ไม่น่าแปลกใจที่พวกขวา (อนุรักษ์กระเดียดขวาสุด) คือพรรคประชาชน (OVP-Austria’s People Party) ได้รับชัยชนะได้คะแนนสูงสุด 31% และจะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคนาซีใหม่ (Freedom Party หรือ FPO) ที่ได้คะแนนเกือบ 27% เพราะออสเตรียคือบ้านเกิดของ Hitler และถูกยึดครองโดยนาซีช่วง 1938-45 ตลอดสงครามโลกครั้งที่ 2
รวม 2 พรรคขวาจะได้ถึง 58% เป็นรัฐบาลได้สบายๆ ขณะที่พรรคขวากลาง Social Democrat (SPO) ได้คะแนนเป็นที่ 3 แพ้พรรค FPO ไม่ถึง 1%
และนี่เป็นความกังวลที่เกิดขึ้นต่อประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรปทั้ง 27 ประเทศ (ไม่นับอังกฤษที่กำลังจะออกจากอียู)
เพราะพรรคขวาและพรรคขวาสุด (นาซีใหม่) ต่างมีนโยบายใกล้กันมาก
พรรคขวาสุด (นาซีใหม่) ไม่สนับสนุนสหภาพยุโรป และต้องการปิดประเทศไม่รับผู้อพยพมุสลิมจากแดนสงครามในแอฟริกา ต้องการขับผู้อพยพที่ได้เดินทางเข้ามาอาศัยอยู่ให้ออกไปนอกประเทศ ตลอดจนไม่ให้สวัสดิการใดๆ แก่คนอพยพจนกว่าจะอาศัยอยู่ครบ 5 ปี หัวหน้าพรรคก็หาเสียงแบบดุเดือดมากพอๆ กับ Marine Le Pen ของฝรั่งเศส และทรัมป์ของสหรัฐฯ
พรรคประชาชนที่ชนะเลือกตั้งเป็นที่ 1 มีนโยบายคล้ายกับพรรคนาซีใหม่ และถูกหัวหน้าพรรคนาซีใหม่โจมตีว่าไปลอกนโยบายของพวกนาซีใหม่ ด้านผู้อพยพมุสลิม แต่ยังมีนโยบายอื่นๆ ที่ต่างกับพรรคนาซีใหม่ เช่น ยังต้องการอยู่กับอียู, ความเท่าเทียมทางเพศ, เคารพสิทธิมนุษยชน, และประกันค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่ 1,500 ยูโร (ประมาณ 6 หมื่นบาท) ต่อเดือน
แต่หัวหน้าพรรคประชาชนหาเสียงแบบนุ่มนวลกว่าหัวหน้าพรรคนาซีใหม่ และมีอายุน้อยมากแค่ 31 ปี จะกลายเป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดของยุโรป (เทียบมาครงของฝรั่งเศสอายุ 39 ปี เมื่อรับตำแหน่ง ; นโปเลียนขึ้นครองราชย์เมื่ออายุ 36 ปี โทนี แบลร์ และเดวิด คาเมรอน ได้เป็นนายกฯ อังกฤษเมื่ออายุ 43-44 ปี เช่นเดียวกับจัสติน ทรูโด แห่งแคนาดาก็ขึ้นเป็นนายกฯ เมื่ออายุประมาณ 43 ปี)
แม้นายกฯ คนใหม่ของออสเตรียคือ นายSebastian Kurz จะมีอายุน้อยมาก แต่ผู้นำอียูตระหนักดีว่า เขาหันไปนิยมขวาสุดโดยจะกอดคอตั้งรัฐบาลกับพรรคนาซีใหม่ และอาจเป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้า ทำให้อียูแข็งแกร่งแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นตามนโยบายของปธน.มาครงของฝรั่งเศส ซึ่งได้รับการยอมรับจากนางแมร์เคิล ผู้นำสมัยที่ 4 แห่งเยอรมนีด้วย
