“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
มนุษย์เลว-ทำร้ายมนุษย์ ทำร้ายสังคม ทำร้ายธรรมชาติ ฯลฯ
มนุษย์มีอำนาจที่ดีแท้ และคนดีที่เป็นคนส่วนใหญ่ จึงมีภารกิจสำคัญยิ่งยวดร่วมกัน นั่นคือ ต้องช่วยกันกีดกันคนชั่วมิให้มีอำนาจ มาสร้างสิ่งเลวร้ายสารพัด ให้เกิดกับชาติและประชาชน อีกทั้งต้องทำทุกวิถีทางอย่างจริงจัง ในการเอาคนดีขึ้นบริหารบ้านเมืองให้ได้อย่างถาวร
ดังนั้น มนุษย์มีอำนาจ ที่ชอบพูดพร่ำว่า “ตนเป็นคนดี” หากไม่ทำภารกิจสำคัญข้างต้นให้สำเร็จลุล่วง จะอ้างตนเป็น “คนดี” ไม่ได้แน่นอน!
ส่วนมนุษย์เลว ต้องการอะไรจากการทำชั่วน่ะรึ? คำตอบง่ายมากๆ.. มนุษย์เลวพวกนี้ ต้องการ อำนาจ-เงินทอง-ผลประโยชน์สารพัด โดยไม่สนใจเรื่องดี-ชั่ว-ถูก-ผิดใดๆทั้งสิ้น
ด้วยสันดานเจ้าเล่ห์บวกโคตรโกง มนุษย์เลวพวกนี้แลเห็น จุดอ่อนของระบบการเลือกตั้งไทย ที่ไร้ความบริสุทธิ์ยุติธรรม อีกทั้งรู้ถึงผู้คนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง และผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงจำนวนมิใช่น้อย สามารถซื้อได้ด้วยเงินทอง-ยศถาบรรดาศักดิ์-ผลประโยชน์สารพัด ฯลฯ
ดังเรื่องจริงในประวัติศาสตร์การเมืองไทย กรณีมหาเศรษฐี “เหลี่ยม” ขนเงินไม่โปร่งใสเข้ามาทำธุรกิจการเมือง ด้วยการโกงสารพัดวิธี ทั้งซื้อพรรคการเมือง ซื้อผู้สมัคร สส. เกรดเอ ซื้อผู้คนที่ส่งผลได้เสียกับการเลือกตั้ง ซื้อผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง ฯลฯ
ดังนั้น อำนาจของนายทุนสามานย์ “เหลี่ยม” จึงมีทั้งการใช้เงินกับการโกงสารพัดวิธี เพื่อซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า จนชนะการเลือกตั้ง(สกปรก)อย่างท่วมท้น สามารถยึดอำนาจทั้งในสภากับในรัฐบาลไว้ในกำมือ จากนั้นก็ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจรัฐและกลไกรัฐ เป็น “เครื่องมือ” เป็น “อาวุธ” ในการแสวงหาและกอบโกยผลประโยชน์สารพัด ด้วยการคอร์รัปชั่น โกงมโหฬารทั้งโครงการราษฎร์และหลวง
ยุคนั้น “คนหน้าเหลี่ยม” และเครือข่ายที่ครองเมือง บ้าอำนาจจนถึงขั้นเหิมเกริมลืมตัว คอร์รัปชั่นโกงชาติในโครงการต่างๆ มากมาย ชนิดไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง อีกทั้งยังมีพฤติกรรม “ปากพูดอย่าง ทำอีกอย่าง” ด้วยการปล่อยให้กลุ่มคนสนิทและพวกพ้อง ตั้งขบวนการ “ล้มเจ้า” ทั้งลับและเปิดเผยอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังจะสร้างรัฐไทยใหม่แบบชาติตะวันตก
นั่นทำให้ประชาชน“ชาวพันธมิตรฯ” และ “ชาว กปปส.” ผู้รักชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ อดรนทนไม่ไหว จนต้องออกมาชุมนุมยืดเยื้อ ขับไล่รัฐบาล “หน้าเหลี่ยม” และเครือข่าย ทั้งๆที่ถูกอันธพาลทางการเมืองของรัฐบาลโกงชาติ ลอบทำร้ายจนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก จนในที่สุดกองทัพจำต้องทำรัฐประหาร โค่นล้มรัฐบาลทุนสามานย์ “หน้าเหลี่ยม” กับเครือข่ายลงถึง 2 ครา..!
