ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ถือเป็นช่วงเวลาพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกโดยแท้ สำหรับรัฐบาลลายพราง ที่นำโดย“บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เผชิญปัญหาเรื่องปากพาซวยของคนในรัฐบาล โดยเฉพาะ“บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กำลังกลายเป็นหมู่บ้านกระสุนตกต่อเนื่องรายวัน รายสัปดาห์ อ้าปากมามีแต่เรื่อง แต่ราว
ตั้งแต่กรณีการเสียชีวิตปริศนาของ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ “น้องเมย”นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่ พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ ให้สัมภาษณ์จนถูกคนนินทาว่า ไร้ความปราณี กับวลี “ผมก็เคยโดนซ่อมจนเกินกำลังจะรับได้ จนสลบไปเหมือนกัน แต่ผมไม่ตาย”และ“ก็ไม่ต้องเข้ามาเรียน ไม่ต้องมาเป็นทหาร เราเอาคนที่เต็มใจ”จนถูกล้อทั่วบ้านทั่วเมืองจนถึงทุกวันนี้
เท่านั้นยังไม่พอ ถัดจากนั้นไม่กี่วัน กรณีเหตุปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จ.สงขลา ที่มีการจับแกนนำไป 16 คน “บิ๊กป้อม”ออก มาระบุหน้าตาเฉยว่า ไม่ใช่แกนนำ แต่เป็นพวกฮาร์ดคอร์ หัวร้อน จนคนตำหนิว่า ไม่พูดเสียยังดีกว่า
ก่อนจะมาเจอจังๆ กับปม “โชว์ของ”นาฬิกาหรู และแหวนเพชร ที่โดนจับผิดว่า ไม่ได้อยู่ในบัญชีรายการแสดงทรัพย์สินและหนี้สิน ที่แจ้งเอาไว้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
“บิ๊กป้อม”บอกได้มานานแล้ว แต่พอเกิดเรื่องกลับสไลด์สีข้างว่า จะขอชี้แจงต่อคณะกรรมการป.ป.ช.เอง ไม่จำเป็นต้องพูดกับสื่อมวลชน ในมุมมองของคนทั่วไป คำพูดดังกล่าวมันเหมือนเป็นคำพูดของคนมีอภิสิทธิ์ ที่คิดว่าตัวเองผิดไม่เป็น คนอื่นแตะต้องไม่ได้ !
ล่าสุดแว่วข่าวการชี้แจงว่า“แหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน”สังคมยิ่งกังขา คนระดับนี้ยังยืมนาฬิกาเพื่อนมาใส่ และดูเหมือนจะไม่ใช่เรือนเดียวเสียด้วย น่าจะเป็นแพกเกจ "ริชาร์ด มิลล์" ไม่รู้มีกี่เรือนกันแน่ ราคาปาเข้าไปเท่าไหร่ จะยืมเพื่อนมาเป็นโหลๆ หรือเปล่า
แม้ในทางกฎหมายจะเล่นงานพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ยาก อย่างที่ทราบกันทั่ว ประธานใหญ่ป.ป.ช. “บิ๊กกุ้ย”พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ก็เป็นลูกน้องเก่าของคนบ้านวงษ์สุวรรณ ทั้ง “บิ๊กป้อม”และ “บิ๊กป๊อด”พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อย่างไรเสียก็ต้องเดินหน้าฟอกให้กันอยู่แล้ว เชื่อขนมกินได้เลย
แต่ในทางการเมืองถือว่า เครดิต “บิ๊กป้อม”พัง ไปแล้ว โดยเฉพาะภาพลักษณ์ในสายตาคนทั่วไป ไม่ใช่แค่ภาคการเมือง ทั้งเรื่องภาวะผู้นำที่พูดไม่รักษาน้ำใจคน ทั้งการพูดแบบไม่แคร์สายตาใคร เหมือนคนหลงอำนาจ อย่างที่ครั้งหนึ่ง“เหลี่ยมดูไบ”ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาคดีหลบหนีคดีทุจริต เคยเป็น
ต่อจากนี้ไม่ว่าจะพูดอะไร หากเพลี่ยงพล้ำพลาดท่า หลุดประโยคอะไรมาที่ขัดความรู้สึกคน “บิ๊กป้อม”ได้เป็นตำบลกระสุนตกต่อเนื่องแน่นอน พร้อมกับขึ้นแท่น “สายล่อฟ้า”เบอร์หนึ่งของรัฐบาลลายพรางแล้ว
พอๆ กับเบอร์สอง เรื่องปากหาเรื่อง“ไก่อู”พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่รายนี้เนื้องานถูกมอบให้มาทำหน้าที่ปากเสียงรัฐบาล แต่พักหลังๆ เย้ยหยัน หยามเหยียด คนเห็นต่างเสียมากกว่า
