วันนี้เป็นวันสุดท้าย ที่จะเปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมศพ ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยจะปิดการต่อแถวเวลา 24.00น. จากนั้นจะให้ประชาชนได้เข้ากราบสักการะครบทุกคน แม้เวลาอาจจะล่วงเลยไปจนถึงเช้าวันที่ 6 ต.ค. ก็ตาม ส่วนในวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯวันที่ 26 ต.ค. รัฐบาลขอให้ประชาชนเข้าร่วมถวายดอกไม้จันทน์ในพื้นที่ของตัวเอง เนื่องจากบริเวณโดยรอบมณฑลพิธีท้องสนามหลวง จะมีการปิดถนนหลายเส้นทาง อาจทำให้ไม่ได้รับความสะดวก
วานนี้ (4 ต.ค.) นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร กล่าวถึง การให้บริการ อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ที่เข้าร่วมถวายดอกไม้จันทน์ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯว่า ในวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ อยากให้ประชาชนร่วมพิธีในพื้นที่ของตัวเอง เนื่องด้วยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดสร้างพระเมรุมาศจำลอง ทั่วประเทศ และมีการถ่ายทอดสดตามเวลาจริง รวมถึงได้รับความร่วมมือจากในการรับสัญญาณถ่ายทอดสดเสมือนประชาชนได้อยู่ร่วมในพิธีจริง และในช่วงดังกล่าว มีการปิดเส้นทางจราจรหลายเส้นทาง ถ้าเดินทางเข้ามาในบริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง อาจจะไม่ได้รับความสะดวกเนื่องจากมีการปิดถนนหลายเส้นทาง
สำหรับประชาชนที่ต้องการชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศพระบรมศพ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ในวันที่ 26 ต.ค.60 เพื่อน้อมถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ประชาชนจะต้องเดินเท้าผ่านจุดคัดกรอง 9 จุด ใหญ่ ดังนี้ แยกสะพานมอญ , ท่าช้าง , ม.ธรรมศาสตร์, แม่พระธรณีบีบมวยผม, ถนนกัลยาณไมตรี, แยกสะพานช้างโรงสี, แยกพระเชตุพน, ท่าพระจันทร์ และใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า โดยสิ่งจำเป็นที่ต้องพกมาคือ บัตรประจำตัวประชาชน น้ำ และอาหาร งดของมีคมและสิ่งอันตราย เมื่อผ่านจุดคัดกรองแล้วประชาชนสามารถจับจองพื้นที่ได้บริเวณริมฟุตบาท ตรงข้ามพระบรมมหาราชวังตามเส้นทางถนนมหาราช ถนนสนามไชย และยาวถึงหน้าศาลหลักเมือง ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าว สามารถรองรับคนได้เพียง 40,000 คนเท่านั้น โดยขอความร่วมมือให้อยู่ในการสงบ สำรวม
นอกจากนี้ นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดการจราจรโดยรอบท้องสนามหลวงในหลายเส้นทาง พร้อมทั้งห้ามนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เข้าจอดทั้ง 2 ฝั่ง ตั้งแต่ วันที่ 25-29 ต.ค. 60 ดังนี้ ถนนราชดำเนินใน ถนนสนามไชย (ทั้งเส้น) ถนนหลักเมือง ถนนกัลยาณไมตรี ถนนเจริญกรุง ถนนพระพิพิธ ถนนท้ายวัง ถนนมหาราช (ข้างพระบรมมหาราชวัง) ถนนมหาราช (ข้างวัดพระมหาธาตุ) ถนนพระจันทร์ ถนนเศรษฐการ ถนนเชตุพน ถนนพระยาเพชร ถนนหน้าพระลาน ถนนหน้าพระธาตุ ถนนราชินี ถนนพระอาทิตย์ และซอยสราญรมย์
ส่วนการปิดจราจรทางน้ำ ตั้งแต่วันที่ 25-27 ต.ค.60 และวันที่ 29 ต.ค.60 เพื่อรองรับผู้โดยสารเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เข้าร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ โดยกรมเจ้าท่าประกาศกำหนดให้แม่น้ำเจ้าพระยา เป็นพื้นที่ควบคุมการเดินเรือเฉพาะคราว ดังนี้
ด้านเหนือ สะพานกรุงธนบุรี ด้านใต้ สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน วันที่ 25 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 12.00-21.00 น. วันที่ 26 ต.ค. เวลา 06.00-23.00 น. วันที่ 27 ต.ค. เวลา 08.00-14.00 น.