รัฐประหารครั้งแรก นำโดย “บิ๊กบัง” ไม่จริงจังกับการลงโทษกลุ่มคนชั่วในคราบนักการเมือง ที่โกงชาติบ้านเมืองและ “ล้มเจ้า” อีกทั้งไม่มีการปฏิรูปชาติทุกภาคส่วนแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายกลับเร่งรีบจัดให้มีการเลือกตั้ง(ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม)เสียอีก นับเป็นการรัฐประหารที่ “เสียของ-เยี่ยวไม่สุด-มวยล้มต้มคนดู” ที่น่าอดสูอย่างยิ่ง เพราะทำให้กลุ่มทุนสามานย์ “เหลี่ยม” หวนกลับมายึดอำนาจสภาฯและรัฐบาลได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้น ในภาพรวม รัฐประหาร “บิ๊กบัง” ที่นำชาติและประชาชนไปเสี่ยงลงทุน จึงไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร แต่ “ผู้นำบิ๊กบัง”ไม่เคยยืดอกเยี่ยงชายชาติทหาร ออกมารับผิดชอบในความล้มเหลวแม้แต่น้อย
แถม “บิ๊กบัง” ผู้นำรัฐประหาร กลับจบบทบาททางการเมืองของตน อย่างน่าอดสูเป็นทวีคูณ ด้วยการผันตัวไปเป็นหนึ่งใน “ผี-โม่แป้ง” ของ “หน้าเหลี่ยม” ในสภา ถึงขนาดเป็นหัวหอกผลักดันให้ “สภาฯ ขี้ข้าเหลี่ยม” ออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบสุดซอย ให้ “หน้าเหลี่ยม” และพวกไปเสียฉิบ!
ความล้มเหลวของ“ ผู้นำบิ๊กบัง” ทำให้ประชาชนผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องออกมาต่อสู้อีกครา จนบาดเจ็บล้มตายมากมาย เพื่อขับไล่รัฐบาล “พี่คิด-น้องโกง” เครือข่าย “เหลี่ยม” จนกองทัพจำต้องทำรัฐประหารครั้งที่สองโดย “บิ๊กตู่” และ “ชาว คสช.”
“บิ๊กตู่” เป็นทั้ง “ผู้นำ” รัฐประหาร ควบตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ยึดอำนาจรัฐไว้ในกำมือนานกว่า 3 ปีแล้ว! แต่ยังลงโทษกลุ่มคนชั่วในคราบนักการเมือง ที่โกงชาติและ “ล้มเจ้า”ไม่ได้มากเท่าที่ควรเช่นกัน รวมทั้งยังไม่มีการปฏิรูปชาติ ในเรื่องสำคัญๆอย่างจริงจังอีกด้วย ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม.. รัฐบาล “บิ๊กตู่” ก็มีผลงานไม่น้อย ในการแก้กฎหมายและกฎกติกาทางการเมือง ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง และหลังการเลือกตั้งจำนวนหนึ่ง
โดย “บิ๊กตู่” กับพวก หวังจะใช้ทั้งกฎหมาย และกฏกติกาใหม่ทางการเมืองเหล่านั้น ป้องกันกลุ่มคนชั่วหรือ“กลุ่มทุนสามานย์” ในคราบนักการเมืองโกงชาติ มิให้หวนกลับมายึดครองรัฐสภา และทำเนียบรัฐบาลได้ ส่วนจะได้ผลลัพธ์ตามที่ “บิ๊กตู่” กับพวกต้องการ มากน้อยแค่ไหน ต้องตามดูกันต่อไป..
เพราะวิธีคิดวิธีทำงานที่ผ่านมาของ “ผู้นำบิ๊กตู่” ดูเหมือนจะมีโอกาสเดินย่ำตามรอยเท้า นายพลเอกนักรัฐประหารรุ่นพี่ “บิ๊กบัง” ที่ทำให้รัฐประหาร “เสียของ-เยี่ยวไม่สุด-มวยล้มต้มกองเชียร์” จนกลุ่มคนชั่วตั้งท่าเตรียมจะกลับมายึดครองรัฐสภา และยึดอำนาจรัฐไว้ในกำมือกันอีกแล้ว..