ตั้งแต่เมื่อครั้ง“บิ๊กตู่”ยกคณะไปทัวร์พื้นที่ปลายด้ามขวาน พอนายกฯ พลาดพลั้งไปตวาดใส่ชาวประมง ที่ จ.ปัตตานี ว่า อย่ามาเสียงดังใส่ผม! จนคนตั้งคำถามเรื่องการหลงในอำนาจ ไม่ฟังประชาชนตัวเล็กตัวน้อย เจ้ายศเจ้าอย่างตั้งแต่เมื่อไหร่ โทรโข่งของรัฐบาลอย่าง “ไก่อู”ก็ ออกมาปกป้องแบบก้มหน้าก้มตาว่า ไม่ใช่ แต่เป็นเพราะไมค์นายกฯ เสียงดัง ทั้งที่คนเห็นคลิปทั่วบ้านทั่วเมืองว่า มันเป็นการตวาด เกือบตะคอกชัดๆ
แม้จะโดนคนด่าเอาล่อเอาเถิด แต่ “ไก่อู”ยัง ไม่หยุดหาศัตรู หลังเกิดเหตุการณ์ปะทะกับม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ยังมีหน้าไปแขวะแกนนำที่หายตัวไปว่า แอบไปเที่ยวผู้หญิง
จากเรื่องการเมืองระดับชาติ ดันลากลงต่ำ
มีแต่คนปาก้อนอิฐก้อนหินใส่ ในฐานะที่หยามเหยียดกัน ทุบเขายังไม่พอ แทนที่จะขอโทษ ยังมาหาเรื่องดิสเครดิต เครดิตโทรโข่ง ถดถอย
เรื่อยไปถึงเรื่องแยกแยะ ที่รัฐบาลนี้ใครจะแตะต้องไม่ได้ พรรคการเมืองพูดอะไร เที่ยวออกมาโต้ ออกมาแขวะ มองเป็นเรื่องการเมืองเสียหมด อย่างเรื่องที่พรรคการเมืองออกมาเสนอมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ที่ต่อให้เป็นเกมการเมือง ก็ไม่ควรจะออกมาตอบโต้ เพราะเรื่องช่วยเหลือประชาชนเป็นหน้าที่ทุกคน ใครแสดงความเห็นเพื่อหาทางออก ประชาชนอยากได้ทั้งนั้น โดนด่าขรมเมืองว่า ตกอยู่ในภาวะหลงอำนาจไม่ฟังเสียงใคร ข้าต้องถูก ข้าต้องใช่ คนอื่นผิดหมด คนอื่นไม่หวังดี
โดยปรากฏการณ์คนในรัฐบาลพูดอะไรไม่ดี โดนโจมตี โดนจับผิด ใครพลาดนิดเดียว มีข้อสงสัยถูกตรวจสอบ มันสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลอยู่ในช่วง“ขาลง”โดยแท้ เป็นภาวะปกติที่เรตติ้งช่วงท้ายๆ มักจะตก เข้าอีหรอบเดียวกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ยิ่งนานวัน คนยิ่งอยากให้ไป
คำพูด“บิ๊กตู่”ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์ ที่จะสะกดคนทั่วไปเหมือนก่อนๆ ที่พอจะรับได้ว่า เป็นคนขวานผ่าซาก อารมณ์ฉุนเฉียว ตอนนี้พลาดนิดเดียวคนติงทันที ไม่เหมาะสม ซึ่งก็เหมือนว่า รัฐบาลท็อปบูต เริ่มจะรู้ตัว สัปดาห์ก่อนทั้ง“บิ๊กตู่”ทั้ง “บิ๊กป้อม”รูด ซิปปาก ให้สัมภาษณ์กันไม่กี่คำ เหมือนจะโดนลงยันต์สั่งกันทั่วให้ระมัดระวังคำพูด หรือไม่ให้สัมภาษณ์ในประเด็นสุ่มเสี่ยง หลีกเลี่ยงการขยายแผลของตัวเอง ที่อยู่ในสภาวะถูกจ้องจับผิด นิดเดียวจากเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ได้ทันที
ในขณะที่“บิ๊กตู่”ก็รู้ซึ้งดี จากบาดแผลที่ลงไปประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ที่ จ.สงขลา ทั้งที่เป็นฐานเสียงสนับสนุนตัวเอง แต่ดันไม่รักษาน้ำจิตน้ำใจกัน นอกจากรักษาต้นทุนไม่ได้ ยังเข้าเนื้ออีกต่างหาก จากบาดแผลม็อบเทพา และฉากวีนใส่ชาวประมง ที่ จ.ปัตตานี หนนี้ผ่านมาไม่กี่วัน จัดคิวลงไปตรวจน้ำท่วม จ.ตรัง กันอีกทันที
แสดงให้เห็นชัดๆว่า ต้องการลงไปซ่อมแซมความรู้สึกพี่น้องชาวใต้ที่สูญเสียไป ไม่ว่าเวทีไหนคราวนี้ตั้งใจพูด ผมรักคนใต้จะตาย ! แถมแจกแจงเรื่องคำพูด และอารมณ์ของตัวเอง ตอกย้ำกันได้เป็นอย่างดี “บิ๊กตู่”เองก็รู้ว่า แบบนี้ไม่เป็นผลดีกับปีสุดท้ายของรัฐบาล และการเป็นนายกฯ เทอมสอง เลยต้องรีบมารักษาบาดแผลด้วยตัวเอง
อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้รัฐบาลลายพราง มีสภาพไม่ต่างจากรัฐบาลเลือกตั้ง เพราะบรรดาเหล่าแม่ทัพนายกอง ก็เริ่มจะทำตัวเป็นนักการเมือง ปากกล้า มองไม่เห็นหัวพี่น้องประชาชน หลีกเลี่ยงการตรวจสอบ เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น ซึ่งหลายๆ คนมักจะหลุดภาพแบบนี้ออกมาให้เห็นถี่ขึ้น มันก็เลยทำให้ประชาชนไม่รู้สึกเกรงกลัว และกล้าวิพากษ์วิจารณ์เหมือนกับที่เคยก่นด่านักการเมือง
ถ้ายังไม่ปรับปรุงรับรองกระสุนตก จนบ้านพังแน่