xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองยุค ‘ร่วมวงศ์ไพบูลย์’…

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"โสภณ องค์การณ์"

การเมืองน้ำเน่าขุ่นคลั่กสไตล์สยามเมืองยิ้มแห้งๆ ยังคงอยู่ในสภาพทุลักทุเลไร้ทิศทาง แม้แต่โร้ดแหม็บๆ ที่เป็นต้นแบบราคาคุยคำโตก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเป็นจริงเรื่องการเลือกตั้ง เพราะมีแต่คำแย้ง คำขู่ คำปราม คำขอนั่นนี่โน่น...น่าเบื่อหน่าย

คุณท่านที่ยังไม่ปฏิเสธชัดๆ ว่าจะสืบทอด ทอดยาวอำนาจปัจจุบันหรืออย่างไร ก็ยังสร้างสภาวะอึมครึมเหมือนเดิม ยิ่งมีเสียงแผ่วเตือนข้างหูว่า “ใช้กองหนุนเกือบหมดแล้ว...” ความคึกคะนองลำพองเชื่อมั่นน่าจะฝ่อหายไปเยอะ

จะเหลือก็เพียงความหลงเชื่อว่าอำนาจรัฐประหารจีรังยั่งยืน และตัวเองเก่งกว่านักรัฐประหารชิงอำนาจรุ่นพี่ที่จบไม่สวยทุกราย เพราะประเมินศักยภาพตัวเองสูงเกินไป ประเมินอารมณ์ความเบื่อหน่ายง่ายของคนไทยยุคนี้ต่ำเกินไป

ยิ่งเป็นยุคโซเชียลมีเดียด้วยแล้ว ข้อมูลดีเลวไปถึงกันง่ายยิ่งกว่าลมหายใจเข้าออก แม้แต่กระพริบตาไม่เสร็จ ข้อมูลก็ปรากฏบนจนโทรศัพท์มือถือแล้ว

สถานการณ์เปลี่ยนไว จำนวนกองหนุนก็แปรผันเร็วเท่านั้น แม้แต่กองหนุนอาสาตั้งการเมือง “ร่วมวงศ์ไพบูลย์” ที่คึกหวังตีกินง่ายๆ ขอมาทางลัดขณะที่คนอื่นต้องรอให้นั้น ก็ทำท่าละล้าละลังเพราะคำเตือนเสียงแหบแผ่ววันก่อนนั่นเอง

ความนิยมของท่านผู้นำจากรัฐประหารเมื่อ 6 เดือนก่อนกับขณะนี้เป็นหนังน้ำเน่าคนละม้วน เสียงเตือนแหบแผ่วให้เร่งทำงานสร้างความนิยมเรียกกองหนุนกลับคงเป็นเพียงแค่ความปรารถนาดี แต่ทำไม่ได้ ไม่มีกัลยาณมิตรเหลืออีกแล้ว

มิตรที่เคยมีถูกแปรสภาพให้เป็นศัตรู หรือคนรอสมน้ำหน้าทั้งนั้น ยังมีคนนิยมมองโลกสวยบ้องตื้นบางส่วนที่ยังเชื่อว่าคารมน้ำลายสัญญาลมๆ แล้งๆ ไม่ต่างจากท่านเหลี่ยมเร่ร่อนที่ชะตากรรมเปลี่ยนเพราะความอหังการในอำนาจ

ก็แปลงมิตร คนหวังดีให้เป็นศัตรู ผลสุดท้ายเหลือเพียงศัตรูกับขี้ข้าเท่านั้น!

การเมืองแบบ “ร่วมวงศ์ไพบูลย์” กลายเป็นความหวังรางเลือนแน่ เพราะผู้อาสาคงได้เห็นแล้วว่าท่านผู้ใหญ่ผู้โตที่เคยคุยโม้โอ่อ่าว่าไม่หวังคะแนนเสียง ไม่ต้องการฐานอำนาจยังวุ่นกับการวิ่งโร่ไปรับไหว้จากพวกเจ้าพ่อ มาเฟียการเมือง

ใครไปหาใคร หรือใครพามาหา ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ อยู่ที่ว่าท่าทีของท่านผู้อยากอยู่ต่อนั้นต้องปรับเปลี่ยนท่าทีพฤติกรรมเดิมๆ จากนายห่ามห้าวปากร้ายใส่ชาวบ้าน ชาวนา ชาวสวนด้อยโอกาส มาผู้รับบท “นายแสนดีวจีไพเราะ”

พกพามธุรสวาจาไปเต็มบ้อง ยืนถ่ายภาพร่วมกันเป็นสักขีพยาน ยิ้มหวานปากแทบฉีกถึงใบหู พูดเพราะๆ กับเจ้าพ่อ มาเพีย ขาใหญ่การเมืองค่ายต่างๆ

คนดีแบบผู้ก่อตั้งการเมืองแบบ “ร่วมวงศ์ไพบูลย์” ก็คงตาเหลือกเมื่อเห็นคนที่ตัวเองต้องการจะหนุนให้สืบทอดอำนาจคบหากับคนสีเทาอ่อนจนเทาเข้ม ดังเช่นคำพูด “ถ้าอยากรู้ว่าคนนั้นเป็นอย่างไร ให้ดูว่าเขาคบหาสมาคมกับใคร”

เห็นแค่นี้ชาวบ้านก็รู้แล้วว่าธาตุแท้เป็นคนแบบไหน ไว้ใจได้หรือไม่?