ถ้าเทียบนายKurz กับนายจัสติน ทรูโด ก็ต่างกันราวฟ้ากับดิน เพราะจัสติน ทรูโด ชอบนโยบายเปิดประเทศ เปิดรับผู้อพยพเต็มที่และเคารพสิทธิมนุษชนสูง
พรรคประชาชนของนายKurz เป็นพรรคที่ก่อตั้งสมัย 1956 เพิ่งเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ใหม่ๆ โดยกลุ่มนาซีมีส่วนก่อตั้งขึ้นด้วยเงินทองมากมายที่ปล้นมาจากชาวยิวช่วง Hitler ครองอำนาจ
สมาชิกคนสำคัญคนหนึ่งของพรรคคือ นายKurt Waldheim อดีตเลขาธิการยูเอ็นถึง 2 สมัย เขาเคยลงสมัครเป็นปธน.ของออสเตรีย เมื่อปี 1982 หลังจากหมดวาระเป็นเลขายูเอ็น (เป็นเวลา 2 วาระรวม 10 ปี) และนักนสพ.ของออสเตรียได้เปิดโปงว่าประวัติชีวิตเขาที่แอบปกปิดไว้ว่า เขาเคยเป็นทหารในกองทัพนาซีช่วง 1939-45 และมีส่วนรู้เห็นกับการสังหารหมู่ชาวยิวที่กรีซ และยุโรปตะวันออกด้วย จนทำให้ประเทศสหรัฐฯ ปฏิเสธไม่ออกวีซ่าให้เข้าประเทศ แม้เขาจะได้รับเลือกเข้ามาเป็นปธน.คนที่ 9 ของออสเตรียก็ตาม ช่วงเป็นปธน.เขาถูกปฏิเสธไม่เชิญไปร่วมงานหรือเดินทางเข้าประเทศหลายแห่ง โดยเฉพาะอิสราเอล
พรรคขวาสุด (Freedom Party) ได้เคยเข้าร่วมรัฐบาลออสเตรียในปี 2000 ภายใต้การนำของนายHader ซึ่งก็ถูกต่อต้านหนักโดยกลุ่มต่อต้านนาซี แต่ก็แสดงให้เห็นถึงพลังนาซีที่ยังมีอิทธิพลอยู่มากในออสเตรีย และเป็นแม่แบบให้กับพวก AFD (Alternative For Deutschland) ซึ่งกำลังเติบโตมากขึ้นทุกวันในเยอรมนีขณะนี้
สัญลักษณ์ของพรรค Freedom Party เป็นดอกไม้สีน้ำเงินชนิดเดียวกันเลยกับสัญลักษณ์ดอกไม้ของนาซี
สำหรับนายSebastian Kurz เพิ่งรับตำแหน่งรมต.ต่างประเทศในรัฐบาลชุดที่แล้วเมื่อเขาอายุเพียง 27 ปี โดยอดีตนายกฯ ที่เพิ่งประกาศยุบสภา (เดือนพฤษภาปีนี้) ก็มาจากพรรคประชาชนนี้เช่นกัน ต่อมาได้ประกาศลาออกเมื่อเกิดความวุ่นวายในพรรค ซึ่งเปิดทางให้นายSebastian เข้ามารับหน้าที่หัวหน้าพรรค และสามารถนำพาพรรคประชาชนเข้ามาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จหลังการเลือกตั้งเมื่อ 15 ตุลาคมนี้เอง
ประเทศออสเตรียดินแดนกำเนิดของ Amadeus Mozart เป็นดินแดนที่มั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งเพลงเพราะจากภาพยนตร์เรื่อง The Sound of Music เรื่องจริงของตระกูลขุนนาง Von Trappe ในสมัยที่นาซียึดครองพอดี
วันนี้กำลังเลี้ยวไปแนวทางขวาสุดมากขึ้น เหมือนกำลังย้อนไปสู่สมัย Hitler รุ่งเรืองนั่นเอง
