จนป่านนี้ยังไม่รู้ว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หรือที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่า"เจ๊หน่อย" เคยโดดเด่นทางด้านการประชาสัมพันธ์ตัวเองจะต้องมา"ถูกน็อกกลางอากาศ" กับเรื่องที่ตัวเองอ้างว่า "ผิดพลาด" ไม่รอบคอบแบบเผลอเรอ แต่ก็ยังไม่วายโบ้ยไปให้"ลูกน้อง"ทีมงาน ที่ไม่ดูตาม้าตาเรือจนถูกชาวบ้านรุมด่ากันทั้งเมือง
ตอนแรกเมื่อต้านแรงตำหนิจากสังคมที่รุมกระหน่ำไม่ไหว จนต้องแถลงยอมรับความผิดพลาด (ของลูกน้อง) แต่ก็ยังไม่วายขู่ฟอดๆ ห้ามไม่ให้ชาวเน็ตแชร์ภาพขบวนแห่ออกไปให้มากมายกว่านั้น แต่ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งท้าทาย ถูกด่าหนักกว่าเดิม จึงต้องตั้งโต๊ะแถลงอีกรอบ คราวนี้ถึงได้ลดระดับการยอมรับผิดลงมาอีก แบบขอโทษ "ดิฉันผิดเอง"
อย่างไรก็ดี สำหรับเรื่องนี้ทุกอย่างก็น่าจบลง คงไม่มีใครอยากกระทืบซ้ำเติมแบบไม่จบไม่สิ้นหรอก หากยอมรับผิดกันตั้งแต่แรก นั่นคือ ผิดก็คือผิด ไม่ต้องมีเหลี่ยมมีเชิงให้ใครต้องหมั่นไส้ มันก็ไม่มีอะไร ตรงข้ามกลับจะได้ความสงสารกลับมาเสียอีก ซึ่งมันก็เหมือนกับอารมณ์หลังได้ยินการแถลงครั้งสองนั่นแหละ เอาเป็นว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป ไม่ว่าใครจะใช้วิธีประชาสัมพันธ์แบบเดิมๆ คงไม่ได้แล้ว
ขณะเดียวกันหากพิจารณาผลต่อเนื่องหลังจากที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เกิดอาการที่เขาเรียกว่า "น็อกกลางอากาศ"ไปแล้ว ก็ต้องต้องเหลือบมองไปที่พรรคเพื่อไทยว่ามีปฏิกิริยากลับมาอย่างไรบ้าง เนื่องจากก่อนหน้านี้ เธอมีข่าวว่าพยายามเสนอตัวเป็นตัวเลือกในการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ และที่ผ่านมาเธอก็ไม่เคยปฏิเสธในเรื่องดังกล่าว และพูดก็พูดเถอะ กรณีขึ้นหลังคารถแห่ดังกล่าวก็ถูกโยงเป็นเรื่องการเมืองนั่นแหละ เพียงแต่ว่ามัน"เกิดเรื่อง" ขึ้นมาเสียก่อน
หากสำรวจภายในพรรคเพื่อไทยในช่วงเวลาสำคัญแบบนั้น หากพิจารณากันแบบความเคลื่อนไหวในระดับ"ขาใหญ่" ที่เป็นสัญลักษณ์ในแบบ"สายตรง" ยังไม่ปรากฏเห็นความเคลื่อนไหว หรือมีท่าทีใดๆ ออกมาให้เห็น ยังไม่เห็นท่าทีของคนระดับ ภูมิธรรม เวชยชัย หรือแม้กระทั่งคนอื่นๆ ที่พอมีระดับขึ้นมาหน่อย ยังไม่เห็นจริงๆ แต่อาจเป็นไปได้ว่า นั่นเป็นลักษณะงานส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับใคร ก็อาจอ้างแบบนั้นได้
แต่หากพิจารณากันอีกมุมหนึ่งในเมื่อมีข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่เคยมีออกมาว่า สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คือตัวเต็งสำหรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนต่อไปจริง มันก็ต้องมีระดับ"ขาใหญ่" ออกมาให้กำลังใจ หรือแสดงออกแบบ "ยืนเคียงข้าง"บ้าง แต่นี่กลับกลายเป็นว่าทุกอย่าง"นิ่งเงียบสนิท" ยังไม่เห็นปฏิกิริยาที่ชวนให้จับตาเลย
เท่าที่เห็นมีแค่ระดับ"เด็กๆ" ปลายแถว หรือส่วนใหญ่ก็เป็นพวก"ลูกน้องเก่าๆ" ในพื้นที่เลือกตั้งที่ต้องออกมาแสดงท่าทีให้เห็นบ้าง เท่าที่เห็นก็มี นอ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ออกมาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ที่ออกมาปกป้องเธอให้กำลังใจเธอ ซึ่งก็เข้าใจได้ หากพิจารณาจากแบ็กกราวด์ หรือเส้นทางการเมืองในอดีตตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
