จากสงครามปากถึงสงครามโดยอุบัติเหตุ

ช่วงวันที่ 10-11 ตุลาคม...สำหรับบ้านเรา คงไม่มีอะไรต้องเกร็งเนื้อ เกร็งตัว เท่ากับการมาถึงของพายุดีเปรสชันลูกใหม่ ที่เรียกๆ กันว่า 23 W ซึ่งจู่ๆ ก็ก่อตัวขึ้นมาในทะเลจีนใต้แบบปัจจุบันทันด่วน แล้วเคลื่อนที่จากแถวๆ เกาะไหหลำ มุ่งหน้าสู่เวียดนาม สู่ลาว โดยแม้ว่าส่วนหัว ส่วนหาง น่าจะค่อยๆ อ่อนกำลังลงไปตามลำดับ แต่ถึงกระนั้น...โอกาสที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยแถบภาคเหนือ ภาคอีสาน ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย กรมอุตุนิยมวิทยาท่านเลยต้องออกประกาศเตือนให้บรรดาจังหวัดต่างๆ ถึง 52 จังหวัด พึงระมัดระวังเอาไว้ก่อนล่วงหน้า เพราะอาจต้องเจอภาวะฝนถล่ม น้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก ส่งผลให้ “น้ำรอระบาย” ยิ่งระบายไม่ออกหนักขึ้นไปใหญ่...

ยิ่งในช่วงระหว่างนี้...เห็นว่าเขื่อนแต่ละเขื่อน น้ำปริ่ม น้ำเต็ม ชนิดไม่ระบายไม่ได้อีกต่อไปแล้ว คือปริมาณเก็บกักพุ่งขึ้นไปถึงระดับ 95 เปอร์เซ็นต์เป็นแถวๆ ไม่ว่าเขื่อนแควน้อย น้ำอูน น้ำพุง กิ่วคอหมา เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนจุฬาภรณ์ ฯลฯ และเมื่อเขื่อนแต่ละเขื่อนจำต้องระบายน้ำออกมา ก็ยิ่งทำให้มวลน้ำ ปริมาณน้ำ ยิ่งไหลมากองแถบจังหวัดล่างๆ ไม่รู้จะหาทางระบายไปที่ไหน ภาวะน้ำท่วม น้ำขัง ในแต่ละเขต แต่ละพื้นที่ เลยอาจส่งผลให้ผู้คนต้องหันมา “ระบายอารมณ์” กันแทนที่ และนั่นอาจยิ่งทำให้คะแนนนิยมของรัฐบาลที่เริ่ม “เหี่ยวปลาย” ลงไปทุกที มีสิทธิหดหายกลายเป็น “กระจู๋เวียดนาม” ได้ทุกเมื่อ โอกาสที่จะ “โด่ไม่รู้ล้ม” เหมือนช่วงก่อนๆ หรือช่วง 3 ปีที่แล้ว ดูจะยิ่งลำบากหนักขึ้นเรื่อยๆ...

แต่ก็เอาเถอะ...ในเมื่อ “ปัญหา” มันมีเอาไว้ให้แก้ เหมือนโลกมีเอาไว้ให้เหยียบ ไม่ใช่มีเอาไว้ให้แบก ก็คงต้องค่อยๆ ว่ากันไปตามสภาพ เพราะกระทั่งโลกทั้งโลก...เมื่อช่วงวันที่ 9 วันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา อาจต้องเกร็งเนื้อ เกร็งตัว ยิ่งกว่าบ้านเราไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ซึ่งคงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องน้ำท่วม น้ำรอระบาย แต่อย่างใด แต่เกี่ยวกับเรื่องของความพยายามอ่านใจผู้นำเกาหลีเหนือ อย่าง “คิมน้อย” นั่นแหละเป็นหลัก ว่าจะเปิดฉากยั่วยุ หาทางทำให้ใครต่อใครต้องขนลุก ขนตั้ง ด้วยการทดสอบขีปนาวุธครั้งใหม่อีกหรือเปล่า...

เพราะก่อนหน้านั้น...ไม่ว่าระดับรัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไปจนถึงรองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเกาหลีของหน่วยงานข่าวกรองสหรัฐฯ หรือซีไอเอ “นายยองซุกลี” (Yong Suk Lee) ต่างออกมา “ฟันธง” ไว้ชนิดแทบเต็มผืน เต็มด้าม ว่าในช่วงระหว่างวันที่ 9-10 ตุลาคมนี้ อันเป็นวันตรงกับวันเฉลิมฉลองการก่อตั้งพรรคคนงานของเกาหลีเหนือ และดันมาตรงกับวันที่อดีตนักสำรวจอย่าง “โคลัมบัส” เดินทางมาค้นพบทวีปอเมริกาพอดิบ พอดี อาจส่งผลให้ “คิมน้อย” ถือเป็นฤกษ์งาม ยามดี ในอันที่จะเปิดฉากทดสอบขีปนาวุธครั้งใหม่ ที่เคยคุยๆ ไว้ว่าสามารถยิงข้ามน้ำ ข้ามฟ้า เข้ามาตกแถวๆ ฝั่งตะวันตกของอเมริกา หรือแถวๆ ลอสแองเจลิสได้แบบเบิร์ดๆ สบายๆ...

