xs
xsm
sm
md
lg

อุทาหรณ์จากเยเมน (1)

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

นายอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์
วันนี้...สงสัยคงต้องบินไปแถวๆ “เยเมน” กันอีกซักที เพราะวัน-สองวันที่ผ่านมา เกิดรายการยิงกันสนั่นหวั่นไหวทั่วทั้งกรุงซานา เมืองหลวงของประเทศ และสุดท้าย...อดีตประธานาธิบดีเยเมนที่เคยปกครองประเทศอันสุดแสนจะยากจนแห่งนี้มานานถึง 30 ปี คือ “นายอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์” (Ali Abdullah Saleh) ก็พลอยต้องเด๊ดสะมอเร่ อิน เดอะ เท่งทึงตามไปด้วย ถูกจรวดอาร์พีจียิงใส่ระหว่างหลบหนี จากนั้นก็กราดกระสุนฝังหัว ฝังร่างตายไปอย่างน่าอเนจอนาถ อันอาจหยิบมาใช้เป็นอุทาหรณ์สอนใจ สำหรับใครก็ตามที่ชอบ “เล่นเกมอำนาจ” ได้เป็นอย่างดี...

สำหรับอดีตประธานาธิบดี “ซาเลห์” นั้น...แม้ไม่อาจอยู่ต่อ อยู่ยาวว์ว์ว์ ในตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไปได้อีก นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 หลังจากที่ขึ้นมาปกครองประเทศตาม “แผนยุทธศาสตร์ชาติ” หรือแผนอะไรก็แล้วแต่ มานานถึง 30 ปี คือตั้งแต่ปี ค.ศ. 1978 ไปจนถึงปี ค.ศ. 2011 แต่กระนั้นก็ยังมีกองทัพ กองกำลังอาวุธ ผู้จงรักภักดีอย่างหน่วยรีพับลิกัน การ์ดให้การสนับสนุนมาโดยตลอด เมื่อประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงที่มีอำนาจอิทธิพลอย่างซาอุฯ หันไปให้การสนับสนุนประธานาธิบดีรายใหม่อย่าง “นายรับบูห์ มันซูร์ ฮาดี” (Abd-Rubbu Mansour Hadi) ผู้ซึ่งหนีไปเป็นสัมภเวสีอยู่ในซาอุฯ ตราบเท่าทุกวันนี้ “อับดุลลาห์ ซาเลห์” ก็เลยหันมาจับมือกับพวกกบฏ “ฮูตี” (Houthi) หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “อันซารุลลาห์” (Ansarullah) ที่ว่ากันว่าประเทศอิหร่านให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เล่นงานประธานาธิบดี “มันซูร์ ฮาดี” จนต้องเผ่นหนีออกจากประเทศ อันนำมาสู่การเปิดฉาก “สงครามเยเมน” โดยการตัดสินใจของมกุฎราชกุมารซาอุฯ เจ้าชาย “MbS” (Mohammad Bin Salman) ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมซาอุฯ ร่วมกับกองกำลังพันธมิตรอาหรับส่งกองกำลังทหาร รถถังเครื่องบินทิ้งระเบิด บุกมาถล่มเยเมนทั่วทั้งประเทศ ตลอดช่วง 33 เดือน หรือนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 เป็นต้นมา...

แต่เมื่อช่วงประมาณวันเสาร์ที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมานี่เอง...ท่ามกลางความทุกข์ยากของชาวเยเมนกว่า 20 ล้านคน รวมทั้งเด็กๆ อีกไม่น้อยกว่า 11 ล้านคน ที่ต้องอดๆอยากๆ ขาดข้าวปลาอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค ฯลฯ ชนิดถือเป็น “วิกฤตการณ์ทางมนุษยธรรมครั้งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ” นับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา โดยเฉพาะเมื่อถูกกองทัพซาอุฯ และพันธมิตรปิดล้อมไม่เปิดโอกาสให้ใครก็ตามสามารถส่งช่วยเหลือทางมนุษยธรรมมายังประชาชนผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ได้เลย อดีตประธานาธิบดี “อับดุลลาห์ ซาเลห์” ที่ได้ร่วมกับพวกกบฏฮูตีมาโดยตลอด ก็ได้ปรากฏตัวทางทีวีประกาศตัดสัมพันธ์กับพวกกบฏฮูตี แล้วหันไปจับมือกับซาอุฯ และพันธมิตรอาหรับ ด้วยเหตุผลข้ออ้างที่ระบุไว้ว่า... “ผมได้ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง ที่จะช่วยหยุดยั้งความก้าวร้าวและบ้าระห่ำของพวกผู้ก่อการร้ายสุดโต่ง พร้อมๆ กับการยกเลิกการปิดล้อมประเทศเยเมน...เรากำลังร่วมกันพลิกหน้าประวัติศาสตร์ไปสู่หน้าใหม่”...

