xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** แก้ผ้าเอาหน้ารอด!! น่าผิดหวังผลสอบ “น้องเมย”ดับ ครอบครัวคนตายตราหน้า“น่าสังเวช-ยิ่งเวทนาแท้”สอบตั้งร่วมเดือน มีข้อมูลแค่ตกบันได 8 ขั้นก่อนล้มป่วย แถมให้น้ำหนัก “คำบอกเล่า”มากกว่า “หลักฐานวิทยาศาสตร์”เห็นท่าไม่ดี “สสถาบันนิติวิทย์”หาเรื่องชิ่งทันที น่าห่วงถึงชั้นศาล “เกียรติภูมิ”แห่งกองทัพไทยจะไม่เหลือ

น่าสังเวช-ยิ่งเวทนาแท้ .. คือคำนิยามจาก “ครอบครัวผู้สูญเสีย”ต่อการตั้งโต๊ะเรียงหน้ากระดานแถลงผล จากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงการเสียชีวิตของ“น้องเมย”นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ชั้นปีที่ 1 .. คำยืนยันของคณะกรรมการฯที่มี พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร เป็นประธาน ยืนยันว่า“น้องเมย”เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันไม่ได้เกี่ยวกับการ“ธำรงวินัย”ก่อนตายเพียงไม่กี่วัน .. ถือเป็นผลสอบสวนประเภท เปลืองไฟ เปลืองแอร์ เปลืองกระทั่งกระดาษ เอ 4 ที่เอามาใช้พิมพ์รายงาน .. ด้วยข้อมูลที่แถลงออกมาก็ยกเอาเหตุของการเสียชีวิตมาจาก “ใบมรณบัตร”ที่ออกมาตั้งแต่ต้น ว่าเป็นภาวะ“หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน” ..ที่พยายามย้ำอย่างนั้น ก็เหมือนการโบ้ยว่าผู้ตายมี “ปัญหาสุขภาพ”เอง ทั้งๆที่รู้เต็มอกว่าภาวะ “หัวใจล้มเหลว”ที่แพทย์ระบุถึงนั้นเป็นแค่ “ปลายเหตุ”เหมือนๆ กับมุกตลกฝืดๆ ที่ว่า “ไม่หายใจ”นั่นแหละ .. คิดเป็นอื่นไม่ได้ นอกจาก “แก้ผ้าเอาหน้ารอด”จนอาจ (แกล้ง) หลงลืมไปว่า สิ่งที่ “ครอบครัวน้องเมย”และสังคมใคร่รู้คือ “สาเหตุที่แท้จริง”ของการเสียชีวิตต่างหาก ..
ที่น่าตลกก็คณะกรรมการฯชุดนี้ กลับให้น้ำหนัก “คำบอกเล่า”ที่เซตสคริปต์กันมาเหมือนกันเด๊ะ มากกว่า“หลักฐานทางวิทยาศาสตร์” .. มีอย่างที่ไหน สอบสวนตั้งนานทำได้แค่สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องในโรงเรียน 40 กว่าปาก แล้วมาสรุปว่าไม่มีการ “ซ่อม - ซ้อม”ที่ส่อไปในทาง “ทำร้ายร่างกาย”แต่ “น้องเมย”อ่อนแอเองด้วยภาวะ “หอบทางอารมณ์”ที่กระทั่งหมอ ก็ต้องร้อง งง เด้ๆ .. ถามกลับว่า แล้วใน 40 