ผู้จัดการรายวัน 360 - "สุชาติ" สั่งจเรฯ เช็กปมตำรวจท่องเที่ยวรับส่วยผู้ประกอบการในภูเก็ตกว่า 100 ล้าน/เดือน ไม่หวั่นสอบ พล.ต.ต.ผู้กว้างขวาง พันค้าเก้าอี้ ลั่นได้เห็นความจริงแน่ ด้าน “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” โต้เพจดัง ปัดเอี่ยว ตร.ท่องเที่ยวภูเก็ตรับส่วย เผย ผบ.ตร.สั่งการตรวจสอบตั้งแต่ผู้กำกับถึงผู้บังคับการจังหวัดแล้ว
วานนี้ ( 8 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษา(สบ10) รักษาราชการแทน จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) กล่าวถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีการเรียกรับส่วยจากธุรกิจท่องเที่ยวเดือนละ 100 ล้านบาท โดยกล่าวหาตำรวจในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ว่า ตนเองได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ โดยวานนี้ได้เดินทางไปยังสำนักงานจเรตำรวจเพื่อตรวจสอบในเบื้องต้นแล้ว และสั่งการให้ พล.ต.ท.เติมพงษ์ สิทธิประเสริฐ หัวหน้าจเรตำรวจ (สบ8) ไปตั้งจเรตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้ว
ทั้งนี้ ตรวจสอบเบื้องต้นมีการแนบหลักฐานโพยที่อ้างว่าเป็นจ่ายส่วย แต่ต้องตรวจสอบก่อนว่ามีน้ำหนักพอเป็นหลักฐานในการสืบสวนสอบสวน หรือการดำเนินคดี ได้หรือไม่ หรือหากมีคลิปก็ต้องตรวจสอบว่าคลิปจริงหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้ก็มีคลิปมาด้วย
"ขณะนี้สั่งการให้จเรตำรวจไปตรวจสอบคำร้องเรียน รวมถึงตัวผู้ร้องเรียนว่าว่ามีตัวตนหรือไม่ มีความเกี่ยวข้องกับปมร้องเรียนอย่างไร น่าเชื่อถือหรือไม่ โดยจเรตำรวจมีกระบวนการในการตรวจสอบสืบสวน ในขั้นนี้เป็นกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ซึ่งเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด แต่คงกำหนดกรอบเวลาไม่ได้ เพราะเท่าที่ทราบมีการร้องเรียนมาถึง 2-3 ประเด็น กล่าวหาพาดพิงทั้งข้าราชการและพลเรือน หลายหน่วยงานก็ต้องจำแนกเพื่อตรวจสอบ แต่ทั้งนี้หากการตรวจสอบในขั้นต้นมีมูลเพียงพอว่าน่าจะมีการกระทำผิดในส่วนของตำรวจ ทางจเรตำรวจจะเสนอเรื่องมาที่ตนทันที ไม่ต้องไปเสียเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงอีก จากนั้นตนจะพิจารณาจะตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงได้ทันทีทันใด เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเพราะทั้่งผบ.ตร. และรัฐบาลให้ความสำคัญ ต้องรีบดำเนินการตรวจสอบและชี้แจงต่อสื่อมวลชน"พล.ต.อ.สุชาติ กล่าว
ส่วนประเด็นที่ตั้งข้อสังเกตการกล่าวหานายตำรวจยศ พล.ต.ต. ที่เป็นผู้กว้างขวางและใกล้ชิดผู้มีอำนาจ จะกระทบต่อการตรวจสอบ สืบสวนเรื่องนี้หรือไม่ รรท.จตช. กล่าวว่า ไม่กระทบ ไม่เกี่ยวว่าเป็นใคร หากการตรวจสอบพบหลักฐานว่ามีความผิดใครที่คิดจะช่วยก็ช่วยได้ยาก เรื่องนี้ตนไม่หนักใจหรอก หนักใจไม่ได้หรอกใครที่มีหน้าที่ตรวจสอบแบบนี้หากใครถูกร้องเรียน มีหลักฐานก็ดำเนินการอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามเท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้น มีการระบุถึงนายพลตำรวจ ยศ พล.ต.ต.จริง แต่ไม่ได้ระบุว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับส่วยที่กล่าวหาเลย แต่กล่าวหาพล.ต.ต.เข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องแต่งตั้ง ซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งจะต้องตรวจสอบด้วย ตรวจสอบทั้งหมดทุกประเด็น
ทั้งนี้ หากข้อเท็จจริงมีมูลว่า พล.ต.ต.น่าจะเกี่ยวข้องกระทำผิด ก็จะต้องแต่งตั้งผู้มียศตำแหน่งสูงกว่าเป็นกรรมการสอบ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น กรณีนี้มีการร้องเรียนที่บช.ภ.8 ด้วย ขณะนี้ทราบว่าทาง ภ.8 กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ ตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่หากผลตรวจสอบออกมาก็ต้องเรียกมาดู หากมีการกล่าวหาข้าราชการตำรวจนอกสังกัด ภ.8 ทางภ.8ก็ไม่มีอำนาจตรวจสอบ ต้องส่งมาที่ จเรตำรวจ ตนจะเอาข้อมูลมาดูหากพบว่าข้อมูลการร้องเรียนสอดคล้องกันก็ดำเนินการไปด้วยกันได้