ทั้งนี้ ห้ามเรือเดินทะเล เรือที่ลากจูงเรือลำเลียงสินค้า เรือบรรทุกสินค้าอันตราย ผ่านตามวันเวลาที่กำหนด ยกเว้นเรือของหน่วยราชการ ที่รักษาการณ์งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ส่วนเรือด่วนเจ้าพระยา งดใช้ท่าเรือ ท่าช้าง ท่าพระอาทิตย์ และท่าราชินี ด้านเหนือให้ใช้ท่าเรือเทเวศร์ ด้านใต้ให้ใช้ท่าเรือตลาดยอดพิมาน
ขณะเดียวกัน กรมท่าเรือ และสมาคมเรือไทย ได้เปิดให้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ดังนี้ ด้านเหนือ ให้บริการรับ-ส่ง ได้แก่ ท่าเรือกระทรวงพาณิชย์ ท่าเรือท่าน้ำนนทบุรี ท่าเรือสะพานพระราม 8 ด้านใต้ ให้บริการรับ-ส่ง จำนวน 2 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรือสาทร ท่าเรือยอดพิมาน ในวันที่ 25-26 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. และ วันที่ 27 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 10.00-15.00 น.
ทั้งนี้ หลังงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ สำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนได้ชื่นชมพระเมรุมาศ และนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจ ตั้งแต่วันที่ 1-30 พ.ย.60
**เปิดสักการะพระบรมศพฯวันนี้วันสุดท้าย
สำหรับบรรยากาศของการถวายบังคมพระบรมศพ ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง วานนี้(4 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ 336 ของการเปิดให้ประชาชน เข้ากราบสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ประชาชนจากทั่วสารทิศยังคงหลั่งไหล เดินทางมาต่อแถวเพื่อเข้ากราบสักการะพระบรมศพ เป็นจำนวนมาก ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จนทำให้จุดท้ายแถวยาวไปถึงอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง และ ที่บริเวณหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ก็ยาวไปถึงสะพานมอญ ท่ามกลางสภาพอากาศ ครึ้มฟ้าครึ้มฝน ซึ่งสิ่งเหล่านี้หาใช่อุปสรรคไม่ แต่กลับกลายเป็นพลัง และความมุ่งมั่น ที่จะต้องได้ขึ้นไปกราบลาพ่อหลวง พระราชาผู้เป็นที่รัก
สำหรับวันนี้ (5 ต.ค.) เป็นวันสุดท้าย ของการถวายบังคมพระบรมศพ ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนให้ประชาชนถวายบังคมพระบรมศพ จากวันที่ 30 ก.ย. เป็นเวลา 24.00 น. ของวันที่ 5 ต.ค. นั้น ทาง กอร.รส. จะทำการปิดให้เข้ากราบสักการะ ที่ประชาชนคนสุดท้ายที่มาต่อแถว ในเวลา 24.00 น. และไม่ว่าประชาชนจะต่อแถวสิ้นสุดตรงจุดใด ก็จะให้ประชาชนได้เข้ากราบสักการะ ครบจำนวนทุกคน แม้เวลาอาจจะล่วงเลยไปจนถึงช่วงเช้าของวันที่ 6 ต.ค. ก็ตาม
วานนี้ (4 ต.ค.) นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร กล่าวถึง การให้บริการ อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ที่เข้าร่วมถวายดอกไม้จันทน์ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯว่า ในวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ อยากให้ประชาชนร่วมพิธีในพื้นที่ของตัวเอง เนื่องด้วยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดสร้างพระเมรุมาศจำลอง ทั่วประเทศ และมีการถ่ายทอดสดตามเวลาจริง รวมถึงได้รับความร่วมมือจากในการรับสัญญาณถ่ายทอดสดเสมือนประชาชนได้อยู่ร่วมในพิธีจริง และในช่วงดังกล่าว มีการปิดเส้นทางจราจรหลายเส้นทาง ถ้าเดินทางเข้ามาในบริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง อาจจะไม่ได้รับความสะดวกเนื่องจากมีการปิดถนนหลายเส้นทาง
สำหรับประชาชนที่ต้องการชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศพระบรมศพ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ในวันที่ 26 ต.ค.60 เพื่อน้อมถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ประชาชนจะต้องเดินเท้าผ่านจุดคัดกรอง 9 จุด ใหญ่ ดังนี้ แยกสะพานมอญ , ท่าช้าง , ม.ธรรมศาสตร์, แม่พระธรณีบีบมวยผม, ถนนกัลยาณไมตรี, แยกสะพานช้างโรงสี, แยกพระเชตุพน, ท่าพระจันทร์ และใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า โดยสิ่งจำเป็นที่ต้องพกมาคือ บัตรประจำตัวประชาชน น้ำ และอาหาร งดของมีคมและสิ่งอันตราย เมื่อผ่านจุดคัดกรองแล้วประชาชนสามารถจับจองพื้นที่ได้บริเวณริมฟุตบาท ตรงข้ามพระบรมมหาราชวังตามเส้นทางถนนมหาราช ถนนสนามไชย และยาวถึงหน้าศาลหลักเมือง ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าว สามารถรองรับคนได้เพียง 40,000 คนเท่านั้น โดยขอความร่วมมือให้อยู่ในการสงบ สำรวม