กว่าปากที่ไปสอบสวนมา มี“รุ่นพี่น้องเมย”ที่เคยออกมาสารภาพว่า มีส่วนทำให้ “น้องเมย”ต้องเสียชีวิต แต่ไม่ทั้งหมด รวมอยู่ด้วยไหม .. ยิ่งไปกว่านั้น คณะกรรมการฯยังเอา “คำบอกเล่า” มาหักล้าง “ผลชันสูตรศพ”ที่ระบุว่า ร่างของผู้ตายมีรอยฟกช้ำหลายแห่ง รวมซี่โครงที่หักด้วย .. คณะกรรมการฯ “แก้ต่าง”ให้เสร็จสรรพว่า ก่อนเสียชีวิต “น้องเมย”ตกบันได 8 ขั้น ซึ่งเป็น“ข้อมูลใหม่”เพียงเรื่องเดียวที่ได้มาจากการสอบสวนร่วมเดือน .. ไม่เพียงเป็นข้ออ้าง “บ้องตื้น”ราวกับคนฟังรับประทานหญ้าเป็นอาหารเท่านั้น ยังเกิดคำถามด้วยว่า ตกบันได 8 ขั้น หรือ 8 ชั้น กันแน่ จนทำให้ต้องถึงแก่ความตาย ..
ด้วยท่าทีของทางกองทัพที่เต็มไปด้วยเครื่องหมาย-ข้อข้องใจมากมาย ตลอดจนความน่ากังขาจากกรณีคืนศพโดยไร้อวัยวะภายใน และไม่แจ้งให้ครอบครัวทราบก่อน มาถึงผลสอบของคณะกรรมการฯ ที่ตั้งขึ้นโดย “บิ๊กต๊อก”พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) กลับตอกย้ำความเป็น “แดนสนธยา”ของ “กองทัพไทย”ที่ยึดมั่นถือมั่นใน มอตโต้ “ไม่ขายน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน”ซะเหลือเกิน .. ถึงเวลานี้ “ครอบครัวน้องเมย” รอเพียงผมการตรวจสอบอวัยวะภายในของ “น้องเมย”จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่เชื่อว่ามีข้อมูลเป็นประโยชน์ในการต่อสู้คดีของน้องเมยในชั้นศาลอย่างแน่นอน อย่างน้อยสภาพ “ตับ-ม้าม” น่าจะบ่งชี้ถึงเหตุการณ์ก่อนถึงแกความตายได้เป็นอย่างดี .. ตรงนี้อาจเป็นเหตุให้จู่ๆ ท่าน ผอ.สถาบันนิติฯ กระทรวงยุติธรรม ออกมายอมรับว่า ไม่มีปัญญาในการสกัดดีเอ็นเอ จากอวัยวะ "น้องเมย" ได้ ทั้งที่เป็นหน่วยงานที่น่าจะเชี่ยวชาญที่สุด กลับส่งต่อไปให้ รพ.รามาฯ ตรวจอีกรอบ คาดใช้เวลา 2 เดือน ทราบผล .. คล้ายเป็นอากัปอาการของการโยน “เผือกร้อน”ให้พ้นตัว ก็ด้วยผลสอบร่างกายชุดแรกที่ระบุว่า มีรอยฟกช้ำและกระดูกซี่โครงซี่ที่ 4 หัก ไม่ได้มาจากการ CPR ก็ออกจากสถาบันนิติฯ นี่แหละ .. รูปการณ์เป็นเช่นนนี้แล้ว ก็ห่วงซะเหลือเกินว่า ถ้าเรื่องไปถึงชั้นศาลจริง ไม่เพียงแต่จะลากคอ“คนผิด”มาลงโทษได้ “เกียรติภูมิ”แห่งกองทัพไทย ที่ยึดมั่นถือมั่นซะเหลือเกินก็อาจไม่เหลือซาก.

