xs
xsm
sm
md
lg

ศาลจำคุก"หญิงไก่"3ปี คดีค้ามนุษย์-จ่ายเงินชดเชย5.9แสน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (19 ต.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 708 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ คม.86/2559 ที่พนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ 2 เป็นโจทก์ฟ้อง นางมณตา หรือ "หญิงไก่" หยกรัตนกาญ เป็นจำเลยในความผิดฐานค้ามนุษย์
คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 10 ต.ค.59 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ต้นเดือน มิ.ย.49–ต.ค.53 น.ส.ดาลิน หล้าคำ อายุ 19 ปี ผู้เสียหายที่ 1 ได้ไปทำงานเป็นแม่บ้านกับจำเลย ที่ประชานิเวศน์คอนโด เขตจตุจักร กทม. โดยจำเลยได้บังคับให้ทำงานบ้านตั้งแต่ เวลา 05.00–22.00 น. ทุกวัน ไม่มีวันหยุด โดยไม่จ่ายค่าจ้างให้ จ่ายเพียงค่ายังชีพเล็กน้อย แล้วยังขู่ว่า หากไม่ยอมทำงาน แล้วจะกลับบ้าน ก็จะแจ้งตำรวจจับ บิดา-มารดา จน น.ส.ดาลิน เกิดความกลัว เพราะเคยเห็นจำเลยแจ้งตำรวจให้จับกุมดำเนินคดีกับลูกจ้างคนอื่นที่ออกจากงาน ด้วยการกล่าวหาว่าลักทรัพย์ จึงทำให้ต้องตกอยู่ในภาวะจำยอมทำงานให้ ซึ่งการกระทำของจำเลย เป็นการค้ามนุษย์ โดยแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจากการบังคับใช้แรงงาน
ต่อมา เดือนพ.ค.51- เม.ย.52 จำเลยยังหลอกลวง น.ส.กาญจนา ปองลาภสุนทร ผู้เสียหายที่ 2 จาก จ.แม่ฮ่องสอน โดยไปอ้างกับบิดามารดาของผู้เสียหายว่า เป็นคุณหญิง ชอบช่วยเหลือคนยากจน จึงจะให้ผู้เสียหายมาทำงานด้วยที่กทม. จะให้เงินเดือนๆละ 6,000 บาท พร้อมส่งเสียให้เรียนพยาบาลฟรี
หลังจากจำเลย พาผู้เสียหายมาพักที่ประชานิเวศน์คอนโดแล้ว ได้ยึดบัตรประชาชนไว้ ก่อนบังคับทำงาน เช่นเดียวกับผู้เสียหายที่ 1 โดยไม่ได้ส่งเสียให้เรียน และเมื่อเดือน ก.ค.52–ก.พ.53 จำเลยได้หลอกลวง น.ส.ขวัญจิรา จิรสกุลโชคชัย อายุ 17 ปีเศษ ผู้เสียหายที่ 3 ให้มาทำงานแม่บ้านกับจำเลย ที่ประชานิเวศน์คอนโด โดยอ้างว่าจะให้เงินเดือนๆละ 4,500 บาท และให้ผู้เสียหายเรียกว่า คุณหญิง กับบังคับใช้แรงงาน ตั้งแต่ 05.00–23.00 น. ไม่มีวันหยุด โดยให้ทำงานบ้าน และนวดตัวให้จำเลย ซึ่งเป็นการบังคับใช้แรงงานเด็ก มีลักษณะคล้ายกับการเอาคนลงเป็นทาส ด้วยวิธีการข่มขู่ ขณะที่จำเลยถูกจับกุมในคดีอื่น แล้วเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 59 พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา โดยชั้น สอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ
วานนี้ ศาลได้เบิกตัวนางมณตา จากทัณฑสถานหญิงกลาง มารับฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยได้รับผู้เสียหายทั้ง 3 คน เข้าทำงาน ระหว่างทำงานจำเลยได้มอบเงินให้ผู้เสียหายเป็นค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย โดยไม่จ่ายเงินเดือนให้ตามจำนวนที่ได้ตกลงไว้ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่
