xs
xsm
sm
md
lg

เลือกตั้งพ.ย.61 "ลุงตู่"คุมเบ็ดเสร็จ รีเทิร์นแน่ แต่แบบไหน !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

"ในส่วนตรงนี้ผมคงพูดได้ว่า ประมาณเดือนมิถุนายนปี 2561 ประมาณนะครับ และประมาณเดือนพฤศจิกายน 2561 จะเป็นการเลือกตั้ง ชัดเจนขึ้นไหม"

คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวที่ทำเนียบรัฐบาลหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม แน่นอนว่านอกจากจะเกิดความชัดเจนในทางการเมืองแล้ว ยังสามารถดับกระแส "ปั่น" ของพวกนักการเมืองบางกลุ่มที่พยายามจุดประเด็นเรื่องกำหนดวันเลือกตั้งให้ชัดเจนลงไปได้อย่างทันท่วงที

เอาเป็นว่าเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ การันตีแบบนี้ก็ต้องถือว่าเคลียร์ ไม่ต้องไปคิดเรื่องตุกติก ประเภทส่งสัญญาณให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คว่ำกฎหมายลูกเพื่อยื้อเวลาออกไปอีก เพราะถ้าเป็นแบบนั้นก็ถือว่า"เสียสุนัข" แน่นอน และคนที่พังแบบจบไม่สวย ก็ต้องเป็น พล.อ.ประยุทธ์ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นั่นแหละ

ดังนั้น เมื่อชัดเจนกันที่เดือนพฤศจิกายน 2561 ก็ต้องเริ่มนับถอยหลับกันตั้งแต่ตอนนี้ ขณะเดียวกันได้ส่งสัญญาณเรื่องการ "ปลดล็อก" พรรคการเมืองนั้น ก็ให้รอไปอีกนิดหนึ่ง อย่าเพิ่งอกแตกตายไปก่อนรอให้ผ่านช่วงพระราชพิธีสำคัญไปก่อน แต่ก็ยังไม่วายขู่สำทับตามมาว่า ช่วงนี้ก็ให้ "อยู่ในความสงบ"ไปก่อน เพราะไม่เช่นนั้นก็จะมีผลต่อการพิจารณายกเลิกในโอกาสต่อไปด้วย

สรุปที่ฟังได้ความก็คือ จะประกาศเรื่องกระบวนการเลือกตั้งในเดือนมิถุนายน ปีหน้า จากนั้นก็จะกำหนดให้มีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนปีหน้า ก็ถือว่าชัดเจน มีเสียงขานรับ และเกิดผลบวกในทางเศรษฐกิจหลายอย่างตามมา

แม้ว่าส่วนหนึ่งการประกาศความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้ง เป็นเพราะเป็นภาคบังคับต่อเนื่องมาจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มีผลบังคับใช้ไปแล้ว และมีบางหมวดบางมาตราที่มีเงื่อนเวลาบังคับให้พรรคการเมืองต้องปฏิบัติให้ทันตามกำหนดเวลา แม้ว่าในทางปฏิบัติ มันก็ยังสามารถยืดหยุ่นได้ในช่วงเริ่มแรก แต่ถึงอย่างไรมันก็ต้องเดินหน้าอยู่ดี

ขณะเดียวกันเมื่อมีความชัดเจนออกมาแล้ว ทำให้พรรคการเมืองและนักการเมืองบางกลุ่ม ซึ่งหากให้กล่าวถึงกันตรงๆ ก็คือนักการเมืองจากพรรคเพื่อไทยเป็นหลักที่ต้องสงบปากลงไปชั่วคราว อย่างน้อยก็ต้องรอใหัผ่านพ้นช่วงพระราชพิธีสำคัญในเดือนตุลาคมไปก่อน ถือว่าลดเงื่อนไขไปได้เปลาะใหญ่