หรือแม้กระทั่ง วัฒนา เมืองสุข ที่เวลานี้ผันตัวเองมาเป็นนักต่อสู้กับเผด็จการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเต็มรูปแบบแล้ว โดยเขาก็ใช้สื่อโซเชียลฯ ปกป้อง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในทำนองว่า คนอย่างเธอที่ผ่านเรื่องราวมามากมาย ย่อมรู้ดีว่าอะไรควร ไม่ควร แต่พูดไปพูดมาก็ตบท้ายด้วยการถล่ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อัดเผด็จการ ว่าเป็นตัวการละเมิดเสรีภาพความจงรักภักดี ว่าไปโน่นอีก
เอาเป็นว่าหากพิจารณาจากตัวบุคคล ไม่ได้มองลึกไปถึงเนื้อหาสาระของคำพูด ก็ทำให้มองเห็น"บางอย่าง" ที่ปรากฏออกมา โดยเฉพาะได้มองเห็น"ท่าที" ภายในพรรคเพื่อไทย ที่มีต่อ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ว่าทำไมถึงมีแค่ นอ.อนุดิษฐ และ วัฒนา เมืองสุข ซึ่งคนแรกนั้น แบ็กกราวด์ชัดเจน ไม่ต้องอธิบายมาก แต่สำหรับคนหลังคือ วัฒนา เมืองสุข ที่น่าจะรับรู้กันว่า หากไม่โดนคดีอาญาให้ต้องจำคุก หรือเข้าข่าย"คุณสมบัติต้องห้าม" แล้วละก็ เชื่อว่าผลจากการเคลื่อนไหวแบบ "แรงๆ" ที่ผ่านมา น่าจะเข้าตา มีโอกาสที่จะได้รับการคัดเลือกเป็นผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยในระบบใด ระบบหนึ่ง รวมไปถึงมีสิทธิ์คั่วเก้าอี้ในพรรคเพื่อไทยได้ไม่น้อย และที่ผ่านมา เขาก็แสดงท่าทีในแบบที่เรียกว่า"สวามิภักดิ์" กับ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ความหมายก็คือ มีท่าทีสนับสนุนเธอให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ แบบ"แทงเต็ง" กันไปเลย
ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทั้งสองคนต้องออกมาให้กำลังใจและปกป้อง ในขณะที่คนอื่นเลือกที่จะนิ่งเงียบ คำถามก็คือ ทำไมคนระดับ ภูมิธรรม เวชยชัย และคนอื่นอีกหลายคน ทำไมถึงเงียบ ไม่ช่วยกันเคลียร์กับสังคมภายนอก และแม้ว่านาทีนี้อาจจะยังมองเห็นภาพไม่ชัดนัก แต่อย่างน้อยมันก็พอมองเห็นอารมณ์ และปฏิกิริยาภายในพรรคเพื่อไทยว่า แม้ว่าจะมีคนชอบ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จำนวนมาก แต่ขณะเดียวกันอดที่จะมองเห็นไม่ได้ว่า ในนั้นยังมี "คนไม่ชอบ "อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน !!
ตอนแรกเมื่อต้านแรงตำหนิจากสังคมที่รุมกระหน่ำไม่ไหว จนต้องแถลงยอมรับความผิดพลาด (ของลูกน้อง) แต่ก็ยังไม่วายขู่ฟอดๆ ห้ามไม่ให้ชาวเน็ตแชร์ภาพขบวนแห่ออกไปให้มากมายกว่านั้น แต่ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งท้าทาย ถูกด่าหนักกว่าเดิม จึงต้องตั้งโต๊ะแถลงอีกรอบ คราวนี้ถึงได้ลดระดับการยอมรับผิดลงมาอีก แบบขอโทษ "ดิฉันผิดเอง"
อย่างไรก็ดี สำหรับเรื่องนี้ทุกอย่างก็น่าจบลง คงไม่มีใครอยากกระทืบซ้ำเติมแบบไม่จบไม่สิ้นหรอก หากยอมรับผิดกันตั้งแต่แรก นั่นคือ ผิดก็คือผิด ไม่ต้องมีเหลี่ยมมีเชิงให้ใครต้องหมั่นไส้ มันก็ไม่มีอะไร ตรงข้ามกลับจะได้ความสงสารกลับมาเสียอีก ซึ่งมันก็เหมือนกับอารมณ์หลังได้ยินการแถลงครั้งสองนั่นแหละ เอาเป็นว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป ไม่ว่าใครจะใช้วิธีประชาสัมพันธ์แบบเดิมๆ คงไม่ได้แล้ว
ขณะเดียวกันหากพิจารณาผลต่อเนื่องหลังจากที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เกิดอาการที่เขาเรียกว่า "น็อกกลางอากาศ"ไปแล้ว ก็ต้องต้องเหลือบมองไปที่พรรคเพื่อไทยว่ามีปฏิกิริยากลับมาอย่างไรบ้าง เนื่องจากก่อนหน้านี้ เธอมีข่าวว่าพยายามเสนอตัวเป็นตัวเลือกในการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ และที่ผ่านมาเธอก็ไม่เคยปฏิเสธในเรื่องดังกล่าว และพูดก็พูดเถอะ กรณีขึ้นหลังคารถแห่ดังกล่าวก็ถูกโยงเป็นเรื่องการเมืองนั่นแหละ เพียงแต่ว่ามัน"เกิดเรื่อง" ขึ้นมาเสียก่อน