ด้วยการคาดคะเน หรือการอ่านใจผู้นำเกาหลีเหนือออกมาในรูปนี้ จึงทำให้ใครต่อใครขนลุก ขนตั้งกันไปมิใช่น้อย ไม่ว่าไล่มาตั้งแต่รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา “นายเจมส์ แมตทิส” ที่ออกมาป่าวประกาศช่วงวันอังคาร (10 ต.ค.) ที่ผ่านมา ว่ากองทัพสหรัฐฯ อยู่ในสภาพ “เตรียมพร้อม” เรียบร้อยแล้ว สำหรับการรับมือต่อการยั่วยุครั้งใหม่ของเกาหลีเหนือ ส่วนผู้ที่เคยได้ชื่อฉายาว่า “สุนัขพุดเดิ้ลของอเมริกา” อย่างประเทศอังกฤษ ถึงกับออกมาประกาศว่าได้เตรียมเรือบรรทุกเครื่องบิน “HMS Queen Elizabeth” พร้อมกับเรือพิฆาตรุ่น 45 เรือฟริเกตรุ่น 23 เอาไว้แล้ว เพื่อที่จะไปถล่มเกาหลีเหนือร่วมกับผู้จูงสุนัขอย่างอเมริกาได้ทุกเมื่อ ที่ได้ตัดสินใจส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน “USS Ronald Reagan” และเรือบริวารอีก 40 ลำไปยังน่านน้ำเกาหลีแล้วก่อนหน้านี้...

แต่เท่าที่ “ทับทิม พญาไท” ได้ลองจุดเทียน นั่งสมาธิ หรือ “นั่งเทียน” ควานหาสัญญาณความเคลื่อนไหวในการทดสอบอาวุธครั้งใหม่ของเกาเหลีเหนือ ตามที่ใครต่อใครได้คาดคะเนดังที่กล่าวไปแล้ว ก็ไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวใดๆ ที่ส่อไปในแนวนี้ซึ่งก็ตรงกับที่สำนักข่าว “Sputnik” ของรัสเซียได้รายงานไว้เช่นกัน ว่าโดยความร่วมมือของกองทัพเกาหลีใต้และอเมริกา ยังไม่สามารถตรวจพบบรรดาความเคลื่อนไหวใดๆ ที่ชี้ให้เห็นว่าเกาหลีเหนือกำลังตระเตรียมการทดสอบขีปนาวุธครั้งใหม่ ดังที่ใครต่อใครนั่งเทียนกันไปเอง อันอาจพอสรุปได้ว่า...แม้ “คิมน้อย” นั้นอาจ “บ้า” แต่คงไม่ถึงกับ “โง่” พอที่จะทำอะไรต่อมิอะไรอย่างที่ใครต่อใครสามารถคาดคะเนไว้ได้ก่อนล่วงหน้า...

ดังนั้น...ไม่ว่า “สงครามปาก” ระหว่าง “ทรัมป์บ้า” กับ “คิมน้อย” จะระเบิดแล้ว ระเบิดเล่า ซักกี่ครั้ง กี่หนก็ตาม แต่ถ้าหากเกาหลีเหนือยังไม่คิดทำอะไรให้ไป “เข้าทาง” หรือเดินเข้าสู่ร่องแข้งของอเมริกาแบบโง่ๆ เซ่อๆ โอกาสที่ “ทรัมป์บ้า” จะงัดเอาตัวเดียว-อันเดียว หรือ “สิ่งเดียว” ที่ว่ากันว่าสามารถหยุดยั้ง “มนุษย์จรวด” ได้มากกว่าคำพูด คำจาใดๆ ก็ตาม มันคงไม่อาจอุบัติขึ้นมาได้ง่ายๆ แต่จะอย่างไรก็ตาม...ภายใต้บรรยากาศของการทำ “สงครามปาก” ชนิดไม่มีใครหยุดพ่น หยุดบ่นระบายสิ่งที่น่าคิด น่าสะกิดใจ ไม่น้อย ก็คือข้อสังเกตของวุฒิสมาชิกจากรัฐไมอามีแห่งพรรคเดโมแครต “นายBrian Schatz” ที่สรุปเอาไว้ประมาณว่า นโยบายของ “ทรัมป์บ้า” ที่พยายามสร้างแรงกดดันเกาหลีเหนือให้มากๆ เข้าไว้ โดยเฉพาะด้วยการอาศัยคำพูด คำข่มขู่ต่างๆ นานา ย่อมมีสิทธินำไปสู่ “สงครามโดยอุบัติเหตุ” ได้เสมอๆ...

ด้วยเหตุนี้...เอาเป็นว่า เมื่อหันไปดูโลกแล้วนำมาเปรียบเทียบกับบ้านเราแล้ว ยังไงๆ ก็น่าจะยังพอ “อยู่ๆ กันไป” นั่นแหละทั่น แม้สิ่งที่เป็น “ปัญหา” อาจโผล่ๆ ผุดๆให้เห็นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องสวมวิญญาณ “ทรัมป์บ้า” หรือ “คิมน้อย” สาดอาวุธปากใส่กันและกันให้ต้องดุเดือด รุนแรง มากมายเกินไปนัก เอาแค่พอท้วมๆระดับกระตุกแข้ง กระตุกขา เพื่อไม่ให้เป๋ไป เป๋มา จนเกินไป อย่างน้อย...ก็รอให้ผ่านพ้นช่วงวาระสำคัญของชาติไปก่อน น่าจะเหมาะกว่า...