อย่างไรก็ดีอีกมุมหนึ่งมันก็อดที่จะต้องมองข้ามช็อตไปถึงผลหลังการเลือกตั้งในปลายปีหน้าพร้อมกันไปด้วย ซึ่งนาทีนี้ไม่ต้องบอกก็พอมองออกว่า "ตัวยืน" ก็ต้องเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ยังเป็น "เต็งจ๋า" สำหรับการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะไม่เคยประกาศความชัดเจนว่าจะลงเล่นการเมืองในระบบใหม่ หรือไม่ก็ตาม หรือพร้อมที่เป็นนายกฯ หรือไม่ก็ตาม แต่ก็ถือว่าไม่เคยปฏิเสธก็แล้วกัน และก่อนหน้านี้ ระหว่างที่ไปเยือนสหรัฐฯได้พูดกับคนไทยที่นั่น ที่หลุดปากออกมาในทำนองว่า "ให้หาพรรคให้ได้ก่อน" อะไรประมาณนี้ ซึ่งก็สามารถนำมาแตกประเด็นได้อีกว่า นี่คือองค์ประกอบหลักสำหรับรองรับเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ในวันหน้าหรือไม่

แม้ว่าที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศความชัดเจนมาแล้วว่า เขาจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งอย่างแน่นอน แต่ไม่ปฏิเสธการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง นั่นก็เป็นไปได้ว่าหนทางที่กลับมาเป็นนายกฯ ก็น่าจะมาในแบบเงื่อนไข "นายกฯคนนอก" ที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เปิดช่องเอาไว้ และแม้ว่าจะต้องพูดกันในรายละเอียดของเงื่อนไขดังกล่าว ทั้งในเรื่องของประเภทที่น่าต้องยอมให้พรรคการเมืองเสนอชื่อชิงเก้าอี้นายกฯ การใช้กลไกในรัฐสภา เพื่อเสนอชื่อเป็นนายกฯ หลังจากกรณีที่พรรคการเมืองไม่สามารถตกลงกันได้ว่าจะเสนอใครเป็นนายกฯ ทุกอย่างเข้าทางหมด เนื่องจากมี 250 ส.ว. ที่แต่งตั้งโดย คสช.รองรับเอาไว้แล้ว

ดังนั้นเมื่อรวมกับพรรคการเมืองทั้งที่คาดว่าเป็นพรรคทหารโดยตรง รวมไปถึงพรรคพันธมิตร ที่รอร่วมรัฐบาลต่างก็ซอยเท้ารอกันเต็มไปหมด

แน่นอนว่าหากพิจารณาจากฐานเสียงและความน่าจะเป็นแบบเผินๆมองดูแล้วพรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวชินวัตร น่าจะยังได้เปรียบ แต่ปัญหาก็คือในเมื่อระดับหัวขบวนไล่ไปตั้งแต่ ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องหนีหายหัวไปแบบนี้และขาดคุณสมบัติทางการเมือง รวมไปถึงพวกแถวหนึ่งแถวสองกำลังถูกดำเนินคดี เสี่ยงคุกตามมาเป็นพรวนแล้วจะอยู่กันยังไง คิดว่าทักษิณ จะยังลงทุนต่อไปหรือในเมื่อไม่ได้กำไรไม่คุ้มค่า แนวโน้มจึงออกมาในทางแตกกระสานซ่านเซ็นแยกย้ายกันไปซบพรรคการเมืองที่คาดว่าจะร่วมรัฐบาลตามประสาพวกนักเลือกตั้งที่หากินกับอำนาจรัฐ

ดังนั้น ถ้าให้คาดเดากันแบบเฉพาะหน้าก็ต้องบอกว่า นาทีนี้มองไปทางไหนยังไม่เห็นว่าใครจะมาเป็นคู่แข่ง หรือเทียบรัศมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงมั่นใจเกินร้อยว่า เขาต้อง"รีเทิร์น" กลับมาอีกรอบ ส่วนจะมาแบบไหน ก็ในแบบที่แจกแจงให้เห็นกันแล้วนั่นแหละ คือมีพรรคการเมืองสนับสนุน มีส.ส. และมี ส.ว.250 คน ตบเท้าโหวตให้รับเก้าอี้นายกรัฐมนตรี หลังเดือนพฤศจิกายน 2561 !!
กำลังโหลดความคิดเห็น