ตำรวจแจ้งข้อหาที่ 5 "นพ.ยอร์น" ขับรถชนแล้วไม่ช่วยเหลือ หลังนำรถยนต์คันก่อเหตุมาจำลองเหตุการณ์หาหลักฐานเพิ่ม สธ.ตั้ง "หมอณัฐวุฒิ" ผู้ตรวจราชการ เป็นประธานสอบข้อเท็จจริง ขณะที่ รปภ.ที่ได้รับบาดเจ็บ อาการเริ่มดีขึ้น เตรียมถอดเครื่องช่วยหายใจ
จากกรณีที่นพ.ยอร์น จิระนคร สาธารณสุขนิเทศก์ เขต 12 ขับรถยนต์ชนพนักงานรักษาความปลอดภัยของกระทรวงสาธารณสุข ตรงจุดประตู 2 ด้านโรงพยาบาลบำราษนราดูร จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และพนักงานสอบสอนได้แจ้งข้อหารวม 4 ข้อหาแล้วนั้น
วานนี้ (15 พ.ย.) พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. เปิดเผยถึงความคืนหน้าคดี ว่า เจ้าหน้าที่ได้นำรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้าคันที่นพ.ยอร์น ก่อเหตุชนรปภ. มาจำลองสถานการณ์เพื่อใช้ประกอบสำนวนคดีอีกครั้ง ปรากฎว่าในขณะที่เกิดเหตุรถยนต์คันนี้ได้ชนประตูรั้วที่ปิดทั้ง 2 ด้านแล้ว และทำให้ประตูด้านขวาอัดร่างรปภ. กระเด็นห่างจากจุดชนประมาณ 7.3 เมตร และรถยนต์ก็เคลื่อนทับร่างรปภ. อีกครั้ง จนร่างเปลี่ยนทิศทางขวางกับตัวรถ ขณะนั้นศีรษะรปภ. รอดผ่านล้อหน้า ซึ่งหากคนขับมองลงมาก็จะเห็นครึ่งลำตัวของคนเจ็บ จะอ้างว่ามองไม่เห็นไม่ได้ ทั้งนี้ความผิดได้สำเร็จแล้วตั้งแต่ชนครั้งแรก และรู้ว่ามีวัตถุบางอย่างรอดใต้ล้อรถ อย่างไรก็ตามช่วงที่คนขับจะมองเห็นได้ จะเป็นช่วงที่คนเจ็บนอนเฉียงอยู่ก่อนเข้าใต้ท้องรถด้านขวามือคนขับ
"ผู้ต้องหาให้การอย่างไร ก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา แต่พนักงานสอบสวนก็ต้องรวบรวมหลักฐานไว้ เพื่อดูว่าสถานการณ์จริงเป็นอย่างไร ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าลงจากรถหรือเปล่า ถ้าลงจากรถตัดทุกประเด็นสงสัยออกไปได้เลยครับว่ามองเห็นคนเจ็บ ซึ่งกำลังเร่งตรวจสอบกล้องเพิ่มเติม ส่วนเรื่องแอร์แบ็กจะมีผู้เชี่ยวชาญมาตรวจพิสูจน์อีกที รวมไปถึงกล่องบันทึกข้อมูลของรถรุ่นนนี้ เจ้าหน้าที่เทคนิคกำลังประสานข้อมูล" รองผบ.ตร. ระบุ
พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากเดิม 4 ข้อหา ขณะนี้ได้แจ้งข้อหาเพิ่มอีก 1 ข้อหา ได้แก่ ขับรถโดยประมาทเฉี่ยวชนแล้วไม่ช่วยเหลือ รวมเป็นข้อหาที่ 5 ตามหลักกฎหมายผู้ใดชนแล้วคิดหลบหนี เป็นผู้กระทำผิดตามกฎหมายจราจร แสดงว่าจะพยายามฆ่าอีกด้วย จากเดิม 4 ข้อหา คือ 1.กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส 2.ขับรถยนต์ขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายสาหัส 3.พยายามฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และ 4.ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
ด้านความคืบหน้าอาการนายสมชาย เจ้าหน้าที่ รปภ. ที่ถูกชนนั้น นพ.สกล สุขพรหม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า กล่าวว่า เบื้องต้นจากการประเมินอาการของนายสมชายในช่วงเช้าวันวานนี้ (15 พ.ย.) ผู้ป่วยมีสัญญาณชีพที่ปกติขึ้น เริ่มรู้สึกตัวตื่นลืมตามากขึ้น ทั้งยังสามารถทำตามคำสั่งได้ดี แต่ยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ ซึ่งตามกระบวนการรักษาในวันที่ 15 พฤศจิกายน จะมีการทดสอบการถอดเครื่องช่วยหายใจ เพื่อดูว่าผู้ป่วยสามารถหายใจได้ด้วยตัวเองหรือไม่ ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติ เนื่องจากบางคนหายใจเองได้ แต่บางคนยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่
“ขณะนี้เราให้อาหารทางสายยางได้แล้ว ส่วนร่างกายทางซีกซ้าย บริเวณแขนที่มีอาการอ่อนแรงนั้น ขณะนี้พบว่าเริ่มมีแรงมากขึ้น ยังพบว่ามีอาการไข้อยู่ ทางแพทย์จึงยังต้องให้ยาปฏิชีวนะ และต้องรอผลเพาะเชื้ออีกประมาณ 3-5 วัน เพื่อหาสาเหตุของอาการไข้ว่าเกิดจากเหตุใด โดยเรื่องนี้จะมีแพทย์ด้านอายุรกรรมเป็นผู้ช่วยดูแลร่วมด้วย ส่วนการประเมินภาวะของผู้ป่วยว่าจะพ้นภาวะวิกฤตหรือไม่นั้น ต้องดูว่าหากยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ก็เท่ากับว่าผู้ป่วยยังไม่พ้นภาวะวิกฤต และขณะนี้ยังอยู่ในห้องอาร์ซียู หรือห้องผู้ป่วยกึ่งวิกฤต” นพ.สกลกล่าว
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และโฆษก สธ. กล่าวว่า นพ.เจษฎาโชคดำรงสุข ปลัด สธ. ได้ตั้งนพ.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ ผู้ตรวจราชการ สธ. เป็นประธานคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงกรณีอุบัติเหตุรถชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยให้ตนเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน สธ.ได้ให้การดูแลผู้บาดเจ็บอย่างดีที่สุด และยินดีให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายเป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขเช่นกัน
จากกรณีที่นพ.ยอร์น จิระนคร สาธารณสุขนิเทศก์ เขต 12 ขับรถยนต์ชนพนักงานรักษาความปลอดภัยของกระทรวงสาธารณสุข ตรงจุดประตู 2 ด้านโรงพยาบาลบำราษนราดูร จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และพนักงานสอบสอนได้แจ้งข้อหารวม 4 ข้อหาแล้วนั้น
วานนี้ (15 พ.ย.) พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. เปิดเผยถึงความคืนหน้าคดี ว่า เจ้าหน้าที่ได้นำรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้าคันที่นพ.ยอร์น ก่อเหตุชนรปภ. มาจำลองสถานการณ์เพื่อใช้ประกอบสำนวนคดีอีกครั้ง ปรากฎว่าในขณะที่เกิดเหตุรถยนต์คันนี้ได้ชนประตูรั้วที่ปิดทั้ง 2 ด้านแล้ว และทำให้ประตูด้านขวาอัดร่างรปภ. กระเด็นห่างจากจุดชนประมาณ 7.3 เมตร และรถยนต์ก็เคลื่อนทับร่างรปภ. อีกครั้ง จนร่างเปลี่ยนทิศทางขวางกับตัวรถ ขณะนั้นศีรษะรปภ. รอดผ่านล้อหน้า ซึ่งหากคนขับมองลงมาก็จะเห็นครึ่งลำตัวของคนเจ็บ จะอ้างว่ามองไม่เห็นไม่ได้ ทั้งนี้ความผิดได้สำเร็จแล้วตั้งแต่ชนครั้งแรก และรู้ว่ามีวัตถุบางอย่างรอดใต้ล้อรถ อย่างไรก็ตามช่วงที่คนขับจะมองเห็นได้ จะเป็นช่วงที่คนเจ็บนอนเฉียงอยู่ก่อนเข้าใต้ท้องรถด้านขวามือคนขับ