เฮ้อ..ถ้ากลุ่มคนชั่วกลับมาครองเมืองได้อีกครั้ง! “บิ๊กตู่” จะรับผิดชอบอะไรไหม? ถึงตอนนั้น “บิ๊กตู่” จะทำอะไร จะอยู่ที่ไหน ในโลกนี้หรือในโลกไหนๆ.. นั่นเป็นเรื่องที่ข้อยบ่ฮู้แย้ว...
จะว่าไปแล้ว.. รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง(สกปรก)อย่าง “เหลี่ยม” กับเครือข่ายนั้น มีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จน้อยกว่า “บิ๊กตู่” ในตอนนี้ แต่กลับทำเรื่องชั่วๆแก่ชาติ ได้อย่างมากมายสุดประมาณ..หรือว่า..
คนชั่ว-กล้าใช้อำนาจรัฐทำชั่วมากกว่าคนดี? ส่วนคนที่อ้างตนเป็น “คนดี” มิได้ดีจริง แถมไร้ความกล้าที่จะใช้อำนาจรัฐ ทำความดีอีกด้วย.. เวรกรรมของชาติไทย(ว่ะ)!!!
ส่วน “ผู้นำ” อย่าง “บิ๊กตู่” ที่รู้ถึงต้นเหตุปัญหาชาติเป็นอย่างดี ทั้งยังได้ครองอำนาจรัฐแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมานานกว่า 3 ปี แต่กลับแก้ต้นเหตุปัญหาชาติได้น้อยกว่าที่ควร โดยเฉพาะการปฏิรูปชาติทุกภาคส่วนนั้น ผลงานสอบตกชนิดทำท่าจะ “ซ่อม” ไม่ได้ด้วยซ้ำไป ฯลฯ
ยิ่งการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ที่รัฐจะต้องกำกับดูแลให้เกิดการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม ให้กับผู้มีรายได้น้อยและคนจน ซึ่งรัฐบาลนี้กลับทำให้ช่องว่างทางรายได้ ระหว่างคนรวยกับผู้มีรายได้น้อยและคนจน ถ่างกว้างยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนยากต่อการแก้ไข
ด้วยรัฐบาลได้ทุ่มเทงบประมาณ-การแก้กฎหมาย-สรรพกำลังส่วนใหญ่ของรัฐ โน้มเอียงไปในทางเอื้อประโยชน์ ให้กับทุนใหญ่ทุนยักษ์ทางอุตสาหกรรม และการลงทุนของต่างชาติเป็นหลัก อันจะส่งผลเสียต่อความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประชาชน
โดยกลุ่มทุนใหญ่ทุนยักษ์ทั้งในและนอกประเทศเหล่านั้น ได้ทั้งทางการเงิน การผลิต การตลาดและ เทคโนโลยี ฯลฯ ในการทำกำไรและการขยายธุรกิจ แต่กลับมาผลิตสินค้าในระดับนาโนอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
ที่สำคัญ กลุ่มทุนใหญ่ทุนยักษ์เหล่านั้น ส่วนใหญ่ยังใกล้ชิดและมีอิทธิพล ทั้งกับรัฐบาลและข้าราชการในปัจจุบัน จึงไม่น่าแปลกใจที่ธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดจิ๋ว-เล็ก-กลาง โดยเฉพาะธุรกิจภาคการเกษตร ตกอยู่ในสภาพยากลำบาก ที่จะดำรงอยู่ และเติบโตทางธุรกิจ ส่งผลให้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ยิ่งในปีหน้า ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายชนิด มีแนวโน้มจะตกต่ำลงมากกว่านี้
ดังนั้น จึงมีข่าวกระเส็นกระสายออกมาว่า บรรดาชาวนา-ชาวไร่-ชาวสวน ฯลฯ อาจจะออกมาชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาล“บิ๊กตู่” ช่วยแก้ปัญหาพืชผลราคาตกต่ำ..
เรื่อง “รวยกระจุก-จนกระจาย” เนี่ย ทำเอา “นายกฯตู่” พลั้งปากผ่านหน้าจอทีวีว่า ตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัวดีขึ้น แต่การกระจายรายได้.. ทำไมมีปัญหา..?
ใช่!..ตัวเลขทางเศรษฐกิจดีขึ้นจริง แต่ดีขึ้นกับทุนใหญ่ทุนยักษ์แทบทั้งสิ้น ส่วนทุนจิ๋ว-เล็ก-กลาง..เจ๊งและตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ “บิ๊กตู่”..!!!
