้วทำไมไม่ประเมินผลดี-ผลเสียให้รอบด้านเสียก่อน .. การทุจริต เบียดบังผลประโยชน์ทางราชการอย่างไม่ถูกต้อง มีตั้งมากมายหลายกรณี แต่ดันมา“เอาเป็นเอาตาย”กับเรื่องบ้องตื้นพรรค์นี้ .. เรื่องที่ใหญ่โต สร้างความเสียหาย มากกว่านี้ กลับเลือกที่จะ“อะลุ้มอะล่วย - ลดราวาศอก”เสียนี่

ช.ชฎา
รูป--

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
วรวิทย์ สุขบุญ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เจษฎา โชคดำรงสุข


กำลังโหลดความคิดเห็น