xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ประกาศเลือกตั้ง–ปลดล็อกการเมือง “บิ๊กตู่”จนมุมปิดช่องทาง“ยื้อเวลา”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -รู้หรือยังว่า ความชัดเจนเรื่องวันเลือกตั้งสำคัญไฉน ? เพราะทันทีที่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยอมคลายออกมาว่าจะประกาศวันเลือกตั้งในเดือนมิถุนายน 2561 และจะจัดการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561 ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,706.95 จุด เพิ่มขึ้น 14.73 จุด เรียกว่า พุ่งปรี๊ดกันเลยทีเดียว หลังก่อนหน้านี้มีแต่ความคลุมเครือ และสับสน

เพราะเมื่อวันที่“บิ๊กตู่”ไปสหรัฐอเมริกา บอกกล่าวกับ“โดนัลด์ ทรัมป์”ผู้นำมะกันว่า จะประกาศวันเลือกตั้งในปีหน้า 2561 จนสื่อเทศ สื่อไทย ประโคมข่าวกันหนักว่า ประเทศไทยจะจัดการเลือกตั้งในปี 2561 ก่อนที่ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะออกมาแก้ข่าวว่า น้องรักแห่งบูรพาพยัคฆ์ ไม่ได้พูดว่า จะจัดการเลือกตั้งในปีหน้า แต่แค่จะประกาศวันเลือกตั้งในปีหน้าเฉยๆ

ก่อนที่“บิ๊กตู่”จะกลับลำตามที่ “บิ๊กป้อม”ถางทางไว้ให้ว่าจะประกาศวันเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน2561 และจะมีการเลือกตั้งประมาณต้นปี 2562 ทำเอาพรรคเพื่อไทยต้องแท็กทีมกันหยิบยก “ปฏิญญาสหรัฐฯ”มาทวนความจำผู้นำไทยว่า กำลังจะ“ตระบัดสัตย์”ต่อประชาคมโลก ทั้งที่ไปประกาศไว้แล้วชัดเจน

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยเล่นประเด็นนี้กันแหลกราญ ต้องการให้ “บิ๊กตู่”คลายความชัดเจนออกมาให้ได้ สมุนลิ่วล้อเล่นกันแรงถึงขั้นจิกกัดเป็น “ผู้นำกลับกลอก”เพื่อฟ้องประชาคมโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ผู้นำไทยเพิ่งไปตกปากรับคำมา ขณะที่พรรคการเมืองอื่น ไม่เว้นแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคขนาดกลาง พรรคขนาดเล็ก ออกมาตำหนิกันทั่วหน้า
 
เพราะปฏิทินที่ว่า มันไม่มีเหตุผลรองรับเลย นอกจากการ“ต่อเวลา”

เพราะตามปฏิทินการจัดทำกฎหมายลูกแล้ว มองอย่างไรไม่มีทางใดที่ “บิ๊กตู่”จะไปประกาศวันเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561 ได้ นอกเหนือเสียจากการทำแท้งกฎหมายลูกในชั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดเวลาไว้ว่า ถ้าทำกฎหมายลูกไม่เสร็จ ต้องทำใหม่ภายในระยะเวลากี่วัน มีแต่ระบุให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) อยู่ทำกฎหมายลูกจนแล้วเสร็จ

ถ้าจะยืดไปประกาศวันเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561 ได้มีทางเดียวคือ ทำแท้งกฎหมายลูกฉบับใดฉบับหนึ่งเสีย เพื่อให้กรธ.จัดทำใหม่ เพราะตามปฏิทินการจัดทำกฎหมายลูกอย่างช้าที่สุด “บิ๊กตู่”ต้องประกาศวันเลือกตั้งในเดือนมิถุนายน 2561 แล้วจัดการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561 ไม่ใช่ไปประกาศวันเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน

เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 โดย กรธ. มีระยะเวลา 240 วัน ในการจัดทำกฎหมายลูก เมื่อเสร็จแล้วต้องส่งให้สนช. พิจารณาภายใน 60 วัน หากมีข้อขัดแย้งทางกฎหมาย ให้ตั้งคณะกรรมาธิการร่วมใช้เวลา 30 วัน จากนั้นให้ส่งให้นายกรัฐมนตรี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯโดยทรงมีระยะเวลาวินิจฉัย 90 วัน เบ็ดเสร็จอย่างช้าตกเดือนมิถุนายน 2561

หลังจากประกาศแล้วต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายใน 150 วัน ก็จะตกอยู่ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2561 พอดี
 
แต่การที่“บิ๊กตู่”บอกจะประกาศวันเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน มันไม่มีเหตุผลอย่างอื่นที่จะยื้อไปได้เลย ยกเว้นการทำแท้งกฎหมายลูก ซึ่งมีแนวโน้มแบบนั้น เพราะปัจจุบันการพิจารณากฎหมายลูกเป็นไปอย่างเชื่องช้า ขณะที่การพิจารณาในชั้น สนช. ไม่มีอะไรไว้วางใจได้ เพราะถ้ามีสัญญาณมา สภาฝักถั่วแห่งนี้พร้อมทำแท้งกฎหมายทุกฉบับได้เช่นกัน เพื่อให้ตรงกับเจตนารมณ์ของผู้มีอำนาจ