** ไม่ลดราวาศอก!! โผล่อีกสมบัติ “เสี่ยป้อม”นาฬิกา Rolex เรือนละ 2 ล้าน เจ้าตัวยิ่งเงียบยิ่งเป็นประเด็น สื่อต่อยอดไปไกล กางบัญชีทรัพยสิน “ป๋าป้อม”ปี 51 เทียบปี 57 เงินฝากงอกกว่า 30 ล้าน ไม่ระบุที่มา ทั้งที่ “รายได้ประจำ”แค่ปีละล้านเศษๆ

ยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง .. "นาฬิกาเรือนโก้-แหวนเพชรเม็ดเป้ง" ของ "เสี่ยป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ คสช. กลายเป็นกระแสฮอตฮิตไปไกล จนนึกไม่ออกว่าจะจบลงท่าไหน .. ก็เหตุเพราะ “เสี่ยป้อม”ไม่เคลียร์คัต ให้ชัดเจนก็โดนต่อยอดเล่นเป็นประเด็นไปเรื่อย .. ข้ออ้างน้ำขุ่นๆ ว่า "แหวนเพชรเม็ดเป้ง" ได้มาจากคุณแม่ และ "นาฬิการาคาแพง" หยิบยืมมาจากเพื่อนนักธุรกิจ สุดท้ายก็เหมือนจะ “หน้าบาง”เกินกว่าจะงัดมาใช้ .. บอกหลายทีแล้ว “นักการเมือง - ข้าราชการ”โดยเฉพาะระดับ “ป๋าป้อม”ที่ใหญ่เป้งมาตั้งแต่เป็นทหารชั้นผู้น้อย จะใช้ของแพงระยับขนาดไหนไม่มีใครว่า แต่ต้องชี้แจงได้ .. แต่นี่ไม่เพียงไม่ชี้แจง ยังทำท่าอมพะนำ แล้วใช้ “ปฏิบัติการไอโอใต้ดิน”พยายามปล่อยข่าวไปเรื่อย ซึ่งเห็นอยู่ว่า“มันแป้ก” ..จนกลายเป็นว่าตอนนี้เลือดไหลไม่หยุด จาก Richard Mille เรือนแรก ต่อด้วยเรือนที่ 2 ตอนนี้ตามมาด้วย Rolex Cosmograph Daytona Iec Blue Platinum ราคาไม่มากมาย 2 ล้านเศษ ทุกเรือนที่ถูกคุ้ยมา ราคาเกิน 2 แสนบาทที่กฎหมายกำหนดให้ต้องยื่นในบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. .. แล้วถ้าเอาให้ครบตามลายแทงของสื่อโซเชียลฯอย่าง The MATTER จัดการ "รวบตึง" หาภาพเฟอร์นิเจอร์หรูประดับกายของ "ป๋าป้อม" ผ่านรูปภาพในอดีต พร้อมขนานนามว่า "The Watchmen" หรือแปลเป็นไทยว่า "มนุษย์นาฬิกา" ด้วยพบว่า มีการสวมใส่นาฬิกาแทบไม่ซ้ำ รวบรวมมาได้มากกว่าสิบเรือน .. ครั้นจะไป “แถ” ว่าทุกเรือนที่คาดข้อมือไว้โก้ๆนั้น หยิบยืม “เพื่อนสนิท” มาทั้งนั้น ก็ท่าจะดูแคลนวิจารณญาณของ“พี่น้องชาวไทย” ไปหน่อยแล้ว ..
ล่าสุด มีการปล่อยข้อมูลออกมาอีกว่า “เพื่อนสนิทนักธุรกิจ”ที่ให้ “เพื่อนป้อม” หยิบยืมนาฬิกามานั้น เสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้ .. สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้แก่ “เพื่อป้อม”เป็นอย่างมาก ด้วยคบหากันมากว่า 40 ปี เป็นเหมือนพี่น้องกัน แต่ในเมื่อเจ้าตัวไม่ได้ออกมาให้ข้อมูลเอง ก็คงไม่น่าให้น้ำหนักเท่าไร .. กรณีนี้จะว่า“นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว”คงไม่ได้ น่าจะเข้าเค้า “นิ่งเงียบเท่ากับยอมรับ”มากกว่า .. ทำให้ต่อความยาวสาวให้ยืดได้เพียบ อย่างที่ข่าวปนคนฯ เราจุดพลุไป Richard Mille เรือนเท่ๆ ที่เห็นกันนั้น มี "คนรู้ใจ" เป็นธุระหาซื้อมาให้ "ป๋าป้อม" ประดับบารมี .. ตรงกับที่ตัวแทนจำหน่ายนาฬิกา RM ในไทยระบุว่า ไม่พบประวัติลูกค้าที่ชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ .. หรืออย่างหลายสำนักข่าว เริ่มเจาะตัวเลขทรัพย์สินของ “ท่านป้อม”ว่า มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 31 ล้านบาท นับจากปี 2551 ที่ยื่นไว้ครั้งแรก กับครั้งล่าสุด เมื่อปี 2557 แต่ไม่พบข้อมูลระบุในบัญชีฯ ว่าเพิ่มมาจากส่วนไหน .. ยังมีข้อมูลของ“สำนักข่าวอิศราฯ”ที่บอกว่า ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมานั้น เป็นในส่วนของ เงินฝากเพียวกว่า 28 ล้าน ที่ไม่มีการระบุที่มา ซึ่งไม่ใช่ “เงินลงทุน”แน่ เพราะการยื่นครั้งล่าสุด ในส่วนของเงินลงทุนก็ลดลง .. อีกทั้งคงไม่ใช่รายได้จากเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง หรือเงินบำนาญ ตัวเลขเหล่านี้รวมกันปีนึงเต็มที่ 1 ล้านบาทเศษ จู่ๆ 5-6 ปีพุ่งขึ้นมา 30 ล้าน นี่ถือว่ารวยมากกว่า “รายได้ประจำ”ที่แจ้งไว้ .. นึกไปถึงข่าว อดีตประธานสภาอินโดนีเซีย ที่กำลังขึ้นศาลในคดีคอร์รัปชัน รับสินบน โทษสูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต .. สินบนอินเทรนด์เป็นนาฬิกาหรูยี่ห้อ Richard Mille มูลค่าราว 4.4 ล้านบาท กับเงินอีกราวๆ 240 ล้านบาท .. รายนั้นเห็นว่า“เล่นแง่” ปิดปากไม่ให้การใดๆ เหมือนกัน .

