แน่นอนว่าการปรับคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้ ส่วนจะมีการสับเปลี่ยน เพิ่มเติมเข้ามาอีกกี่ตำแหน่ง ก็ต้องรอดู หลังจากที่ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หลังจากที่มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ปลดอธิบดีกรมการจัดหางานและโยกสลับเก้าอี้กับรองปลัดกระทรวงแรงงาน และส่งผลให้ พล.อ.ศิริชัย พร้อมทีมงานอีกราว 4-5 คนได้ยื่นใบลาออกพร้อมกัน เมื่อสัปดาห์ก่อน
ส่วนการลาออกดังกล่าวจะมาจากการแสดงสปิริต หลังจากที่มีคำสั่งปลดอธิบดีกรมการจัดหางานที่ตามข่าวบอกว่า พล.อ.ศิริชัย เป็นคนคัดเลือกเข้ามาเอง ดังนั้นเมื่อถูกสั่งปลด ก็ต้องแสดงสปิริตลาออกไปด้วย ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า กว่าสองปีของ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ในเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หากกล่าวกันแบบถนอมน้ำใจกันก็ต้องบอกว่า "ไม่โดดเด่น" แต่ในเมื่อได้ลาออกไปแล้วก็ถือว่าจบกัน
สิ่งที่ต้องพิจารณากันต่อไปก็คือ โฉมหน้าของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่เรียกว่าคณะรัฐมนตรีชุด "ประยุทธ์ 5" จะออกมาแบบไหน จะปรับเล็ก หรือปรับใหญ่ ซึ่งก็ต้องมาวิเคราะห์กันทีละจุดว่า ความน่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
**ด้วยระยะเวลาที่เหลืออีกเพียงปีเศษก่อนถึงการเลือกตั้ง รวมไปถึง "ความเชื่อมั่น" ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกลับมาเป็นนายกฯอีกรอบ ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ ตามบทเฉพาะกาลในแบบ "นายกฯคนนอก" ที่เปิดกว้างรอเอาไว้ 5 ปี รวมไปถึงในอนาคตอาจลากยาวได้ถึง 20 ปี แบบต่อเนื่องจากตามแผนยุทธศาสตร์ชาติที่วางเอาไว้ และเท่าที่เห็นในช่วงเวลานี้ ก็มีความเคลื่อนไหวในแบบนักการเมืองที่เดินสายพบปะกับชาวบ้านแบบถี่ยิบ เพียงแต่ว่ายังยืนยันว่า "ไม่ใช่นักการเมือง" แต่ภาพที่ปรากฏมัน"ยิ่งกว่านักการเมือง"เสียอีก
ทีนี้ก็ต้องย้อนกลับมาที่การปรับคณะรัฐมนตรีว่าจะออกมาแบบไหน นาทีนี้เป็นไปได้มากที่สุดเชื่อว่า น่าจะปรับแบบ "ขนาดกลาง" แต่จะปรับกันเฉพาะในโควตาของ "3 ป." ที่ถือว่าเป็น"ขาใหญ่" ในศูนย์อำนาจในปัจจุบันในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ไล่เรียงกันมาตั้งแต่ "พี่ใหญ่" คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่รับหน้าเสื่อคุมงานด้านความมั่นคงแบบเบ็ดเสร็จมาตั้งแต่แรก ซึ่งยังเชื่อมต่อไปถึงงานด้านพลังงาน แม้ระยะหลังเพิ่งจะค่อยๆ ปล่อยมืองานด้านเศรษฐกิจออกไป
ที่เห็นชัดก็คือกระทรวงแรงงาน นี่ก็เป็นโควตาในทีมของ"พี่ใหญ่"คนนี้ด้วยเหมือนกัน และเป็นโควตาเพื่อรองรับเก้าอี้ปลัดกระทรวงกลาโหม ที่เกษียณอายุราชการออกมา ทำให้เป็นที่จับตามองกันว่า เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนใหม่ จะเป็นของ พล.อ.ชาญชัย ช้างมงคล ที่เพิ่งเกษียณฯ จากปลัดกระทรวงกลาโหมมาเมื่อไม่กี่วันก่อนหรือไม่
