xs
xsm
sm
md
lg

ผมนักการเมือง-บิ๊กตู่ลั่น"กองหนุน"อยู่ที่ใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน360- "บิ๊กตู่" เลิกเหนียม ประกาศเป็นนักการเมืองเต็มตัว จะขอรับผิดชอบชีวิตประชาชน ด้วยชีวิตของตัวเอง แถรัฐบาลคสช. ไม่ใช่รัฐบาลทหาร เพราะมีนักวิชาการร่วมด้วย อีกทั้งตัวเองก็เลิกเป็นทหารมา 3 ปีแล้ว ตีความ "กองหนุน" ตามคำ "ป๋าเปรม"ไปอีกทาง บอกคือการระดมทุกภาคส่วน ทั้งประชารัฐ ข้าราชการ เอกชน ประชาชน ประชาสังคม ภาคธุรกิจ มาช่วยกัน ปลอบตัวเอง "กองหนุนอยู่ที่ใจ" แต่อยากได้ประชาชนเป็นแนวร่วมเพิ่ม ยัน กม.ลูกอีก 2 ฉบับที่เหลือเสร็จเมื่อไร ก็มีเลือกตั้ง ไม่มียื้อ

วานนี้ (3 ม.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวหลังการประชุมครม. ว่า วันนี้เป็นวันแห่งความสุข เป็นวันแห่งรอยยิ้ม ตนก็ยิ้มเยอะๆ แต่ก่อนนี้ ตนยิ้มแล้วหุบเร็ว เพราะเป็นคนไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่
"วันนี้ผมต้องเปลี่ยนแปลง เพราะผมไม่ใช่ทหาร เข้าใจไหม เป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหาร มันก็ติดนิสัยทหารอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดคือประชาชน และไม่ใช่ประชาชนของผม ประชาชนของประเทศไทย และไม่ใช่ของพรรคไหน ทุกคนเป็นพลเมืองไทย ก็ต้องหนุนการเมืองที่ถูกต้อง มีธรรมาภิบาล มีการเลือกตั้งในระบบยุติธรรม มีพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ มีพรรคการเมือที่ใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่า และประหยัด ตรวจสอบได้และการตรวจสอบ เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม อย่ามาตัดสินกันเองเลยทุกเรื่อง" นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามว่า จะเป็นนักการเมืองยาวๆไปเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่เคยอยากเป็นสักวัน ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ยังไม่ได้อยากเป็น แต่มันด้วยหน้าที่ ความจำเป็น ชีวิตรับผิดชอบ ตนรับผิดชอบด้วยชีวิตของตน

** บอก"กองหนุน" อยู่ที่ใจตนเอง

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่บอกว่า นายกฯใช้กองหนุนเกือบหมดแล้ว ต้องหากองหนุนเพิ่ม ว่า โดยส่วนตัว เข้าใจ และครม.หลายคนที่ไปอวยพรปีใหม่ พล.อ.เปรม ในวันนั้น ก็เข้าใจ คำว่า กองหนุน หมายความว่า เราได้เอาคนทุกคนมาช่วยขับเคลื่อนประเทศไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประชารัฐ ทั้งข้าราชการ เอกชน ประชาชน ภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจ ท่านก็บอกว่าใช้ไปหมดแล้ว แต่ทำอย่างไร มันจะมากขึ้น ตนตีความหมายแบบนี้ และคิดว่า พล.อ.เปรม คงไม่ได้มีเจตนาอะไรกับตน ที่จะมองในเรื่องไม่ดี เพราะท่านได้ให้กำลังใจรัฐบาลมาโดยตลอด คงไม่พูดอะไรที่ทำให้ตนเสียหาย ขึ้นอยู่กับว่า เราจะตีความอย่างไร ฉะนั้น ลองคิดดู สิ่งที่ตนพูด มันใช่หรือไม่ แต่ก่อนทุกคนมาร่วมมือกันแบบนี้หรือไม่ คือยังไม่ใช้กองหนุน แต่ตอนนี้ตนเอากองหนุนมาหมดทุกอัน เอามาช่วยกิจการที่เป็นของรัฐ ความร่วมมือ เกิดมากขึ้นในกลุ่มประชารัฐ คณะทำงานประชารัฐทุกคนมาช่วย และมาทำตรงนี้ เพื่อแก้ปัญหาการเอื้อประโยชน์ต่อกัน