นอกจากนี้ นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดการจราจรโดยรอบท้องสนามหลวงในหลายเส้นทาง พร้อมทั้งห้ามนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เข้าจอดทั้ง 2 ฝั่ง ตั้งแต่ วันที่ 25-29 ต.ค. 60 ดังนี้ ถนนราชดำเนินใน ถนนสนามไชย (ทั้งเส้น) ถนนหลักเมือง ถนนกัลยาณไมตรี ถนนเจริญกรุง ถนนพระพิพิธ ถนนท้ายวัง ถนนมหาราช (ข้างพระบรมมหาราชวัง) ถนนมหาราช (ข้างวัดพระมหาธาตุ) ถนนพระจันทร์ ถนนเศรษฐการ ถนนเชตุพน ถนนพระยาเพชร ถนนหน้าพระลาน ถนนหน้าพระธาตุ ถนนราชินี ถนนพระอาทิตย์ และซอยสราญรมย์
ส่วนการปิดจราจรทางน้ำ ตั้งแต่วันที่ 25-27 ต.ค.60 และวันที่ 29 ต.ค.60 เพื่อรองรับผู้โดยสารเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เข้าร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ โดยกรมเจ้าท่าประกาศกำหนดให้แม่น้ำเจ้าพระยา เป็นพื้นที่ควบคุมการเดินเรือเฉพาะคราว ดังนี้
ด้านเหนือ สะพานกรุงธนบุรี ด้านใต้ สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน วันที่ 25 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 12.00-21.00 น. วันที่ 26 ต.ค. เวลา 06.00-23.00 น. วันที่ 27 ต.ค. เวลา 08.00-14.00 น.
ทั้งนี้ ห้ามเรือเดินทะเล เรือที่ลากจูงเรือลำเลียงสินค้า เรือบรรทุกสินค้าอันตราย ผ่านตามวันเวลาที่กำหนด ยกเว้นเรือของหน่วยราชการ ที่รักษาการณ์งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ส่วนเรือด่วนเจ้าพระยา งดใช้ท่าเรือ ท่าช้าง ท่าพระอาทิตย์ และท่าราชินี ด้านเหนือให้ใช้ท่าเรือเทเวศร์ ด้านใต้ให้ใช้ท่าเรือตลาดยอดพิมาน
ขณะเดียวกัน กรมท่าเรือ และสมาคมเรือไทย ได้เปิดให้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ดังนี้ ด้านเหนือ ให้บริการรับ-ส่ง ได้แก่ ท่าเรือกระทรวงพาณิชย์ ท่าเรือท่าน้ำนนทบุรี ท่าเรือสะพานพระราม 8 ด้านใต้ ให้บริการรับ-ส่ง จำนวน 2 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรือสาทร ท่าเรือยอดพิมาน ในวันที่ 25-26 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. และ วันที่ 27 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 10.00-15.00 น.
ทั้งนี้ หลังงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ สำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนได้ชื่นชมพระเมรุมาศ และนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจ ตั้งแต่วันที่ 1-30 พ.ย.60
**เปิดสักการะพระบรมศพฯวันนี้วันสุดท้าย
สำหรับบรรยากาศของการถวายบังคมพระบรมศพ ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง วานนี้(4 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ 336 ของการเปิดให้ประชาชน เข้ากราบสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ประชาชนจากทั่วสารทิศยังคงหลั่งไหล เดินทางมาต่อแถวเพื่อเข้ากราบสักการะพระบรมศพ เป็นจำนวนมาก ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จนทำให้จุดท้ายแถวยาวไปถึงอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง และ ที่บริเวณหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ก็ยาวไปถึงสะพานมอญ ท่ามกลางสภาพอากาศ ครึ้มฟ้าครึ้มฝน ซึ่งสิ่งเหล่านี้หาใช่อุปสรรคไม่ แต่กลับกลายเป็นพลัง และความมุ่งมั่น ที่จะต้องได้ขึ้นไปกราบลาพ่อหลวง พระราชาผู้เป็นที่รัก
สำหรับวันนี้ (5 ต.ค.) เป็นวันสุดท้าย ของการถวายบังคมพระบรมศพ ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนให้ประชาชนถวายบังคมพระบรมศพ จากวันที่ 30 ก.ย. เป็นเวลา 24.00 น. ของวันที่ 5 ต.ค. นั้น ทาง กอร.รส. จะทำการปิดให้เข้ากราบสักการะ ที่ประชาชนคนสุดท้ายที่มาต่อแถว ในเวลา 24.00 น. และไม่ว่าประชาชนจะต่อแถวสิ้นสุดตรงจุดใด ก็จะให้ประชาชนได้เข้ากราบสักการะ ครบจำนวนทุกคน แม้เวลาอาจจะล่วงเลยไปจนถึงช่วงเช้าของวันที่ 6 ต.ค. ก็ตาม