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
มนุษย์เลว-ทำร้ายมนุษย์ ทำร้ายสังคม ทำร้ายธรรมชาติ ฯลฯ
มนุษย์มีอำนาจที่ดีแท้ และคนดีที่เป็นคนส่วนใหญ่ จึงมีภารกิจสำคัญยิ่งยวดร่วมกัน นั่นคือ ต้องช่วยกันกีดกันคนชั่วมิให้มีอำนาจ มาสร้างสิ่งเลวร้ายสารพัด ให้เกิดกับชาติและประชาชน อีกทั้งต้องทำทุกวิถีทางอย่างจริงจัง ในการเอาคนดีขึ้นบริหารบ้านเมืองให้ได้อย่างถาวร
ดังนั้น มนุษย์มีอำนาจ ที่ชอบพูดพร่ำว่า “ตนเป็นคนดี” หากไม่ทำภารกิจสำคัญข้างต้นให้สำเร็จลุล่วง จะอ้างตนเป็น “คนดี” ไม่ได้แน่นอน!
ส่วนมนุษย์เลว ต้องการอะไรจากการทำชั่วน่ะรึ? คำตอบง่ายมากๆ.. มนุษย์เลวพวกนี้ ต้องการ อำนาจ-เงินทอง-ผลประโยชน์สารพัด โดยไม่สนใจเรื่องดี-ชั่ว-ถูก-ผิดใดๆทั้งสิ้น
ด้วยสันดานเจ้าเล่ห์บวกโคตรโกง มนุษย์เลวพวกนี้แลเห็น จุดอ่อนของระบบการเลือกตั้งไทย ที่ไร้ความบริสุทธิ์ยุติธรรม อีกทั้งรู้ถึงผู้คนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง และผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงจำนวนมิใช่น้อย สามารถซื้อได้ด้วยเงินทอง-ยศถาบรรดาศักดิ์-ผลประโยชน์สารพัด ฯลฯ
ดังเรื่องจริงในประวัติศาสตร์การเมืองไทย กรณีมหาเศรษฐี “เหลี่ยม” ขนเงินไม่โปร่งใสเข้ามาทำธุรกิจการเมือง ด้วยการโกงสารพัดวิธี ทั้งซื้อพรรคการเมือง ซื้อผู้สมัคร สส. เกรดเอ ซื้อผู้คนที่ส่งผลได้เสียกับการเลือกตั้ง ซื้อผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง ฯลฯ
ดังนั้น อำนาจของนายทุนสามานย์ “เหลี่ยม” จึงมีทั้งการใช้เงินกับการโกงสารพัดวิธี เพื่อซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า จนชนะการเลือกตั้ง(สกปรก)อย่างท่วมท้น สามารถยึดอำนาจทั้งในสภากับในรัฐบาลไว้ในกำมือ จากนั้นก็ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจรัฐและกลไกรัฐ เป็น “เครื่องมือ” เป็น “อาวุธ” ในการแสวงหาและกอบโกยผลประโยชน์สารพัด ด้วยการคอร์รัปชั่น โกงมโหฬารทั้งโครงการราษฎร์และหลวง
ยุคนั้น “คนหน้าเหลี่ยม” และเครือข่ายที่ครองเมือง บ้าอำนาจจนถึงขั้นเหิมเกริมลืมตัว คอร์รัปชั่นโกงชาติในโครงการต่างๆ มากมาย ชนิดไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง อีกทั้งยังมีพฤติกรรม “ปากพูดอย่าง ทำอีกอย่าง” ด้วยการปล่อยให้กลุ่มคนสนิทและพวกพ้อง ตั้งขบวนการ “ล้มเจ้า” ทั้งลับและเปิดเผยอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังจะสร้างรัฐไทยใหม่แบบชาติตะวันตก
นั่นทำให้ประชาชน“ชาวพันธมิตรฯ” และ “ชาว กปปส.” ผู้รักชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ อดรนทนไม่ไหว จนต้องออกมาชุมนุมยืดเยื้อ ขับไล่รัฐบาล “หน้าเหลี่ยม” และเครือข่าย ทั้งๆที่ถูกอันธพาลทางการเมืองของรัฐบาลโกงชาติ ลอบทำร้ายจนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก จนในที่สุดกองทัพจำต้องทำรัฐประหาร โค่นล้มรัฐบาลทุนสามานย์ “หน้าเหลี่ยม” กับเครือข่ายลงถึง 2 ครา..!
รัฐประหารครั้งแรก นำโดย “บิ๊กบัง” ไม่จริงจังกับการลงโทษกลุ่มคนชั่วในคราบนักการเมือง ที่โกงชาติบ้านเมืองและ “ล้มเจ้า” อีกทั้งไม่มีการปฏิรูปชาติทุกภาคส่วนแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายกลับเร่งรีบจัดให้มีการเลือกตั้ง(ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม)เสียอีก นับเป็นการรัฐประหารที่ “เสียของ-เยี่ยวไม่สุด-มวยล้มต้มคนดู” ที่น่าอดสูอย่างยิ่ง เพราะทำให้กลุ่มทุนสามานย์ “เหลี่ยม” หวนกลับมายึดอำนาจสภาฯและรัฐบาลได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้น ในภาพรวม รัฐประหาร “บิ๊กบัง” ที่นำชาติและประชาชนไปเสี่ยงลงทุน จึงไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร แต่ “ผู้นำบิ๊กบัง”ไม่เคยยืดอกเยี่ยงชายชาติทหาร ออกมารับผิดชอบในความล้มเหลวแม้แต่น้อย
แถม “บิ๊กบัง” ผู้นำรัฐประหาร กลับจบบทบาททางการเมืองของตน อย่างน่าอดสูเป็นทวีคูณ ด้วยการผันตัวไปเป็นหนึ่งใน “ผี-โม่แป้ง” ของ “หน้าเหลี่ยม” ในสภา ถึงขนาดเป็นหัวหอกผลักดันให้ “สภาฯ ขี้ข้าเหลี่ยม” ออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบสุดซอย ให้ “หน้าเหลี่ยม” และพวกไปเสียฉิบ!
ความล้มเหลวของ“ ผู้นำบิ๊กบัง” ทำให้ประชาชนผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องออกมาต่อสู้อีกครา จนบาดเจ็บล้มตายมากมาย เพื่อขับไล่รัฐบาล “พี่คิด-น้องโกง” เครือข่าย “เหลี่ยม” จนกองทัพจำต้องทำรัฐประหารครั้งที่สองโดย “บิ๊กตู่” และ “ชาว คสช.”
“บิ๊กตู่” เป็นทั้ง “ผู้นำ” รัฐประหาร ควบตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ยึดอำนาจรัฐไว้ในกำมือนานกว่า 3 ปีแล้ว! แต่ยังลงโทษกลุ่มคนชั่วในคราบนักการเมือง ที่โกงชาติและ “ล้มเจ้า”ไม่ได้มากเท่าที่ควรเช่นกัน รวมทั้งยังไม่มีการปฏิรูปชาติ ในเรื่องสำคัญๆอย่างจริงจังอีกด้วย ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม.. รัฐบาล “บิ๊กตู่” ก็มีผลงานไม่น้อย ในการแก้กฎหมายและกฎกติกาทางการเมือง ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง และหลังการเลือกตั้งจำนวนหนึ่ง
โดย “บิ๊กตู่” กับพวก หวังจะใช้ทั้งกฎหมาย และกฏกติกาใหม่ทางการเมืองเหล่านั้น ป้องกันกลุ่มคนชั่วหรือ“กลุ่มทุนสามานย์” ในคราบนักการเมืองโกงชาติ มิให้หวนกลับมายึดครองรัฐสภา และทำเนียบรัฐบาลได้ ส่วนจะได้ผลลัพธ์ตามที่ “บิ๊กตู่” กับพวกต้องการ มากน้อยแค่ไหน ต้องตามดูกันต่อไป..
เพราะวิธีคิดวิธีทำงานที่ผ่านมาของ “ผู้นำบิ๊กตู่” ดูเหมือนจะมีโอกาสเดินย่ำตามรอยเท้า นายพลเอกนักรัฐประหารรุ่นพี่ “บิ๊กบัง” ที่ทำให้รัฐประหาร “เสียของ-เยี่ยวไม่สุด-มวยล้มต้มกองเชียร์” จนกลุ่มคนชั่วตั้งท่าเตรียมจะกลับมายึดครองรัฐสภา และยึดอำนาจรัฐไว้ในกำมือกันอีกแล้ว..
เฮ้อ..ถ้ากลุ่มคนชั่วกลับมาครองเมืองได้อีกครั้ง! “บิ๊กตู่” จะรับผิดชอบอะไรไหม? ถึงตอนนั้น “บิ๊กตู่” จะทำอะไร จะอยู่ที่ไหน ในโลกนี้หรือในโลกไหนๆ.. นั่นเป็นเรื่องที่ข้อยบ่ฮู้แย้ว...
จะว่าไปแล้ว.. รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง(สกปรก)อย่าง “เหลี่ยม” กับเครือข่ายนั้น มีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จน้อยกว่า “บิ๊กตู่” ในตอนนี้ แต่กลับทำเรื่องชั่วๆแก่ชาติ ได้อย่างมากมายสุดประมาณ..หรือว่า..
คนชั่ว-กล้าใช้อำนาจรัฐทำชั่วมากกว่าคนดี? ส่วนคนที่อ้างตนเป็น “คนดี” มิได้ดีจริง แถมไร้ความกล้าที่จะใช้อำนาจรัฐ ทำความดีอีกด้วย.. เวรกรรมของชาติไทย(ว่ะ)!!!
ส่วน “ผู้นำ” อย่าง “บิ๊กตู่” ที่รู้ถึงต้นเหตุปัญหาชาติเป็นอย่างดี ทั้งยังได้ครองอำนาจรัฐแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมานานกว่า 3 ปี แต่กลับแก้ต้นเหตุปัญหาชาติได้น้อยกว่าที่ควร โดยเฉพาะการปฏิรูปชาติทุกภาคส่วนนั้น ผลงานสอบตกชนิดทำท่าจะ “ซ่อม” ไม่ได้ด้วยซ้ำไป ฯลฯ
ยิ่งการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ที่รัฐจะต้องกำกับดูแลให้เกิดการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม ให้กับผู้มีรายได้น้อยและคนจน ซึ่งรัฐบาลนี้กลับทำให้ช่องว่างทางรายได้ ระหว่างคนรวยกับผู้มีรายได้น้อยและคนจน ถ่างกว้างยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนยากต่อการแก้ไข
ด้วยรัฐบาลได้ทุ่มเทงบประมาณ-การแก้กฎหมาย-สรรพกำลังส่วนใหญ่ของรัฐ โน้มเอียงไปในทางเอื้อประโยชน์ ให้กับทุนใหญ่ทุนยักษ์ทางอุตสาหกรรม และการลงทุนของต่างชาติเป็นหลัก อันจะส่งผลเสียต่อความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประชาชน
โดยกลุ่มทุนใหญ่ทุนยักษ์ทั้งในและนอกประเทศเหล่านั้น ได้ทั้งทางการเงิน การผลิต การตลาดและ เทคโนโลยี ฯลฯ ในการทำกำไรและการขยายธุรกิจ แต่กลับมาผลิตสินค้าในระดับนาโนอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
ที่สำคัญ กลุ่มทุนใหญ่ทุนยักษ์เหล่านั้น ส่วนใหญ่ยังใกล้ชิดและมีอิทธิพล ทั้งกับรัฐบาลและข้าราชการในปัจจุบัน จึงไม่น่าแปลกใจที่ธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดจิ๋ว-เล็ก-กลาง โดยเฉพาะธุรกิจภาคการเกษตร ตกอยู่ในสภาพยากลำบาก ที่จะดำรงอยู่ และเติบโตทางธุรกิจ ส่งผลให้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ยิ่งในปีหน้า ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายชนิด มีแนวโน้มจะตกต่ำลงมากกว่านี้
ดังนั้น จึงมีข่าวกระเส็นกระสายออกมาว่า บรรดาชาวนา-ชาวไร่-ชาวสวน ฯลฯ อาจจะออกมาชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาล“บิ๊กตู่” ช่วยแก้ปัญหาพืชผลราคาตกต่ำ..
เรื่อง “รวยกระจุก-จนกระจาย” เนี่ย ทำเอา “นายกฯตู่” พลั้งปากผ่านหน้าจอทีวีว่า ตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัวดีขึ้น แต่การกระจายรายได้.. ทำไมมีปัญหา..?
ใช่!..ตัวเลขทางเศรษฐกิจดีขึ้นจริง แต่ดีขึ้นกับทุนใหญ่ทุนยักษ์แทบทั้งสิ้น ส่วนทุนจิ๋ว-เล็ก-กลาง..เจ๊งและตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ “บิ๊กตู่”..!!!