"ต้องคิดอย่างสร้างสรรค์กันหน่อย ถ้าหาประเด็นตีกันอยู่แบบนี้ มันก็ไม่ได้ คำว่า กองหนุน ของผมคือ ใจผมยังเต็มที่ เต็มเปี่ยม กองหนุนมันต้องอยู่ที่ใจตัวเองก่อน ตราบใดที่ผมยังมีความเชื่อมั่น และศรัทธาต่อประชาชนของผม ของพวกเราทุกคน ผมก็คิดว่า ทำได้ทำสำเร็จ แต่ถ้าเราบอกว่า ท้อแท้หมดกำลังใจ หรือโมโหมากเกินไป มันก็ไม่ใช่เรื่อง มันบ่อนทำลายตัวผมเปล่าๆ " นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กองหนุนส่วนไหน ที่ต้องการมากที่สุดในเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากได้ทุกพวก คือ ประชาชน ซึ่งต้องเข้าใจ ถ้าประชาชนไม่เข้าใจ ก็ลำบาก การจะทำอะไรก็ตามที่เป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศ จากสิ่งที่ทำมาทั้งชีวิต และเผชิญความยากจนมาตลอดชีวิต จะแก้ภายในระยะเวลาอันสั้น คงแก้ไม่ได้ อยู่ที่การสร้างการรับรู้ การเรียนรู้ ซึ่งในวันนี้ เราปล่อยปละละเลยมายาวนาน จนกระทั่งไม่เข้าใจ กลายเป็นว่า ทุกอย่างต้องเป็นภาระของรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว และมีการตอบสนองในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งบางทีไม่ใช่ นั่นคือปัญหาที่ทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไม่ได้

" วันนี้ทุกคนอาจจะบอกว่าไม่น่ามีเหตุผลในเรื่องความขัดแย้ง ไม่เห็นมีอะไร แล้วทุกวันนี้มันสงบกันยังไง ก็เป็นเรื่องของท่าน ประชาชนก็ไปตัดสินกันเอาเอง ควรเป็นอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะที่บอกว่า ทุกอย่างเป็นของประชาชน ซึ่งประชาชนที่ว่านั้น ตรงไหนล่ะ ถ้าประชาชนของพรรค

ท่าน ก็ต้องไปตรวจสอบสมาชิกพรรค มีเหลือเท่าไหร่ ให้ถูกต้องแค่นั้นเองจะไปยากตรงไหน ภาระของพรรค ไม่ใช่ภาระของประเทศ ดังนั้น ทุกพรรคก็ต้องไปทำให้ถูกต้อง ผมคิดว่าสังคมก็รอดูอยู่เหมือนกัน" นายกฯ กล่าว

** บ้านเมืองสงบเพราะกฎหมายพิเศษ

เมื่อถามว่า ความสงบในช่วงปีใหม่ ที่ไม่เกิดเหตุรุนแรงอะไร ถือเป็นสัญญาณที่ดีของบ้านเมืองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อทุกสื่อเขียนว่า ปีใหม่การต่อสู้ทางการเมืองจะแรงขึ้น หากสื่อเขียนอยู่แบบนี้ ก็จะเป็นอยู่แบบนี้ ตราบใดที่ให้ความสำคัญกับเรื่องที่ไม่ค่อยเป็นเรื่อง สื่อต้องฟังรัฐบาลบ้าง ชี้แจงแทนตนบ้าง ไม่ใช่เอาความขัดแย้ง หรือเอาคนที่ไม่มีบทบาทออกมาพูด แล้วขยายความกันทุกวัน