"ผู้ต้องหาให้การอย่างไร ก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา แต่พนักงานสอบสวนก็ต้องรวบรวมหลักฐานไว้ เพื่อดูว่าสถานการณ์จริงเป็นอย่างไร ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าลงจากรถหรือเปล่า ถ้าลงจากรถตัดทุกประเด็นสงสัยออกไปได้เลยครับว่ามองเห็นคนเจ็บ ซึ่งกำลังเร่งตรวจสอบกล้องเพิ่มเติม ส่วนเรื่องแอร์แบ็กจะมีผู้เชี่ยวชาญมาตรวจพิสูจน์อีกที รวมไปถึงกล่องบันทึกข้อมูลของรถรุ่นนนี้ เจ้าหน้าที่เทคนิคกำลังประสานข้อมูล" รองผบ.ตร. ระบุ
พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากเดิม 4 ข้อหา ขณะนี้ได้แจ้งข้อหาเพิ่มอีก 1 ข้อหา ได้แก่ ขับรถโดยประมาทเฉี่ยวชนแล้วไม่ช่วยเหลือ รวมเป็นข้อหาที่ 5 ตามหลักกฎหมายผู้ใดชนแล้วคิดหลบหนี เป็นผู้กระทำผิดตามกฎหมายจราจร แสดงว่าจะพยายามฆ่าอีกด้วย จากเดิม 4 ข้อหา คือ 1.กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส 2.ขับรถยนต์ขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายสาหัส 3.พยายามฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และ 4.ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
ด้านความคืบหน้าอาการนายสมชาย เจ้าหน้าที่ รปภ. ที่ถูกชนนั้น นพ.สกล สุขพรหม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า กล่าวว่า เบื้องต้นจากการประเมินอาการของนายสมชายในช่วงเช้าวันวานนี้ (15 พ.ย.) ผู้ป่วยมีสัญญาณชีพที่ปกติขึ้น เริ่มรู้สึกตัวตื่นลืมตามากขึ้น ทั้งยังสามารถทำตามคำสั่งได้ดี แต่ยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ ซึ่งตามกระบวนการรักษาในวันที่ 15 พฤศจิกายน จะมีการทดสอบการถอดเครื่องช่วยหายใจ เพื่อดูว่าผู้ป่วยสามารถหายใจได้ด้วยตัวเองหรือไม่ ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติ เนื่องจากบางคนหายใจเองได้ แต่บางคนยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่
“ขณะนี้เราให้อาหารทางสายยางได้แล้ว ส่วนร่างกายทางซีกซ้าย บริเวณแขนที่มีอาการอ่อนแรงนั้น ขณะนี้พบว่าเริ่มมีแรงมากขึ้น ยังพบว่ามีอาการไข้อยู่ ทางแพทย์จึงยังต้องให้ยาปฏิชีวนะ และต้องรอผลเพาะเชื้ออีกประมาณ 3-5 วัน เพื่อหาสาเหตุของอาการไข้ว่าเกิดจากเหตุใด โดยเรื่องนี้จะมีแพทย์ด้านอายุรกรรมเป็นผู้ช่วยดูแลร่วมด้วย ส่วนการประเมินภาวะของผู้ป่วยว่าจะพ้นภาวะวิกฤตหรือไม่นั้น ต้องดูว่าหากยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ก็เท่ากับว่าผู้ป่วยยังไม่พ้นภาวะวิกฤต และขณะนี้ยังอยู่ในห้องอาร์ซียู หรือห้องผู้ป่วยกึ่งวิกฤต” นพ.สกลกล่าว
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และโฆษก สธ. กล่าวว่า นพ.เจษฎาโชคดำรงสุข ปลัด สธ. ได้ตั้งนพ.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ ผู้ตรวจราชการ สธ. เป็นประธานคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงกรณีอุบัติเหตุรถชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยให้ตนเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน สธ.ได้ให้การดูแลผู้บาดเจ็บอย่างดีที่สุด และยินดีให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายเป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขเช่นกัน