xs
xsm
sm
md
lg

คนจน : กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจการเมือง

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง คนจนคือผู้ขายคนสำคัญของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือแม้กระทั่งผู้ที่มิได้เป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ต้องการแสวงหาอำนาจทางการเมือง ทั้งนี้จะเห็นได้จากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้

1. ในการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง ทุกพรรคจะมุ่งเน้นนโยบายเพื่อช่วยเหลือคนจน เช่น การจัดตั้งกองทุนหมู่บ้าน และการพักหนี้ เป็นต้น ซึ่งรู้จักกันในชื่อนโยบายประชานิยมหรือชื่ออื่นใด แต่มีเนื้อหาในทำนองเดียวกันคือการให้ในรูปแบบต่างๆ

2. เมื่อได้รับเลือกตั้งเข้ามา และได้เป็นรัฐบาลหรือแม้รัฐบาลที่มิได้มาจากการเลือกตั้ง เมื่อใกล้ครบเทอม หรือมีความจำเป็นต้องจัดการเลือกตั้ง เพื่อลดแรงกดดันทางการเมือง การเร่งระดมให้การช่วยเหลือคนจนจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายใต้นโยบายในรูปแบบต่างๆ ดังที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้

3. เมื่อถึงเวลาเลือกตั้ง คนจนซึ่งนิยมชมชอบนโยบายดังกล่าวในข้อ 2 จะเป็นแหล่งคะแนนจัดตั้งที่หวังผลได้เกือบ 100% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนจนในพื้นที่ห่างไกลความเจริญเนื่องจากหัวคะแนนของแต่ละพรรคสามารถรวบรวมผู้ลงคะแนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยวิธีการทางธุรกิจคือ ซื้อสิทธิจากผู้ขายเสียง ด้วยวิธีการที่ค่อนข้างแยบยล จนกระทั่งกฎหมายเอาผิดได้ยาก เช่น จัดรถรับส่งถึงหน่วยเลือกตั้ง โดยมีคนคอยควบคุมมา และกำกับให้เลือกเบอร์นั้นเบอร์นี้

4. จัดกำลังคนคอยติดตามพฤติกรรมของพรรคไม่ให้มีโอกาสดำเนินการใดๆ ในเชิงธุรกิจ เช่นเดียวกันกับพรรคของตน

ทั้ง 4 ประการข้างต้น เกิดขึ้นทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งในอดีตที่ผ่านมา แต่อาจเกิดขึ้นได้ยากในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในปี 2561 ถึงต้นปี 2562 ทั้งนี้เนื่องจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้

1. มีการออกกฎหมายเกี่ยวกับพรรคการเมือง และการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งหลายคนเชื่อว่าจะช่วยให้การเมืองไทยโปร่งใสขึ้นกว่าที่ผ่านมา

2. คนไทยส่วนหนึ่งมีการตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้น เนื่องจากมีการชุมนุมทางการเมืองครั้งใหญ่ถึง 2 ครั้งคือการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ครั้งหนึ่ง และการชุมนุมของ กปปส.อีกครั้งหนึ่ง และการชุมนุมแต่ละครั้งมีคนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ทั้งยืดเยื้อยาวนาน ประกอบกับมีนักวิชาการมาให้ความรู้ทางการเมืองอย่างกว้างขวาง ทำให้ประชาชนมีความรู้ มีความเข้าใจการเมืองดีขึ้น

3. การชุมนุมทั้งสองครั้งส่งผลให้รัฐบาลในขณะนั้นถูกโค่นล้ม และมีการดำเนินคดีกับผู้ที่ทำผิดกฎหมายในข้อทุจริตถึงขั้นจำคุกก็มี หนีออกนอกประเทศ เที่ยวเร่ร่อน ในทำนองเดียวกับสัมภเวสีหรือวิญญาณเร่ร่อนก็มี

ด้วยเหตุนี้นักการเมืองประเภทที่มีพฤติกรรมสีเทา คงจะไม่ลงเลือกตั้ง ดังนั้นจึงเท่ากับเปิดโอกาสให้คนดีเข้าสู่วงการเมืองมากขึ้น

4. การแก้กฎหมายให้คดีทุจริตไม่มีอายุความ และสามารถพิจารณาตัดสินลับหลังจำเลยได้ ทำให้นักการเมืองประเภทเจ้าบุญทุ่มไม่กล้าถอนทุนแบบโฉ่งฉ่าง จึงน่าจะเป็นเหตุให้นายทุนไม่อยากลงเล่นการเมืองด้วยตนเอง และในขณะเดียวกัน ถ้ายอมลงทุนให้คนอื่นลงมาเล่นแทนแล้วเป็นเครื่องมือในการแสวงหาประโยชน์ ก็คงจะหาคนลงมาเล่นแทนได้ยากขึ้น เนื่องจากผลของคดีขายข้าวจีทูจีเป็นตัวอย่างให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม

ด้วยเหตุนี้ ตลาดซื้อสิทธิขายเสียงซึ่งมีคนจนเป็นกลุ่มเป้าหมาย คงจะซบเซาลง

อีกประการหนึ่ง คนจนที่เคยเป็นม็อบแบมือขอ โดยมีหัวคะแนนของนักการเมืองอยู่เบื้องหลังคงจะมีน้อยลง เนื่องจากผลปรากฏชัดเจนแล้วว่า ยิ่งทำตนเป็นคนรอการช่วยเหลือจากรัฐ โดยผ่านทางประชานิยมหรือชื่ออื่นใด ประเทศก็ยิ่งจนลง และตนเองก็มีหนี้สินเพิ่มขึ้นด้วย ในขณะเดียวกัน คนจนที่พึ่งตนเองโดยยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้พระราชทานไว้มีหนี้สินลดลง อยู่ดี กินดีขึ้น เป็นตัวอย่างให้คนจนที่หลงเดินตามทางประชานิยมหันมาเอาอย่าง จึงทำให้ธุรกิจการเมืองถดถอย และมีแนวโน้มจะฝ่อไปเองตามกาลเวลา

ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า นโยบายประชานิยมซึ่งเคยรุ่งเรืองในยุคของการเมืองในระบอบทักษิณจะค่อยๆ เสื่อมลง เมื่อเป็นเช่นนี้ ใครก็ตามที่ยังคิดว่าประชานิยมคือเครื่องมือแสวงหาอำนาจทางการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรจะได้ทบทวนแนวคิดเช่นนี้ได้แล้ว มิฉะนั้นอาจมีประชาชนออกมาขับไล่เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้น 2 ครั้งที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น