xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** ขบวนวิชามาร!! ใบสั่ง “ผู้มีอำนาจ”กุข่าวแกล้ง “สนธิ ลิ้มฯ”กระทบชิ่ง “สื่อเครือผู้จัดการ” ใช้ “บิ๊กราชทัณฑ์ - สื่อบางค่าย” รับงานตีข่าวกำกวมให้เข้าใจผิด จังหวะบังเอิญเปลี่ยน รมว.ตาชั่ง เป็นทหาร ช่วงเดียวกับ “รัฐบาล คสช.” กำลังงานเข้า ก่อนมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวใหญ่โตหลังเกิดเรื่องมาร่วม 3 สัปดาห์

ไม่น่าจะมีอะไรในกอไผ่ .. กรณี พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ สั่งย้าย 5 เจ้าหน้าที่เรือนจำ เพื่อตั้งกรรมการสอบสวนกรณีเบิกตัว สนธิ ลิ้มทองกุล ที่ปัจจุบันต้องโทษอยู่ในเรือนจำ ส่งขึ้นศาลผิดวัน .. ทั้งข้อมูลจาก สุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ ที่ระบุว่าการเบิกตัว “สนธิ ลิ้มฯ” ออกมาจากเรือนจำเมื่อวันที่ 22 พ.ย.นั้น เป็น “ความบกพร่องของบุคคล” .. พร้อมไล่เรียงเหตุการณ์วันนั้นว่า แม้แต่ “สนธิ ลิ้มฯ” เองก็ยังไม่ยินยอมที่จะออกจากเรือนจำ เนื่องจาก “ทนายสุวัตร” ไม่ได้แจ้งหมายไว้ล่วงหน้า .. พลันเมื่อตัว “สนธิ ลิ้มฯ” ถึงศาล ก็ได้มีการประสานงาน จนปรากฏชัดว่า ไม่มีหมายขึ้นศาล ก็แยกย้ายกันกลับ ซึ่งในตอนนั้นมีเพียงทีมทนายและเลขาฯ ไม่ปรากฎญาติของ “สนธิ ลิ้มฯ” กระทั่ง จิตตนาถ ลิ้มทองกุล ลูกชายคนเดียว ก็มีหลักฐานยืนยันว่าอยู่อีกสถานที่หนึ่ง ไม่ได้อยู่ที่ศาลอาญา แต่อย่างใด .. ทว่ากลับมี “สื่อบางสำนัก” ฉวยโอกาส นำคำแถลงของ “อธิบดีณรัชต์” ไปขยายความพยายามให้เกิดการเข้าใจผิด .. อีกทั้ง “อธิบดีณรัชต์” ก็เหมือน “เขี่ยลูก” ให้เกิดความคลุมเครือ กล่าวย้ำถึง “เสียงเล่าลือ” ว่าในวันนั้นมี “ญาติสนธิ” ไปรอพบที่ศาลอาญา ทั้งที่ไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย .. ราวกับนัดกันมา “สื่อบางสำนัก” เลือกหยิบเอาบางช่วงบางตอนไปนำเสนอข่าวในลักษณะ “กำกวม” โดยไม่คิดที่จะสอบถามข้อเท็จจริงจากครอบครัว หรือผู้ที่เกี่ยวข้องก่อนด้วยซ้ำ .. รวมทั้งมองข้ามไปด้วยว่า เป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีแล้วที่ “สนธิ ลิ้มฯ” สิ้นอิสรภาพไปอยู่เรือนจำ ภารกิจหรือความรับผิดชอบต่างๆก็ได้มอบหมายไว้อย่างครบถ้วน ญาติสนิทมิตรสหายก็ไปเยี่ยมในวาระปกติอยู่แล้ว .. หามีความจำเป็นที่ญาติหรือใครต้องพบ “สนธิ ลิ้มฯ” อย่างเร่งด่วน ผ่านกระบวนการ “จัดฉาก” อะไรเลย .. อีกทั้งเรื่อง “สิทธิพิเศษ” อะไรในเรือนจำ “สนธิ ลิ้มฯ” ก็ไม่เคยเรียกร้องใดๆ ทั้งที่มีปัญหาสุขภาพหนักกว่า “ผู้ยิ่งใหญ่บางคน” แต่ก็ไม่เคยร้องขอไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เหมือนอย่างที่นิยมทำกัน ..
น่าสนใจไม่น้อยในเรื่อง “ห้วงเวลา” เมื่อจริงๆแล้ว กรมราชทัณฑ์ ได้มีการย้ายและตั้งเรื่องสอบ 5 เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่เกิดเรื่องใหม่ๆ ในช่วงสัปดาห์นั้น ไฉน “อธิบดีณรัชต์” จึงเพิ่งมามาตั้งโต๊ะแถลงข่าวเป็นเรื่องเป็นราว หลังเกิดเรื่องมาร่วม 3 สัปดาห์ .. จนมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย ทั้งไทม์ไลน์ที่บังเอิญพอเหมาะพอเจาะกับการเปลี่ยนเจ้ากระทรวงยุติธรรมมาเป็น พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง สมาชิกคนสำคัญของ คสช. .. และยังเป็นจังหวะเดียวกับที่ “รัฐบาล คสช.” เผชิญมรสุมหลายลูก ซึ่ง “สื่อเครือผู้จัดการ” ก็กัดไม่ปล่อยแทบทุกเรื่อง จนเกิดกระบวนการสร้างข่าวให้แต่ละฝ่ายเสื่อมเสีย หวังให้เน่ากันทุกฝ่าย .. ทั้งการบังเอิญพบอาวุธล็อตใหญ่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ที่เชื่อมโยงไปถึงบางปีกของ “ฝ่ายเสื้อแดง” ต่อด้วยการกุข่าว “สนธิ ลิ้มฯ” ที่เป็นสัญลักษณ์ของ “ฝ่ายเสื้อเหลือง” ที่กระทบมาถึง “เครือผู้จัดการ” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ .. อีกทั้งมีข้อมูลว่าการเบิกตัวนักโทษขึ้นศาลผิดวันนั้น ถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ และก็ตั้งกรรมการสอบสวนกันตามกระบวนการ แต่ถามต่อว่า ที่ผ่านมามีการแถลงข่าวใหญ่โตเช่นนี้หรือไม่ แล้วเหตุใดจึงเจาะจงมาที่กรณีของ “สนธิ ลิ้มฯ” เช่นนี้ .. อ่านเกมผ่าน “ความบังเอิญ” ที่ไล่เรียงมา ก็คิดเป็นอื่นไม่ได้ว่า มีความพยายามจาก “ผู้ไม่หวังดี” ที่ต้องการสร้างเรื่อง เพื่อกลั่นแกล้ง “สนธิ ลิ้มฯ” ที่นอกเหนือจากบทผู้นำมวลชนแล้ว ก็ยังมีหมวกสำคัญคือ ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ .. และหลายคนที่แสดงความเป็นห่วงเข้ามา ก็มองขาดว่า เป็นเพราะ “สื่อเครือผู้จัดการ” ยืนหยัดทำงานเป็นสื่อภาคประชาชนอย่างเข้มแข็ง ไม่ยอมสยบต่อ “ผู้มีอำนาจ” จึงมีการ “กุเรื่อง” เพื่อกดดันปืที่ตัวผู้ก่อตั้ง อย่าง “สนธิ ลิ้มฯ” แทน .. โดยอาศัย “บิ๊กราชทัณฑ์” เขี่ยลูกให้ “สื่อบางค่าย” ที่ “รับงาน” ในการตีข่าวเพื่อกลั่นแกล้ง “สนธิ ลิ้มฯ” กระทบชิ่งมาถึง “สื่อเครือผู้จัดการ” ที่สร้างความเจ็บช้ำกับ “ผู้มีอำนาจ” ด้วยการเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา ไม่เลือกข้าง รวมทั้งยังตีแผ่เบื้องลึกจน “ดีลเกี้ยเซี้ยะ” ของบางฝ่ายไม่สำเร็จอีกด้วย .. ใช้ “วิชามาร” กลั่นแกล้งกันแบบนี้ ทั้งที่ตัวเองมีแผลเต็มตัว ถ้าโดนย้อนศร แฉแค่บางเรื่องกลับไปบ้าง ก็จะหนาวกันทั้งบาง .. เดี๋ยวจะหาว่าหล่อไม่เตือน.

** ทุกอย่างใกล้คลี่คลาย!! ผลชันสูตร “น้องเมย”ฟ้องมี “รอยช้ำ”จากการถูกทำร้าย รอประกาศผลตรวจอวัยวะภายใน พร้อมผลสอบ กก.ฝ่ายทหาร รู้แน่ “รุ่นพี่ขาใหญ่” คือคนร้ายหรือไม่

บทเพลงพระราชนิพนธ์ “ความฝันอันสูงสุด” ของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ได้ถูกอัญเชิญมาร้องภายในพิธี “น้องเมย” นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 60 ที่เสียชีวิตในโรงเรียนเตรียมทหารอย่างมีเงื่อนงำ เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา .. กว่า 2 เดือนเต็มที่ “ครอบครัวน้องเมย” จำเป็นต้องเก็บร่างของบุตรชายคนเดียวของครอบครัวไว้ เพื่อรอการไขความจริงถึงสาเหตุการตาย .. หลังจาก สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ได้ส่งมอบรายงานผลการชันสูตร อวัยวะต่างๆ และดีเอ็นเอ รอบที่ 2 ให้แก่ครอบครัวแล้ว จึงได้จัดพิธีเพื่อส่ง “น้องเมย” ไปสู่สวรรค์เสียที .. แต่จนถึงขณะนี้สาเหตุการตายของ “นตท.ภคพงศ์” ก็ยังไม่คลี่คลาย เมื่อทางญาติได้แสดงเจตจำนงให้ผลการชันสูตรครั้งล่าสุดนี้เป็นความลับไปก่อน .. เพื่อรอในส่วนของผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงที่ “บิ๊กต๊อก”พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ตั้งขึ้นเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงจากผู้เห็นเหตุการณ์ พยานแวดล้อม เรียบเรียงเป็นข้อมูล ที่มีกำหนดส่งกลับมาที่ “บิ๊กต๊อก” ในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ .. กรรมการชุดที่ว่ามี พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร เป็นประธานกรรมการฯ ที่น่าสนใจคือลำดับเหตุการณ์ผู้เกี่ยวข้อง ทั้งคำให้การ รวมทั้งหลักฐานภาพถ่ายต่างๆ ที่เมื่อนำมาประกอบผลการชันสูตรศพ ก็ย่อมมีความชัดเจนออกมาอย่างแน่นอน .. ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ผลการชันสูตรครั้งแรกได้ชี้ชัดว่า มี “รอยช้ำ” ตามร่างกายหลายแห่ง ที่เชื่อว่าเกิดจากการถูกทำร้าย นอกจากนี้ยังระบุว่า ซี่โครงซี่ที่ 4 ที่หัก ไม่ได้เกิดจากการทำซีพีอาร์ (CPR) หรือการปั๊มหัวใจอย่างแน่นอน .. ทั้งนี้ยังเหลือ ผลการชันสูตรในชุดที่ 2 เกี่ยวกับการชันสูตรอวัยวะภายใน ซึ่งก็มีข่าวมาก่อนหน้านี้เช่นกันว่า พบเลือดคั่งที่ตับและม้าม รวมทั้งรอยช้ำภายในช่องท้อง ด้วย .. ทั้งหลายทั้งปวงกำลังย้อนไปถึงประเด็น “ซ่อมแล้วตาย” ที่มาจาก “รุ่นพี่ปี 3 คนหนึ่ง” เขม่น “น้องเมย” มาตั้งแต่เมื่อครั้งเรียนกวดวิชามาด้วยกัน เคยซ่อม “น้องเมย”จนหัวใจหยุดเต้นมาแล้วครั้งหนึ่ง .. เป็น “รุ่นพี่ลูกขาใหญ่” ที่ว่ากันว่าสนิทสนมกับ “ผู้บังคับบัญชา” อันเป็นที่มาของคำสั่งเสียที่ว่า “อย่าไปเชื่อผู้พัน” ..อีกไม่นาน ความจริงก็คงปรากฏ จะรู้ว่ามี “คนร้าย” หรือไม่ และ “คนร้าย” คือใครกันแน่ รวมทั้งพิสูจน์ด้วยว่า สิ่งที่ “ครอบครัวน้องเมย” เรียกร้องมาตลอด เป็นเรื่องของ “ตัวบุคคล” หาใช่เรื่องของสถาบันอย่างที่เคยมีความพยายามเบี่ยงกระแสมาตลอด .. เป็นอีก “กรณีศึกษา” ที่พิสูจน์ว่า “ความจริง-ความยุติธรรม” จะเยียวยาทุกสิ่ง มากกว่าความพยายามปกปิดซ่อนเร้นความจริง.

** แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน!! ไม่ต้องรอเส้นตาย “บิ๊กป้อม”ร่อนคำชี้แจงถึง ป.ป.ช. เผยความจริงที่เหลือเชื่อ “แหวนเพชร - นาฬิกาหรู” ยืมเขามาทั้งนั้น เมิน “ทางออกฉุกเฉิน”ที่ “ประธานกุ้ย”อุตส่าห์หย่อนไว้ให้

ไม่ต้องให้ถึงเดดไลน์ 30 วัน ที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำหนังสือมาถาม “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เกี่ยวกับปม “แหวนเพชร - นาฬิกาหรู” .. มีข่าวว่า “บิ๊กป้อม” ลงนามในหนังสือเตรียมร่อนกลับไปยัง ป.ป.ช. หลังราชการเปิดทำการ อังคารนี้ .. เป็นคำตอบที่ไม่ลึกลับซับซ้อน ไม่ต้องประเมินมูลค่า “แหวนเพชรเม็ดเป้ง - นาฬิกาเรือนโก้” ให้วุ่นวาย เมื่อในหนังสือชี้แจงระบุว่า “แหวนเป็นของมารดา และนาฬิกา เป็นของเพื่อนนักธุรกิจ” ยืมเขามาทั้งนั้น .. อาจจะฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่ก็เคลียร์คัตชัดเจนดี เชื่อว่าป.ป.ช.ของ “ประธานกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ก็คง “สิ้นสงสัย”อย่างไร้ข้อกังขาแน่นอน .. ไม่ต้องไปฟื้นฝอยหาตะเข็บด้วยว่า ตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ “บิ๊กป้อม” ตอบ “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แสดงความเป็นห่วง การประดับเฟอร์นิเจอร์ของ “พี่ป้อม” ว่า “ของเดิม เคยใส่มาอยู่แล้ว” .. ไม่ต้องไปสงสัยรสนิยมที่เคยมีการระบุว่า “พี่ใหญ่เสือตะวันออก” ชื่นชอบและเป็น “นักสะสมนาฬิกา” อะไรด้วย ..
ส่วนที่เคยบ่ายเบี่ยงเลี่ยงนักข่าวที่เฝ้าจะถามแต่เรื่องนี้มาตลอดสัปดาห์ที่แล้ว ก็ขออนุญาตคิดแทนว่า “บิ๊กป้อม” คงเกรงว่า เมื่อบอกความจริง “แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน” ที่ไปยืมเขามา อาจเสียฟอร์มความเป็น “พี่ใหญ่” ไปพอสมควร .. อีกทั้งกระทบภาพลักษณ์ “เศรษฐี” ที่มีทรัพย์สินเกือบ 90 ล้านบาทไทย โดยไม่มีหนิ้สินเลย เพราะจริงๆ ของแค่นี้จะซื้อหามาไว้ครอบครองก็คงไม่แปลก .. ที่น่าเสียดายก็ตรงที่ “บิ๊กกุ้ย” ประธาน ป.ป.ช. อุตส่าห์หย่อน “บันไดลิง” หาทางลงไว้ให้แล้วว่า กฎหมาย ป.ป.ช. ไม่ได้กำหนดให้ต้องแจ้งทรัพย์สินที่ได้เพิ่มในระหว่างดำรงตำแหน่ง พอพ้นตำแหน่งแล้วค่อยว่ากัน .. แหวกทางลงเอง “แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน” โป๊ะเชะ อย่างที่หลายคนเคยดักทางไว้ไม่มีผิด เป็นของยืมเขามา ที่ย่อมต้องไม่ปรากฏในบัญชีทรัพย์สินของผู้สวมใส่อย่างแน่นอน .. อะๆ หลายคนคงคิดอยู่ในใจว่า มันจริงเหรอว้า ?? บางความเห็นถึงขนาดแนะนำว่า ป.ป.ช. ควรใช้เครื่องจับเท็จเลยด้วยซ้ำ ก็ขอตอบแทนว่า ด้วยเกียรติ นายพลเอกแห่งกองทัพไทย พี่ใหญ่ คสช.-บูรพาพยัคฆ์ คงไม่เอาเกียรติยศของตัวเองมา “โกหก” ด้วยเหตุผลที่ตื้นเขินเยี่ยงนี้หรอก .. คนระดับนี้ พูดแล้วก็คือ “ความจริง” เอาเป็นว่าเมื่อ ป.ป.ช.เองก็ดูไม่ติดใจตั้งแต่ต้น แล้วเจ้าตัวยัง “ใจกล้า” เผย “ความจริง” ไม่กลัวเสียหน้าแบบนี้ คนไม่ต้องไปนินทา หมาก็ไม่ต้องไปดูถูก ได้เวลาแยกย้ายกันทำมาหากินดีกว่า จบข่าว.

ช.ชฎา

รูป
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์
สนธิ ลิ้มทองกุล
นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ
กำลังโหลดความคิดเห็น