**ขณะเดียวกัน เมื่อมองไปที่ "พี่รอง" หรือ "ป.ป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่เวลานี้ถูกสังคมกำลังกดดันเริ่มส่งเสียง"ยี้" ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ความจริงก็คือ เขาเป็นหนึ่งในทีม 3 ป. ของพี่น้อง"บูรพาพยัคฆ์" เป็นศูนย์รวมอำนาจในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ในเวลานี้ ดังนั้นไม่ว่าถูกกดดันแค่ไหน มันก็คง "แซะยาก" และยังมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงไม่กล้า"หัก" พี่รองคนนี้ ทำให้ยังเชื่อว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ยังสามารถนั่งเก้าอี้ "มท.1"ได้ต่อไป หรือเลวร้ายที่สุด ก็อาจถูกโยกไป"ขึ้นหิ้ง"ในตำแหน่งรองนายกฯ
ที่น่าสนใจอีกก็คือ ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ของ พล.อ.ฉัตรชัย สารกัลยะ ที่กำลังถูกกดดันมากขึ้นจากผลงานที่ถือว่า "ไม่เข้าตา"และล่าสุดกำลังถูกกระหน่ำจากชาวสวนยางพารา กดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง แต่รายนี้ถือว่า "เหนียวหนึบ" ยิ่งกว่าตีนตุ๊กแก ปรับคณะรัฐมนตรีทุกครั้งก็ไม่เคยหลุด แถมยังได้นั่งในเก้าอี้ระดับ"เกรดเอ" ตลอด สาเหตุที่มีเสียงนินทากันก็คือ นี่คือ"เพื่อนซี้" ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
อีกรายก็คือเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รวมไปถึงเก้าอี้รัฐมนตรีของ "นายพล" อีกหลายตำแหน่งที่ถือว่า"ไม่เวิร์ก" อาจเป็นเพราะงานในการบริหารแบบนี้ไม่ถนัด ผลงานจึงออกมาในแบบราชการไปเรื่อยๆ ไม่มีแบบ"เชิงรุก" ให้เห็น ผลจึงออกมาเป็น"ตัวถ่วง" หรือ"โลกลืม"ไปแล้ว
ขณะเดียวกันหากพิจารณากันในภาพรวม และระยะเวลาที่เหลืออีกเพียงปีเศษและความมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องกลับมาเป็นายกฯ อีกรอบ ก็ทำให้คาดเดาว่า การการปรับคณะรัฐมนตรีคราวนี้น่าจะเป็น "ปรับขนาดกลาง" จะปรับในโควตารัฐมนตรีเศรษฐกิจในส่วนของ"นายพล" แบบสับเปลี่ยน ส่วนหนึ่งจะรองรับนายพลเกษียณฯ ที่เป็นเพื่อพ้องน้องพี่ ดังที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนใหม่ และสองตำแหน่งที่สับเปลี่ยนกัน ก็น่าจะยังอยู่ในโควตาของ "3ป." และสำหรับพี่ใหญ่ พี่รอง ก็ต้องบอกว่า "ยังแน่นปึ้ก" กระเตงกันไปจนจบนั่นแหละ !!
ส่วนการลาออกดังกล่าวจะมาจากการแสดงสปิริต หลังจากที่มีคำสั่งปลดอธิบดีกรมการจัดหางานที่ตามข่าวบอกว่า พล.อ.ศิริชัย เป็นคนคัดเลือกเข้ามาเอง ดังนั้นเมื่อถูกสั่งปลด ก็ต้องแสดงสปิริตลาออกไปด้วย ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า กว่าสองปีของ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ในเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หากกล่าวกันแบบถนอมน้ำใจกันก็ต้องบอกว่า "ไม่โดดเด่น" แต่ในเมื่อได้ลาออกไปแล้วก็ถือว่าจบกัน
สิ่งที่ต้องพิจารณากันต่อไปก็คือ โฉมหน้าของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่เรียกว่าคณะรัฐมนตรีชุด "ประยุทธ์ 5" จะออกมาแบบไหน จะปรับเล็ก หรือปรับใหญ่ ซึ่งก็ต้องมาวิเคราะห์กันทีละจุดว่า ความน่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
**ด้วยระยะเวลาที่เหลืออีกเพียงปีเศษก่อนถึงการเลือกตั้ง รวมไปถึง "ความเชื่อมั่น" ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกลับมาเป็นนายกฯอีกรอบ ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ ตามบทเฉพาะกาลในแบบ "นายกฯคนนอก" ที่เปิดกว้างรอเอาไว้ 5 ปี รวมไปถึงในอนาคตอาจลากยาวได้ถึง 20 ปี แบบต่อเนื่องจากตามแผนยุทธศาสตร์ชาติที่วางเอาไว้ และเท่าที่เห็นในช่วงเวลานี้ ก็มีความเคลื่อนไหวในแบบนักการเมืองที่เดินสายพบปะกับชาวบ้านแบบถี่ยิบ เพียงแต่ว่ายังยืนยันว่า "ไม่ใช่นักการเมือง" แต่ภาพที่ปรากฏมัน"ยิ่งกว่านักการเมือง"เสียอีก
ทีนี้ก็ต้องย้อนกลับมาที่การปรับคณะรัฐมนตรีว่าจะออกมาแบบไหน นาทีนี้เป็นไปได้มากที่สุดเชื่อว่า น่าจะปรับแบบ "ขนาดกลาง" แต่จะปรับกันเฉพาะในโควตาของ "3 ป." ที่ถือว่าเป็น"ขาใหญ่" ในศูนย์อำนาจในปัจจุบันในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ไล่เรียงกันมาตั้งแต่ "พี่ใหญ่" คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่รับหน้าเสื่อคุมงานด้านความมั่นคงแบบเบ็ดเสร็จมาตั้งแต่แรก ซึ่งยังเชื่อมต่อไปถึงงานด้านพลังงาน แม้ระยะหลังเพิ่งจะค่อยๆ ปล่อยมืองานด้านเศรษฐกิจออกไป
ที่เห็นชัดก็คือกระทรวงแรงงาน นี่ก็เป็นโควตาในทีมของ"พี่ใหญ่"คนนี้ด้วยเหมือนกัน และเป็นโควตาเพื่อรองรับเก้าอี้ปลัดกระทรวงกลาโหม ที่เกษียณอายุราชการออกมา ทำให้เป็นที่จับตามองกันว่า เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนใหม่ จะเป็นของ พล.อ.ชาญชัย ช้างมงคล ที่เพิ่งเกษียณฯ จากปลัดกระทรวงกลาโหมมาเมื่อไม่กี่วันก่อนหรือไม่
**ขณะเดียวกัน เมื่อมองไปที่ "พี่รอง" หรือ "ป.ป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่เวลานี้ถูกสังคมกำลังกดดันเริ่มส่งเสียง"ยี้" ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ความจริงก็คือ เขาเป็นหนึ่งในทีม 3 ป. ของพี่น้อง"บูรพาพยัคฆ์" เป็นศูนย์รวมอำนาจในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ในเวลานี้ ดังนั้นไม่ว่าถูกกดดันแค่ไหน มันก็คง "แซะยาก" และยังมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงไม่กล้า"หัก" พี่รองคนนี้ ทำให้ยังเชื่อว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ยังสามารถนั่งเก้าอี้ "มท.1"ได้ต่อไป หรือเลวร้ายที่สุด ก็อาจถูกโยกไป"ขึ้นหิ้ง"ในตำแหน่งรองนายกฯ
ที่น่าสนใจอีกก็คือ ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ของ พล.อ.ฉัตรชัย สารกัลยะ ที่กำลังถูกกดดันมากขึ้นจากผลงานที่ถือว่า "ไม่เข้าตา"และล่าสุดกำลังถูกกระหน่ำจากชาวสวนยางพารา กดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง แต่รายนี้ถือว่า "เหนียวหนึบ" ยิ่งกว่าตีนตุ๊กแก ปรับคณะรัฐมนตรีทุกครั้งก็ไม่เคยหลุด แถมยังได้นั่งในเก้าอี้ระดับ"เกรดเอ" ตลอด สาเหตุที่มีเสียงนินทากันก็คือ นี่คือ"เพื่อนซี้" ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
อีกรายก็คือเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รวมไปถึงเก้าอี้รัฐมนตรีของ "นายพล" อีกหลายตำแหน่งที่ถือว่า"ไม่เวิร์ก" อาจเป็นเพราะงานในการบริหารแบบนี้ไม่ถนัด ผลงานจึงออกมาในแบบราชการไปเรื่อยๆ ไม่มีแบบ"เชิงรุก" ให้เห็น ผลจึงออกมาเป็น"ตัวถ่วง" หรือ"โลกลืม"ไปแล้ว
ขณะเดียวกันหากพิจารณากันในภาพรวม และระยะเวลาที่เหลืออีกเพียงปีเศษและความมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องกลับมาเป็นายกฯ อีกรอบ ก็ทำให้คาดเดาว่า การการปรับคณะรัฐมนตรีคราวนี้น่าจะเป็น "ปรับขนาดกลาง" จะปรับในโควตารัฐมนตรีเศรษฐกิจในส่วนของ"นายพล" แบบสับเปลี่ยน ส่วนหนึ่งจะรองรับนายพลเกษียณฯ ที่เป็นเพื่อพ้องน้องพี่ ดังที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนใหม่ และสองตำแหน่งที่สับเปลี่ยนกัน ก็น่าจะยังอยู่ในโควตาของ "3ป." และสำหรับพี่ใหญ่ พี่รอง ก็ต้องบอกว่า "ยังแน่นปึ้ก" กระเตงกันไปจนจบนั่นแหละ !!