หากสำรวจภายในพรรคเพื่อไทยในช่วงเวลาสำคัญแบบนั้น หากพิจารณากันแบบความเคลื่อนไหวในระดับ"ขาใหญ่" ที่เป็นสัญลักษณ์ในแบบ"สายตรง" ยังไม่ปรากฏเห็นความเคลื่อนไหว หรือมีท่าทีใดๆ ออกมาให้เห็น ยังไม่เห็นท่าทีของคนระดับ ภูมิธรรม เวชยชัย หรือแม้กระทั่งคนอื่นๆ ที่พอมีระดับขึ้นมาหน่อย ยังไม่เห็นจริงๆ แต่อาจเป็นไปได้ว่า นั่นเป็นลักษณะงานส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับใคร ก็อาจอ้างแบบนั้นได้
แต่หากพิจารณากันอีกมุมหนึ่งในเมื่อมีข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่เคยมีออกมาว่า สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คือตัวเต็งสำหรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนต่อไปจริง มันก็ต้องมีระดับ"ขาใหญ่" ออกมาให้กำลังใจ หรือแสดงออกแบบ "ยืนเคียงข้าง"บ้าง แต่นี่กลับกลายเป็นว่าทุกอย่าง"นิ่งเงียบสนิท" ยังไม่เห็นปฏิกิริยาที่ชวนให้จับตาเลย
เท่าที่เห็นมีแค่ระดับ"เด็กๆ" ปลายแถว หรือส่วนใหญ่ก็เป็นพวก"ลูกน้องเก่าๆ" ในพื้นที่เลือกตั้งที่ต้องออกมาแสดงท่าทีให้เห็นบ้าง เท่าที่เห็นก็มี นอ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ออกมาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ที่ออกมาปกป้องเธอให้กำลังใจเธอ ซึ่งก็เข้าใจได้ หากพิจารณาจากแบ็กกราวด์ หรือเส้นทางการเมืองในอดีตตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
หรือแม้กระทั่ง วัฒนา เมืองสุข ที่เวลานี้ผันตัวเองมาเป็นนักต่อสู้กับเผด็จการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเต็มรูปแบบแล้ว โดยเขาก็ใช้สื่อโซเชียลฯ ปกป้อง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในทำนองว่า คนอย่างเธอที่ผ่านเรื่องราวมามากมาย ย่อมรู้ดีว่าอะไรควร ไม่ควร แต่พูดไปพูดมาก็ตบท้ายด้วยการถล่ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อัดเผด็จการ ว่าเป็นตัวการละเมิดเสรีภาพความจงรักภักดี ว่าไปโน่นอีก
เอาเป็นว่าหากพิจารณาจากตัวบุคคล ไม่ได้มองลึกไปถึงเนื้อหาสาระของคำพูด ก็ทำให้มองเห็น"บางอย่าง" ที่ปรากฏออกมา โดยเฉพาะได้มองเห็น"ท่าที" ภายในพรรคเพื่อไทย ที่มีต่อ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ว่าทำไมถึงมีแค่ นอ.อนุดิษฐ และ วัฒนา เมืองสุข ซึ่งคนแรกนั้น แบ็กกราวด์ชัดเจน ไม่ต้องอธิบายมาก แต่สำหรับคนหลังคือ วัฒนา เมืองสุข ที่น่าจะรับรู้กันว่า หากไม่โดนคดีอาญาให้ต้องจำคุก หรือเข้าข่าย"คุณสมบัติต้องห้าม" แล้วละก็ เชื่อว่าผลจากการเคลื่อนไหวแบบ "แรงๆ" ที่ผ่านมา น่าจะเข้าตา มีโอกาสที่จะได้รับการคัดเลือกเป็นผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยในระบบใด ระบบหนึ่ง รวมไปถึงมีสิทธิ์คั่วเก้าอี้ในพรรคเพื่อไทยได้ไม่น้อย และที่ผ่านมา เขาก็แสดงท่าทีในแบบที่เรียกว่า"สวามิภักดิ์" กับ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ความหมายก็คือ มีท่าทีสนับสนุนเธอให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ แบบ"แทงเต็ง" กันไปเลย
ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทั้งสองคนต้องออกมาให้กำลังใจและปกป้อง ในขณะที่คนอื่นเลือกที่จะนิ่งเงียบ คำถามก็คือ ทำไมคนระดับ ภูมิธรรม เวชยชัย และคนอื่นอีกหลายคน ทำไมถึงเงียบ ไม่ช่วยกันเคลียร์กับสังคมภายนอก และแม้ว่านาทีนี้อาจจะยังมองเห็นภาพไม่ชัดนัก แต่อย่างน้อยมันก็พอมองเห็นอารมณ์ และปฏิกิริยาภายในพรรคเพื่อไทยว่า แม้ว่าจะมีคนชอบ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จำนวนมาก แต่ขณะเดียวกันอดที่จะมองเห็นไม่ได้ว่า ในนั้นยังมี "คนไม่ชอบ "อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน !!