xs
xsm
sm
md
lg

‘บิ๊กตู่’ปลื้ม’ทรัมป์’เพื่อนแท้ “ป้อม”ย้ำปี61แค่ประกาศวันเลือกตั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

"บิ๊กตู่"ปลื้มไมตรีที่"ทรัมป์"มอบให้ ชมเป็นเพื่อนแท้ จริงใจ พูดจาไพเราะ พร้อมย้ำบนเวทีนักธุรกิจสหรัฐฯ ประชาธิปไตยไทยมาชัวร์ คอนเฟิร์มในปีหน้าประกาศวันเลือกตั้งแน่ พร้อมรับมอบสำเนา มติวุฒิสภาสหรัฐฯ เทิดพระเกียรติในหลวง ร.9 ด้าน"บิ๊กป้อม" ย้ำปีหน้าแค่ประกาศวันเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 3 ต.ค. เวลา 18.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น ที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. และภริยา พร้อมคณะร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ที่จัดโดยสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน และสภาหอการค้าสหรัฐอเมริกา ในการเดินทางเยือสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 2-4 ต.ค. ตามคำเชิญของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า เป็นโอกาสใน 12 ปี ที่รัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรีของไทย ได้มีโอกาสมาหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ สิ่งที่ซาบซึ่งคือ การต้อนรับอย่างอบอุ่น มีการจัดเลี้ยงอาหารค่ำ ด้วยบรรยากาศที่มีมิตรไมตรีต่อกัน

"วันที่ผมเองได้พบกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้พูดแหย่เหมือนคนคุ้นเคยกัน รู้ว่าท่านเป็นคนจริงใจ พูดจาสุภาพกับผม ครั้งแรกที่พบท่าน คือตอนที่พูดคุยโทรศัพท์กัน ท่านพูดด้วยวาจาที่ไพเราะ ทำให้ผมได้รู้สึกว่าผมจะได้พบเพื่อนของผมอีกคน และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมมาครั้งนี้เพราะท่านได้แสดงให้เห็นถึงความจริงใจ แล้วมีอะไรท่านก็พูดกับผม ก่อนหน้าที่จะได้พบกัน ได้ส่งรมว.พาณิชย์สหรัฐฯ มาพบกับผมก่อนที่ประเทศไทย ท่านมาพบด้วยรอยยิ้ม และคำพูดที่ฟังดูแล้วน่าชื่นใจ เมื่อท่านกลับไปแล้ว มีคนบอกว่า รมว.พาณิชย์ เริ่มรักประเทศไทยแล้ว แสดงว่าก่อนมาประเทศไทยยังสงสัย ยังไม่แน่ใจ แต่วันนี้ต้องแน่ใจ เพราะผมรักคนไทย รักคนอเมริกา" นายกฯกล่าว และว่า คนไทยคุ้นเคยกับสหรัฐฯ มากที่สุด ถนนเส้นทางแรกคือ ถนนสายมิตรภาพ เป็นถนนเส้นที่ดีที่สุด ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยรวมร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการสร้างถนนที่มีความเรียบ และรออยู่ว่าจะมีการสร้างเส้นที่ 2 เส้นที่ 3 หรือไม่

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้คิดว่าเราต้องสร้างทุกอย่างไปด้วยกัน เราไม่อยากเป็นภาระให้กับใครอีก แต่สิ่งเหล่านี้จะแข็งแรงขึ้นมาได้ ด้วยเพื่อนของเรา ทำอย่างไรให้สนธิสัญญาเหล่านั้นมีผลในการเดินหน้าไปด้วยกัน ตนเป็นประเทศเล็ก แต่เสียงจะดังหน่อย เพราะพูดเสียงดัง เพราะฉะนั้นประเทศเล็กๆ ต้องพูดเสียงดัง ไม่อย่างนั้นประเทศใหญ่ๆ จะไม่ได้ยิน ตนคิดว่าอเมริกาได้ยินตน ว่าตนเข้ามาเพื่ออะไร เข้ามาทำหน้าที่อะไร และตนสร้างทุกอย่างให้ดีขึ้นได้อย่างไร หน้าที่ของตนคือแก้ทุกอย่างที่เป็นปัญหา ความขัดแย้ง โลกร้อน เป็นปัญหามหาศาลที่เราต้องแก้ต่อไป