เมื่อถามว่า ข้อมูลรัฐบาลเรื่องความสงบ เป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สงบในระดับหนึ่ง คือยังไม่ออกมาข้างนอก ก็กลัวกฎหมายอยู่เหมือนกัน กฎหมายของตนไง ลองคิดดู ถ้าไม่มีกฎหมายที่มีอยู่ แล้วในวันนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น ที่ผ่านมากฎหมายปกติทั้งนั้น เอาอยู่กันหรือไม่ ไม่อยู่หรอก และในวันนี้ในโซเชียลมีเดีย มีมากมาย ฉะนั้น ต้องแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ ก่อนที่จะไปสู่การเลือกตั้ง ถ้าไม่แก้เรื่องเหล่านี้ ต่อไปก็ลำบาก

"ผมยังไม่รู้ใครจะมารับผิดชอบต่อ เขาจะแก้ได้หรือเปล่า ผมก็ไม่ทราบ เขาจะทำให้สงบแบบนี้ได้หรือเปล่า ผมก็ไม่รู้ ใครจะเป็นรัฐบาลก็ยังไม่ทราบ ใช่ไหม เมื่อได้รัฐบาลเลือกตั้งมาแล้ว จะบริหารได้หรือเปล่า ก็ไม่รู้ ทุกอย่างมีบทเรียนทั้งสิ้น ดังนั้น ทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้ง อดีต ปัจจุบัน และอนาคตต้องทำความเข้าใจประชาชนให้ชัดเจนว่า จะทำให้บ้านเมืองสงบสุขได้อย่างไร อย่ามาอ้างเรื่องสิทธิ เสรีภาพ ความขัดแย้ง ความบริสุทธิ์ ซึ่งท่านเองก็รู้ อันไหนบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ ผมก็ดูออก"

เมื่อถามว่า แสดงว่า ไม่มั่นใจในสถานการณ์ข้างหน้า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับตน มั่นใจหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องของตน เป็นเรื่องกติกาจะเลือกตั้งได้เมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้น ตนจะมั่นใจหรือไม่มั่นใจ ก็ทำอะไรไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราต้องพัฒนาการศึกษาทั้งระบบ เพราะถือเป็นกองหนุน หากผลิต และสร้างคนที่มีคุณภาพ จะถือเป็นกองหนุนอีกชั้น ซึ่งกองหนุนไม่ได้มีกองเดียว มันมีขั้นที่ 1 ขั้นที่ 2 และ ขั้นที่ 3 วันนี้ผ่านกองหนุน ขั้นที่ 1 มาแล้ว ขั้นที่ 2 คนยังลำบากอยู่ในทุกวันนี้ เราต้องแก้ให้เขาจึงจะมีเพิ่ม ตนเข้าใจว่า สิ่งที่ พล.อ.เปรม พูดหมายความว่า อย่างนี้ตอนนี้เราเอามาทุกกลุ่ม แต่ยังมาได้ ไม่มาก

**แถรัฐบาลคสช. ไม่ใช่รัฐบาลทหาร

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย จับมือทวงคืนประชาธิปไตยจากทหาร ว่า " ทวงจากทหารที่ไหน ผมเคยบอกแล้วว่ารัฐบาลไม่ใช่ทหาร ถึงผมจะมาจากทหาร ก็ไม่ใช่ทหาร เพราะผมออกจากทหารมา 3 ปีแล้ว อย่าไปมองว่า อะไรก็ทหาร ต้องไปดูว่าเป็นการสร้างความเกลียดชังให้กับทหาร หรือไม่ แล้วรัฐบาลนี้ก็ไม่ใช่ทหารทั้งหมด มีนักวิชาการด้วย ส่วนเรื่องใครจะไปจับมือใคร เป็นสิทธิส่วนบุคคล ทุกพรรคการเมืองมีอุดมการณ์ที่ประชาชนยอมรับ มีสมาชิกพรรคที่ครบถ้วน ถูกต้องก็จบ สังคมรับได้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหน"

แต่ข้อสำคัญคือ ต้องมีการทบทวนการเป็นสมาชิกพรรค เพราะที่ผ่านไม่มีการแสดงตน เรื่องการบำรุงพรรค ก็ใช้วิธีการเสียภาษี ทำให้ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นสมาชิกพรรคไหน ก็ต้องทำให้ชัดเจน แต่หากเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของตัวเอง แล้วจะกลัวทำไม ว่าคนจะหนีไปไหน ซึ่งเรื่องนี้ประชาชน และสื่อ ต้องช่วยกันคิดว่า วันข้างหน้าเราต้องการให้ใครเข้ามา ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินด้วยการกาบัตรเลือกตั้ง ไม่ใช่ให้ตนไปสั่งว่ากาบัตรให้ใคร และไม่อยากให้ใช้คำว่า เป็นการต่อสู้ทางการเมือง เป็นเรื่องของทหารที่ต้องการมีอำนาจต่อ ตนบอกไปแล้วว่า เบื่อการใช้อำนาจ เพราะตนเป็นทหารมา 30-40 ปี ใช้อำนาจในการปกครองบังคับบัญชาลูกน้องมาตลอด ตนไม่ได้รู้สึกว่าอยากมีอำนาจ เพราะการมีอำนาจ มีเอาไว้เพื่อปกครอง บังคับบัญชาทหาร ทั้งในยามปกติ และยามศึกสงคราม นั่นเขาเรียกว่า อำนาจทางทหาร และจำเป็นต้องมีระเบียบ วินัย แต่วันนี้ตนเป็นนายกฯ ที่กำกับดูแลการทำงานของรัฐบาล และมอบนโยบายต่างๆ ตนไม่ได้ใช้ความคิดของทหารเลย ซึ่งตนเอาความคิดของทหารมาใช้แค่เรื่องเดียว คือ การขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติ เพื่อให้เกิดขึ้นให้ได้

ส่วนการประกาศความชัดเจนในการเลือกตั้ง ทุกอย่างยังเป็นไปตามโรดแมป ซึ่งตนไปพูดกับต่างประเทศแบบนี้ และหลายประเทศที่ตนไปอธิบาย เขาก็เข้าใจ เพราะตนบอกว่าอยู่ที่ กม.ลูก 2 ฉบับ หากประกาศใช้เมื่อไร ก็เมื่อนั้น แต่อย่ามาบอกว่าดึงเรื่อง คงทำไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา กรธ. เขาร่างกฎหมาย โดยความคิดเห็นของกรธ.เอง ที่ผ่านมาเคยบอกแล้วว่า หน้าที่ใครหน้าที่มัน แต่ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกันว่า บ้านเมืองจะสงบสุขได้อย่างไร ประชาชนก็ต้องเข้าใจตามนี้

เมื่อถามว่า ยังจะมีการเลือกตั้งในเดือนพ.ย.61 หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็ประกาศไปแล้วไง ถ้ากฎหมายลูกเสร็จ ก็เลือกตั้ง แต่ถ้าไม่เสร็จ ก็ไม่ใช่เรื่องของผม หรือเสร็จ ก็ไม่ใช่เรื่องของผม แล้วไม่ใช่ไปโทษ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ดึงเรื่อง มันไม่ใช่ เวลาสนช.อภิปรายกัน ลองไปดูเขาเถียงกันเรื่องอะไร เขาไม่ได้พูดเข้าข้างผมสักคน บางเรื่องเขาก็ไม่เห็นด้วย ถ้าบอกว่า ผมมีอำนาจทับซ้อน สนช.จริง แล้วเขาจะกล้าเหรอ แสดงว่าผมก็ปล่อยเสรีเขาไม่ใช่หรือ ผมจะไปสร้างเรื่องทำไม วันนี้งานก็เยอะอยู่แล้ว ปัญหามากมาย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

** "ป้อม"ร้อง"โว๊ว" เมื่อถูกถามเรื่องนาฬิกา

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ การเลือกตั้งจะมีขึ้นในปี 61 หรือไม่ว่า จากที่ได้พูดคุยกับนายกฯ ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังเป็นไปตามโรดแมปเดิม แต่ก็ต้องมาดูว่า เหตุการณ์จะสงบดีหรือไม่ เพราะประชาชนต้องการความสงบ มาเป็นลำดับแรกอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงกรณี การชี้แจงปมนาฬิกาหรู ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวอุทานขึ้นมาเพียงว่า“โว๊ว” ก่อนรีบเดินไปขึ้นรถประจำตำแหน่งทันที


กำลังโหลดความคิดเห็น