"เมื่อถึงกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริงต้องใช้เวลา หากมีผู้ประกอบการอ้างว่าจ่ายส่วยจำนวนหลายราย ก็ต้องตรวจสอบทุกราย ว่าจ่ายส่วยให้ใครอย่างไร กล่าวหาลอยๆ อ้างแค่เอกสารสำเนาไม่ได้ แต่ตามกฎหมายผู้ที่จ่ายส่วยเจ้าหน้าที่ก็ต้องถูกดำเนินคดีฐานให้สินบนเจ้าพนักงานด้วย ต้องยอมรับสถานะหนึ่งก็เป็นพยาน ต้องแยกแยะกัน เรื่องที่ต้องดำเนินคดีก็ว่าไป" พล.ต.อ.สุชาติ กล่าว
เมื่อถามว่า การที่ให้ พล.ต.อ.สุชาติ ซึ่งมีชื่อชั้นเป็นนักสืบ มาตรวจสอบ สังคมก็คาดหวังจะเห็นความจริงปรากฏ พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า ได้เห็นแน่ งานนี้ได้เห็นกันแน่เราต้องทำความจริงให้ปรากฏ หากมีหลักฐานตามกล่าวหา การตรวจสอบเรื่องรับส่วยไม่ใช่เรื่องยาก ต้องสืบสวนหาข้อมูล ก็เคยเห็นกันอยู่ อย่างไรก็ตามเร่งรัดดำเนินการเรื่องนี้แล้ว
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา ที่ กก.1 บก.ทท. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.รอง ผบช.ทท. ชี้แจงถึงกรณีที่ โจ้ สปอตไลท์ ภูเก็ต ผู้ก่อตั้งเพจชื่อดัง Spotlight Phuket ให้สัมภาษณ์รายการวิทยุ ท้าชน “ผู้การโจ๊ก” หรือพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจท่องเที่ยว โดยขอให้พิสูจน์เรื่องตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ตรับส่วยและรีดไถผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว เดือนละกว่า 100 ล้านบาท ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องภายในจังหวัดภูเก็ต ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย เท่าที่ทราบ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.สั่งการให้ตรวจสอบตั้งแต่ระดับผู้กำกับไปจนถึงผู้การจังหวัด ส่วนที่มีการพาดพิงถึงตำรวจท่องเที่ยวนั้น ทางด้าน พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี รรท.ผบช.ทท.สั่งการให้ ผบก.ทท.3 เข้าไปตรวจสอบ หน้าที่ของตนนั้นบริหารท่องเที่ยว ปราบแก๊งอาชญากรข้ามชาติ
วานนี้ ( 8 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษา(สบ10) รักษาราชการแทน จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) กล่าวถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีการเรียกรับส่วยจากธุรกิจท่องเที่ยวเดือนละ 100 ล้านบาท โดยกล่าวหาตำรวจในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ว่า ตนเองได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ โดยวานนี้ได้เดินทางไปยังสำนักงานจเรตำรวจเพื่อตรวจสอบในเบื้องต้นแล้ว และสั่งการให้ พล.ต.ท.เติมพงษ์ สิทธิประเสริฐ หัวหน้าจเรตำรวจ (สบ8) ไปตั้งจเรตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้ว
ทั้งนี้ ตรวจสอบเบื้องต้นมีการแนบหลักฐานโพยที่อ้างว่าเป็นจ่ายส่วย แต่ต้องตรวจสอบก่อนว่ามีน้ำหนักพอเป็นหลักฐานในการสืบสวนสอบสวน หรือการดำเนินคดี ได้หรือไม่ หรือหากมีคลิปก็ต้องตรวจสอบว่าคลิปจริงหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้ก็มีคลิปมาด้วย
"ขณะนี้สั่งการให้จเรตำรวจไปตรวจสอบคำร้องเรียน รวมถึงตัวผู้ร้องเรียนว่าว่ามีตัวตนหรือไม่ มีความเกี่ยวข้องกับปมร้องเรียนอย่างไร น่าเชื่อถือหรือไม่ โดยจเรตำรวจมีกระบวนการในการตรวจสอบสืบสวน ในขั้นนี้เป็นกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ซึ่งเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด แต่คงกำหนดกรอบเวลาไม่ได้ เพราะเท่าที่ทราบมีการร้องเรียนมาถึง 2-3 ประเด็น กล่าวหาพาดพิงทั้งข้าราชการและพลเรือน หลายหน่วยงานก็ต้องจำแนกเพื่อตรวจสอบ แต่ทั้งนี้หากการตรวจสอบในขั้นต้นมีมูลเพียงพอว่าน่าจะมีการกระทำผิดในส่วนของตำรวจ ทางจเรตำรวจจะเสนอเรื่องมาที่ตนทันที ไม่ต้องไปเสียเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงอีก จากนั้นตนจะพิจารณาจะตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงได้ทันทีทันใด เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเพราะทั้่งผบ.ตร. และรัฐบาลให้ความสำคัญ ต้องรีบดำเนินการตรวจสอบและชี้แจงต่อสื่อมวลชน"พล.ต.อ.สุชาติ กล่าว