** จุดหมายเดียวกัน!! “สุเทพ - สมศักดิ์”ก้าวคนละก้าว แต่รับงาน “ขุนทหาร”เหมือนกัน เขี่ยลูกสลายขั้วการเมือง ตีให้แตกทั้ง“เพื่อไทย - ประชาธิปัตย์”ปูพรมแดง “พรรคลายพราง”ทางสะดวก

รับประทานดีหมีมาจากไหนไม่ทราบ .. “เดอะแจ๊ค”วัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ จัดเต็มข้อ ล่อเต็มแข้ง ไปถึง“กำนันใต้คนดัง” ที่รับงานมาจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ให้ทหาร .. แล้วก็ล่อไปพวก“นายพลภาพลักษณ์ดี”บางคนที่ออกอาการ “เสพติดอำนาจ”สมคบคิด “สืบทอดอำนาจ” กับ “นักการเมืองพันธุ์เก่า” ..แถมแฉแผนการแบบ “รู้เช่นเห็นชาติ”ว่า ทหารกลุ่มที่เสพติดอำนาจ กำลังสมคบคิดกับ “อดีตข้าราชการประจำ-เจ้าสัว-นักการเมืองพันธุ์เก่า”ดำเนินการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมา .. หัวหน้าพรรคเป็น“เฮียกวง”สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เศรษฐกิจคนปัจจุบัน ส่วนเลขาฯพรรคให้ สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตประธานกรรมการ ตลท. ที่ตอนนี้มาช่วยงานยุทธศาสตร์ให้ คสช. .. แฉไปต่อว่า ชื่อพรรคไม่พ้น “ประชารัฐ” ที่เป็นนโยบายสำคัญของ “รัฐบาล คสช.” ..พร้อมระบุ “ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง” คือ “อดีตกำนันคนดังของภาคใต้”อ้างการปฏิรูปประเทศสวยหรูขึ้นมาบังหน้า เพื่อสานต่อภารกิจในการสนับสนับสนุน “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทรืโอชา เป็นนายกฯต่อไป .. เดาไม่ยากว่า “อดีตกำนันดัง”ที่ “เดอะแจ๊ค” ฟาดไปถึง ก็ “กำนันเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ แห่ง กปปส. นั่นเอง .. ด้วยว่า แอคชั่นล่าสุดของ “กำนันเทือก”ที่เคลื่อนไหวให้มีการแก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ นั้นถูกจับได้ไล่ทันว่า ซ่อนนัยบางประการ เพื่อให้ “เซตซีโรพรรคการเมือง”หรืออย่างน้อยๆก็ต้องให้มีการ “รีเซต”บางส่วน .. พูดง่ายๆ คือให้ ล้างกระดาน เริ่มต้นกันใหม่ ไม่ให้มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบกัน .. เพื่อเป็นการการสลายขั้วการเมือง เปิดทางให้ “กำนันเทือก”ที่มีฐานเสียงทับซ้อนกับต้นสังกัดเดิมอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ดึงคนมาร่วมกับ “พรรคทหาร”หรือ “พรรคนอมินี” ได้สะดวกขึ้น .. คล้ายกับคิวของ สมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา ที่เสนอแก้กฎหมายเปิดทางลงสมัคร ส.ส.ในนามอิสระได้ .. หาก “สุเทพ” รับงานมาสลายชั้วประชาธิปัตย์ “สมศักดิ์” ก็รับงานมาสลายขั้วเพื่อไทย-ระบอบทักษิณ เช่นกัน .. อย่าลืมว่า “สมศักดิ์ เทพสุทิน” คือศิษย์ก้นกุฏิของ มนตรี พงษ์พานิช นักการเมืองชื่อดังผู้ล่วงลับ ที่เชื่อมมาถึง “ระดับนำใน คสช.” บางคนในตอนนี้ .. เกมตื้นๆแบบนี้ “บิ๊กประชาธิปัตย์ - บิ๊กเพื่อไทย”อ่านกันออกไม่ยาก.

ช.ชฎา

-----------
รูป-- นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์
พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
สุเทพ เทือกสุบรรณ
สมศักดิ์ เทพสุทิน
กำลังโหลดความคิดเห็น