ทว่าตั้งแต่ที่ “บิ๊กตู่”พูดแบบนั้น ปฏิกิริยาของสังคมกลับไม่ได้ยินดีปรีดาด้วยเลย ไม่ใช่แค่พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ แต่ทุกภาคส่วนต่างต้องการคำตอบว่า เหตุใดจึงลากไปถึงขนาดนั้น มันยิ่งกลายเป็นการตอกย้ำถึงเรื่องการต่อท่ออำนาจ หรือการลากยาวบนอำนาจ สังคมเริ่มไม่รับกับเรื่องความไม่ชัดเจน ขณะที่ประชาคมโลกก็เหลือบมามอง เพราะเรื่องนี้ผู้นำไทยไปสัญญาไว้กับพี่เบิ้มด้านประชาธิปไตยอย่างสหรัฐฯ

ลากคราวนี้ไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อน ทั้ง“บิ๊กตู่”และ “บิ๊กป้อม”เลยต้องกลับลำใหม่ เพื่อสยบความเคลื่อนไหวทุกอย่างให้กลับมานิ่ง เพราะเดือนนี้เป็นเดือนสำคัญที่มีพระราชพิธี ซึ่งวัดจากกระแสแล้ว ถ้าไม่ออกมาให้ความกระจ่างมันอาจเป็นลบมากกว่าบวก ไม่ส่งผลดีต่อรัฐบาลในทุกๆ ด้าน จึงต้องตบกลับมาเป็นเดือนมิถุนายน 2561 ประกาศการเลือกตั้ง และเดือนพฤศจิกายน 2561 มีการเลือกตั้งเหมือนเดิมตามปฏิทิน

ช่องให้ยื้อนั้นมี แต่ประชาชนไม่เล่นด้วย นี่เป็นปัจจัยใหญ่ให้ต้องสำลักวันเลือกตั้งออกมาแบบกล้ำกลืน แล้วหลังจากนี้การจะยื้ออีก ก็ไม่ใช่ง่าย อะไรที่เคยหนักๆ ต้องผ่อนปรนแบบจำยอมโดยดุษฎี โดยเฉพาะเรื่องการปลดล็อกพรรคการเมืองให้สามารถกลับมาจัดกิจกรรมได้ จะอ้างเรื่องความมั่นคงคงไม่ได้อีกแล้ว เพราะ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 บังคับใช้แล้ว ซึ่งมี “เดดล็อก”เรื่องระยะเวลาเอาไว้

เพราะในพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 เขียนไว้ว่า เมื่อกฎหมายประกาศใช้ พรรคการเมืองต้องทำดังต่อไปนี้คือ 1. แจ้งการเปลี่ยนแปลงสมาชิกพรรคให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบภายใน 90 วัน 2. พรรคการเมืองที่ตั้งก่อนวันประกาศใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 และกฎหมายพรรคการเมืองปัจจุบันที่ยังมีสมาชิกไม่ถึง 500 คน จะต้องดำเนินการให้มีสมาชิกครบ 500 คน ภายใน 180 วัน 3. จัดให้มีทุนประเดิมจำนวน 1 ล้านบาท และแจ้งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบใน 180 วัน

4. จัดให้สมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า 500 คน ชำระค่าบำรุงพรรคการเมืองสำหรับปีที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง บังคับใช้ใน 180 วัน 5. จัดให้สมาชิกชำระค่าบำรุงพรรคการเมืองให้ไม่น้อยกว่า 5,000 คน ภายใน 1 ปี และให้สมาชิกพรรคไม่น้อยกว่า 10,000 คน ต้องชำระค่าบำรุงพรรคภายใน 4 ปี นับแต่วันที่กฎหมายฉบับนี้บังคับใช้ 6. จัดให้มีการประชุมใหญ่เพื่อแก้ไขข้อบังคับ และจัดทำคำประกาศอุดมการณ์ทางการเมือง เลือกหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค ตามข้อบังคับที่แก้ไขใหม่ใน 180 วัน

ถ้านับจากวันนี้ไปถึงวันเลือกตั้ง ตามที่ “บิ๊กตู่”ระบุ มีเวลาอีกแค่ปีเดียวในการเตรียมความพร้อม แล้วเมื่อกฎหมายพรรคการเมืองบังคับใช้ อย่างไรก็ต้องปลดล็อกให้พรรคการเมืองกลับมาทำกิจกรรมได้ เพียงแต่เดือนนี้ ยังมีข้ออ้างว่า มีงานพระราชพิธีฯ เลยยังไม่ปลด แต่ทันทีที่พ้นงานพระราชพิธีฯ เมื่อไหร่ อย่างไรก็ต้อง“ปลดล็อก”
 
ทีนี้นักการเมืองจะมีบทบาทมากขึ้น พูดได้มากขึ้น กดดันได้มากขึ้น เพราะมีกฎหมายรองรับ คสช.จะมาล่ามโซ่ ห้ามนู่นห้ามนี่ เหมือนเดิมคงลำบาก บรรยากาศมันเข้าสู่การเลือกตั้งนับตั้งแต่วันที่ “บิ๊กตู่”ให้ความชัดเจนแล้ว ความขลังของคสช.เอง ก็เสื่อมตามไปด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น