ขณะที่สถานทูตซาอุฯ ประจำเยเมน...ได้แสดงท่าทีตอบรับอย่างกระตือรือร้น โดยเฉพาะคำพูดในแถลงการณ์ที่ระบุไว้ว่า “การตัดสินใจของพรรค GPC (General People’s Congress ซึ่งได้ร่วมกับกบฏฮูตีจัดตั้งสภาปกครองประเทศขึ้นมาขับเคลื่อนประเทศเยเมนและต่อสู้กับกองทัพซาอุฯ) ที่นำโดยอดีตประธานาธิบดีซาเลห์ โดยมีประชาชนชาวเยเมนให้การสนับสนุน จะกลายเป็นตัวปลดปล่อยประเทศเยเมนจากสงคราม และจากพวกผู้ก่อการร้ายที่จงรักภักดีต่ออิหร่าน...”

ด้วยการกลับลำแบบ 360 องศาแถมใส่เกลียวซัมเมอร์ซอลท์ประมาณ 3 รอบครึ่งของอดีตประธานาธิบดีซาเลห์ ที่พวกกบฏฮูตีต้องหันไปใช้คำว่า “ผู้ทรยศ” หรือ “ผู้พยายามก่อรัฐประหาร” ยึดอำนาจสภาปกครองเยเมน เสียงปืน เสียงระเบิด จึงดังสนั่นตามมาทั่วทั้งกรุงซานา หน่วยทหารรีพับลิกัน การ์ด ที่ยังคงจงรักภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีซาเลห์มีอันต้องหันปากกระบอกปืนมายิงใส่พวกกบฏฮูตีที่เคยร่วมสู้รบเพื่อแผ่นดินเยเมนมาด้วยกันแท้ๆ ซึ่งพยายามบุกเข้ามายึดพื้นที่ต่างๆ ในเมืองหลวงของประเทศเยเมน โดยมีเครื่องบินทิ้งระเบิดของกองทัพซาอุฯ หันกลับมาช่วยหน่วยรีพับลิกัน การ์ด ถล่มฐานที่มั่นของพวกกบฏฮูตีรอบๆ กรุงซานา ชนิดเลือดท่วมจอ เลือดนองท้องช้าง ตั้งแต่ช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา...

แต่เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น...กองกำลังกบฏฮูตี ที่เคยได้รับการแจกจ่ายอาวุธจากอดีตประธานาธิบดีซาเลห์เองนั่นแหละ ผู้ซึ่งสะสมยุทโธปกรณ์เอาไว้เยอะแยะมากมาย ตลอดช่วงระยะ 30 ปีที่ขึ้นครองอำนาจ ก็สามารถบุกทะลวงเข้าสู่พื้นที่แต่ละพื้นที่แล้วยึดครองไว้ได้หมด โดยหน่วยทหารรีพับลิกัน การ์ด ของอดีตประธานาธิบดีซาเลห์ยอมวางอาวุธและมอบตัวอีกไม่นาน-ไม่ช้า รวมทั้งลูกชายของอดีตประธานาธิบดีซาเลห์ที่เป็นผู้ควบคุมหน่วยรีพับลิกัน การ์ด ก็ถูกจับกุมเป็นที่เรียบโร้ยย์ย์ย์โรงเรียนฮูตี ส่งผลให้อดีตประธานาธิบดีซาเลห์ และเลขาธิการพรรค GPC “นายยัสเซอร์ อัล-อาวาดี” (Yasser al-Awadi) เลยต้องโดดขึ้นรถกันกระสุน ใส่เกียร์ 5 เผ่นหนีไปยังจังหวัดมาริบ เพื่อที่จะหาทางออกไปยังประเทศยูเออีต่อไป แต่ก็นั่นแหละ...รถกันกระสุนยังไงๆ ก็มิอาจกันจรวดอาร์พีจีได้เลยแม้แต่น้อย ระหว่างด่านตรวจตามเส้นทางไปยังเมืองมาริบ รถของประธานาธิบดีรายนี้มีอันต้องพลิกคว่ำคะมำหงาย เพราะจรวดจากพวกกบฏฮูตี ตัวประธานาธิบดีที่พยายามตะเกียกตะกายออกจากรถ เลยถูกกราดกระสุนเข้าใส่กะโหลก ตายไปอย่างน่าอเนจอนาถ ส่วนทำไมถึงคิดหนีไปยังยูเออี อันนี้...คงต้องขออนุญาตโม้ต่อในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน...
กำลังโหลดความคิดเห็น