ถ้ายังไปด้วยกันได้ แสดงว่าการเมืองแบบ “ร่วมวงศ์ไพบูลย์” โดยไม่เลือกว่าคนจะมาร่วมด้วยนั้นมี “อุดมการณ์” อย่างไร ขอให้มีโอกาสได้กุมอำนาจรัฐเท่านั้น และการเมืองน้ำเน่าเช่นนั้นจะจีรังยั่งยืนหรือ ไม่ถามชาวบ้านก่อนหรือ

ช่วงนี้มีแต่คนโยนหินถามทางเรื่อง “อาจเลื่อนการเลือกตั้ง” แม้แต่ผู้ใหญ่ผู้โตนิยมการเมืองทางลัดยังปรามว่า “ถ้ายังมีความขัดแย้ง อาจไม่มีเลือกตั้ง” หรืออะไรทำนองนั้น โธ่! ชาวบ้านรู้ตั้งนานแล้วว่าต้องเล่นเกมซ่อนกลซ่อนเงื่อนแบบนี้

คนไม่มีประชาธิปไตยในหัวใจ นิยมก้าวสู่อำนาจทางลัด หรือมีกองหนุนขี้ข้าม้าใช้จัดการให้ ก็ต้องออกแนวนี้ ไม่ขอทดสอบความนิยมของประชาชนโดยผ่านการเลือกตั้ง ถ้าโดนนักการเมืองหาเสียงละเลงลิ้นใส่ ก็ต้องเผ่นกลับบ้านแล้ว

แบบนี้เขาเรียกว่าการเมืองผิวบาง หน้าหนา ของพวกชอบขอตีกินชุบมือเปิบ! พร่ำพูดแต่เรื่องการปราบทุจริต คอร์รัปชั่น ต้องมีธรรมาภิบาล ก็เป็นเพียงคำพูดแหกตาพวกบ้องตื้นมองโลกสวย คนขี้โกงใกล้ตัวเห็นหน้าทุกวันก็ยังทำเฉย

เมื่อการเมืองยุค “ร่วมวงศ์ไพบูลย์” จะมีเจ้าพ่อ มาเพีย ผู้มีอิทธิพล ประวัติล้วนเป็นพวกกังฉินกินเมืองมาร่วมเป็นลมไต้ปีกกองหนุนคุณท่านผู้ใหญ่ผู้โตให้อยู่ยาว ฝ่ายไม่เอาด้วยก็ต้องหาทางออกเป็นรูปแบบการเมือง “ดัดหลัง” เช่นกัน

ฮ่วย! การออกกฎหมายห้าม “โนโวต” หรือ “งดใช้สิทธิกาเบอร์” ก็ผิดหลักประชาธิปไตย เพราะประชาชนมีสิทธิไม่ไปใช้สิทธิ นอนบี้สิวแก่อยู่บ้านเฉยๆ หรือทำอะไรก็ได้ เมื่อเห็นว่าหน้าตาของพวกที่เสนอมาให้เลือกนั้นไม่เป็นมงคลชีวิต!

ยุคนี้มีหลายคน โผล่หน้าจ้อบนจอทีวีเมื่อไร ชาวบ้านอารมณ์ขุ่นมัวทันที!

กระพ้มเคยบอกว่าถ้านักเลือกตั้งถูกบีบเข้าตาเดินคับขันเราอาจได้เห็นค่ายเหลี่ยมจับมือกับค่ายสะตอจัดตั้งรัฐบาล ก็มีเสียงค้านว่า “เป็นไปไม่ได้” อย่าลืมว่า “การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร มีแต่ผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้นที่ถาวร”

เดี๋ยวนี้เริ่มได้ยินคนพูดว่า “คุณท่านผู้นำทำให้ท่านเหลี่ยมเร่ร่อนดูดีขึ้น!”

ฟังแล้วรู้สึกเจ็บปวดมั้ย? การเมืองน้ำเน่าแบบบ้านเรา อะไรก็เป็นไปได้ ก่อนหน้านี้ใครจะนึกว่าคุณท่านผู้นำจะเดินสายขอปรองดองกับกลุ่มนักเลือกตั้งที่คณะคุณท่านทำรัฐประหารยึดอำนาจจากพวกนิยมไปสุดซอยยามใกล้สว่าง?

ถ้าคิดว่าเป็นไปได้ยากที่จะให้ค่ายเหลี่ยมกับค่ายสะตอจับมือกันตั้งรัฐบาลโดยผลัดกันเป็นนายกฯ ตามตัวเลข สส. ถ้าอย่างนั้นการเมืองแบบ “ดัดหลัง” จะทำให้ทั้ง 2 ค่ายประกาศขอเป็นฝ่ายค้านด้วยกันโดยไม่ต้องร่วมกันได้หรือไม่...?

ถ้าต้องการ “ดัดหลัง” คนมาทางลัดแบบนี้ ใครมาก็อยู่ยาก ถ้าทั้ง 2 ค่ายได้เสียงรวม 300 ถึงวาระต้องผ่านงบประมาณ ร่างกฎหมายการเงิน ก็ลำบาก จะให้วุฒิสภาฝักถั่วตรายางเหมือน สนช. ช่วยก็ยาก เว้นแต่จะแก้กฎหมายอวยกันสุดๆ

อย่างนั้นจะเป็นเผด็จการรัฐสภายิ่งกว่าไปสุดซอย จะยกระดับเป็นสุดโต่ง!

การเมืองน้ำเน่าแบบไทยๆ อะไรก็เป็นไปได้ ถ้าอยาก “ดัดหลัง” นักชุบมือเปิบตีกิน ค่ายเหลี่ยมและค่ายสะตอจะใช้ยุทธศาสตร์คอมมิวนิสต์ “แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง” เล่นงานเป้าหมายร่วม “ศัตรูของศัตรูคือมิตร” ก็ย่อมได้! ใช่มั้ย?

ถ้าวันนั้นมาถึง จะมีการแจ้งเกิดของ “ละอ่อนการเมือง” คนใหม่! เอิ๊ก!



กำลังโหลดความคิดเห็น