น.ส.ดาลิน ผู้เสียหายที่ 1 เบิกความว่า ทำงานกับจำเลยเดือนแรก มอบเงินให้ 5,500 โดยให้ค่าอาหารเดือนละ 1,000 บาท บางเดือนมอบให้ 500 บาท และได้ส่งเสียให้เรียน ที่วิทยาลัยเทคนิควิมล ย่านประชาชื่น โดยออกค่าเทอมให้ แต่ระหว่างที่เรียน ผู้เสียหายที่ 1 ไม่ได้ไปสอบ เพราะจำเลยอ้างว่าไม่มีคนอยู่ดูแล ทำให้ผู้เสียหายที่ 1 ไม่ได้เรียนต่อจนจบ หลังจากนั้น ผู้เสียหายจึงยินยอมทำงาน ชดใช้เงินค่าเทอมดังกล่าว โดยไม่ได้ตกลงค่าตอบแทนกัน ซึ่งจำเลยไม่ได้ยึดบัตรประชาชนไว้ ศาลเห็นว่าผู้เสียหาย กับจำเลย ไม่ได้ตกลงเงินค่าจ้างกัน รวมถึงจำเลยไม่ได้ยึดบัตรประชาชนผู้เสียหาย และได้ออกค่าเทอมให้ ขณะที่ผู้เสียหาย ก็ยินยอมทำงานเพื่อใช้หนี้ค่าเทอม จึงไม่ผิดตามคำฟ้อง
ขณะที่ น.ส.ขวัญจิรา ผู้เสียหายที่ 3 เบิกความว่า ไปทำงานกับจำเลยตามคำชักชวนของเพื่อน ได้เดือนละ 4,500 บาท ทุกวันจะต้องตื่นนอน 4.00 น. เพื่อจัดเสื้อผ้า หาอาหาร ให้บุตรของจำเลย จากนั้นก็ทำความสะอาดห้องพักของจำเลย ส่วนเพื่อนจะไปซักเสื้อผ้า ล้างจาน ตามหน้าที่ โดยจำเลยได้ให้เงินเดือนไว้ใช้ เดือนละ 1,000 บาท ต่อมาผู้เสียหายที่ 3 ไม่อยากทำงานกับจำเลยแล้ว จึงเล่าให้บิดาฟัง และขออนุญาตกลับบ้าน ซึ่งจำเลยได้ขอพูดกับบิดาผู้เสียหายที่ 3 โดยหลังการพูดคุย จำเลยอ้างว่า บิดาของผู้เสียหายที่ 3 ด่า และไม่ให้เกียรติจำเลย
ในส่วนของผู้เสียหายได้ให้การกับพนักงานสอบสวนว่า จำเลยข่มขู่ว่าถ้าผู้เสียหายกลับบ้าน จะให้ตำรวจจับบิดา มารดา แต่ภายหลังเพื่อนของผู้เสียหายได้ช่วยพูดกับจำเลย บอกเหตุผลว่าต้องกลับไปช่วยเลี้ยงน้อง ภายหลังจำเลยก็ยินยอมให้กลับ และระหว่างทำงาน จำเลยก็ไม่ได้ยึดบัตรประชาชน จึงไม่ผิดตามคำฟ้อง
ส่วนน.ส.กาญจนา ผู้เสียหายที่ 2 เบิกความว่า ได้มาทำงานเป็นแม่บ้านกับจำเลย เพราะมีเพื่อนชักชวน จำเลยได้เดินทางมาที่บ้านผู้เสียหายที่ จ.แม่ฮ่องสอน บอกว่าจะให้ค่าจ้างเดือนละ 6,000 บาท และจะส่งเรียนพยาบาล จึงตกลงมาทำงาน โดยมอบเงิน 5,000 บาท ให้กับบิดามารดาผู้เสียหายที่ 2 ด้วย เมื่อได้มาทำงานแล้ว จำเลยได้ขอบัตรประชาชนมาเก็บไว้ และไม่ยอมจ่ายค่าจ้าง ตามจำนวนที่ได้ตกลงกันไว้ และไม่ได้ส่งเรียนพยาบาล เมื่อพิจารณาจากคำเบิกความของผู้เสียหาย ประกอบบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวน แม้ว่างานที่ทำจะมีไม่มาก และมิได้มีการกักขังก็ตาม แต่การที่จำเลยยึดบัตรประชาชนมาเก็บไว้ ก็ส่อแสดงว่ามีเจตนาแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงาน การกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์
ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6, 52 วรรคหนึ่ง ให้จำคุก 4 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุก 3 ปี และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหายที่ 2 เป็นเงิน 590,007 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ วันที่ 6 มิ.ย.60 ที่ผ่านมา ศาลอาญาได้พิพากษาจำคุกหญิงไก่ รวม 7 ปี 6 เดือน ฐานหมิ่นเบื้องสูงด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น