ส่วนประเด็นที่ตั้งข้อสังเกตการกล่าวหานายตำรวจยศ พล.ต.ต. ที่เป็นผู้กว้างขวางและใกล้ชิดผู้มีอำนาจ จะกระทบต่อการตรวจสอบ สืบสวนเรื่องนี้หรือไม่ รรท.จตช. กล่าวว่า ไม่กระทบ ไม่เกี่ยวว่าเป็นใคร หากการตรวจสอบพบหลักฐานว่ามีความผิดใครที่คิดจะช่วยก็ช่วยได้ยาก เรื่องนี้ตนไม่หนักใจหรอก หนักใจไม่ได้หรอกใครที่มีหน้าที่ตรวจสอบแบบนี้หากใครถูกร้องเรียน มีหลักฐานก็ดำเนินการอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามเท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้น มีการระบุถึงนายพลตำรวจ ยศ พล.ต.ต.จริง แต่ไม่ได้ระบุว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับส่วยที่กล่าวหาเลย แต่กล่าวหาพล.ต.ต.เข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องแต่งตั้ง ซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งจะต้องตรวจสอบด้วย ตรวจสอบทั้งหมดทุกประเด็น
ทั้งนี้ หากข้อเท็จจริงมีมูลว่า พล.ต.ต.น่าจะเกี่ยวข้องกระทำผิด ก็จะต้องแต่งตั้งผู้มียศตำแหน่งสูงกว่าเป็นกรรมการสอบ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น กรณีนี้มีการร้องเรียนที่บช.ภ.8 ด้วย ขณะนี้ทราบว่าทาง ภ.8 กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ ตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่หากผลตรวจสอบออกมาก็ต้องเรียกมาดู หากมีการกล่าวหาข้าราชการตำรวจนอกสังกัด ภ.8 ทางภ.8ก็ไม่มีอำนาจตรวจสอบ ต้องส่งมาที่ จเรตำรวจ ตนจะเอาข้อมูลมาดูหากพบว่าข้อมูลการร้องเรียนสอดคล้องกันก็ดำเนินการไปด้วยกันได้
"เมื่อถึงกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริงต้องใช้เวลา หากมีผู้ประกอบการอ้างว่าจ่ายส่วยจำนวนหลายราย ก็ต้องตรวจสอบทุกราย ว่าจ่ายส่วยให้ใครอย่างไร กล่าวหาลอยๆ อ้างแค่เอกสารสำเนาไม่ได้ แต่ตามกฎหมายผู้ที่จ่ายส่วยเจ้าหน้าที่ก็ต้องถูกดำเนินคดีฐานให้สินบนเจ้าพนักงานด้วย ต้องยอมรับสถานะหนึ่งก็เป็นพยาน ต้องแยกแยะกัน เรื่องที่ต้องดำเนินคดีก็ว่าไป" พล.ต.อ.สุชาติ กล่าว
เมื่อถามว่า การที่ให้ พล.ต.อ.สุชาติ ซึ่งมีชื่อชั้นเป็นนักสืบ มาตรวจสอบ สังคมก็คาดหวังจะเห็นความจริงปรากฏ พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า ได้เห็นแน่ งานนี้ได้เห็นกันแน่เราต้องทำความจริงให้ปรากฏ หากมีหลักฐานตามกล่าวหา การตรวจสอบเรื่องรับส่วยไม่ใช่เรื่องยาก ต้องสืบสวนหาข้อมูล ก็เคยเห็นกันอยู่ อย่างไรก็ตามเร่งรัดดำเนินการเรื่องนี้แล้ว
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา ที่ กก.1 บก.ทท. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.รอง ผบช.ทท. ชี้แจงถึงกรณีที่ โจ้ สปอตไลท์ ภูเก็ต ผู้ก่อตั้งเพจชื่อดัง Spotlight Phuket ให้สัมภาษณ์รายการวิทยุ ท้าชน “ผู้การโจ๊ก” หรือพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจท่องเที่ยว โดยขอให้พิสูจน์เรื่องตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ตรับส่วยและรีดไถผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว เดือนละกว่า 100 ล้านบาท ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องภายในจังหวัดภูเก็ต ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย เท่าที่ทราบ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.สั่งการให้ตรวจสอบตั้งแต่ระดับผู้กำกับไปจนถึงผู้การจังหวัด ส่วนที่มีการพาดพิงถึงตำรวจท่องเที่ยวนั้น ทางด้าน พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี รรท.ผบช.ทท.สั่งการให้ ผบก.ทท.3 เข้าไปตรวจสอบ หน้าที่ของตนนั้นบริหารท่องเที่ยว ปราบแก๊งอาชญากรข้ามชาติ