ในส่วนของการเยือนสหรัฐฯในครั้งนี้ ตนอยากกล่าวว่า มีความสุขกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะมีความรู้สึกว่าได้พบเพื่อนที่แท้จริงแล้ว ที่ผ่านมาทุกครั้ง ก็อาจจะเป็นแค่การประชุมร่วม เป็นการสัมมนาต่างๆ ก็มีโอกาสแสดงความคิดเห็นหลายประการ แต่มาครั้งนี้เป็นการเอาประเทศไทยมาด้วย เพราะว่าเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการ และก็ได้รับเกียรติจากสหรัฐฯ และภาคธุรกิจเอกชนสหรัฐฯ อย่างอบอุ่น เป็นสิ่งที่ต้องประทับไว้ในความทรงจำ และเป็นประวัติศาสตร์ของตน สิ่งที่ตนได้พบกับท่านประธานาธิบดีทรัมป์ เราก็ได้พูดถึงประเด็นความมั่นคงว่า เราจะรับผิดชอบดูแลความมั่นคง ในภูมิภาคนี้อย่างไร ร่วมมือกันมากขึ้นในหน่วยงานที่รับผิดชอบไปด้วยกัน ทั้งในภูมิภาคอาเซียน เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคอื่นๆ ด้วย เพราะได้ร่วมสมรภูมิรบกับสหรัฐอเมริกามายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นสงครามเวียดนาม เกาหลี จนถึงปัจจุบัน หรือในการช่วยเหลือดูแลพื้นที่อยู่ในการดูแลของสหประชาชาติ ซึ่งขณะนี้ได้มีการจัดเตรียมกำลังไปที่ซูดานใต้ อีกครั้ง ถือเป็นเพื่อนร่วมรบกันมา

สำหรับด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนระหว่างกัน ซึ่งในความคิดของตนคือ เรามาลงทุนในสหรัฐฯ และสหรัฐฯก็ลงทุนในบ้านเรา วันนี้สหรัฐฯหลายร้อยหลายพันบริษัท ได้มาลงทุนในไทย มีมูลค่าสูง สามารถทำรายได้ส่วนหนึ่งให้กับประเทศไทย และส่วนหนึ่งเป็นรายได้กลับประเทศสหรัฐฯ ส่วนประเทศไทยก็มีการลงทุนของหลายสิบบริษัทใหญ่ๆ และบริษัทเล็กๆ จำนวนหนึ่งในสหรัฐฯ แต่ไม่เท่ากับบริษัทสหรัฐฯ ที่มาลงทุนในไทย แต่ก็เป็นการยืนยันถึงความตั้งใจหรือความรู้สึกของเราว่า ประเทศไทยอยู่คนเดียวไม่ได้ ขณะเดียวกันอยากให้สหรัฐฯ มองประเทศไทยและอาเซียนไปด้วยกัน ทั้งหมดคือมูลค่ามหาศาล และคาดหวังสหรัฐฯ ลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจอีอีซี

"ที่ผมยังอยู่ ก็เพื่อทำทุกอย่างเกิดขึ้นให้ได้ สิ่งที่ท่านต้องการเห็น การเป็นประชาธิปไตยมันมาแน่ ผมยืนยันในปีหน้า ผมประกาศวันเลือกตั้งแน่นอน เพราะฉะนั้น ทุกอย่างจะต้องเกิดขึ้นในช่วงนี้ เพราะฉะนั้นจะมีปัญหาอีกในวันหน้า เพราะว่ามันต้องพูดกันต่ออีกครั้งหนึ่ง วันนี้เราพูดมา 3 ปีแล้วว่า เรามีความตั้งใจมากแค่ไหนในการแก้ไขสถานการณ์ ปัญหาต่างๆ" นายกรัฐมนตรี กล่าว

**วุฒิสภาสหรัฐฯเทิดพระเกียรติในหลวง ร.9

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 12.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ ได้เข้าพบ นายออร์ริน แฮทช์ ประธานที่ประชุมวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา เพื่อรับมอบสำเนาข้อมติวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ อาคารรัฐสภาสหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

อนึ่ง การประชุมวุฒิสภาสหรัฐฯ ครั้งที่ 115 วาระที่ 1 เมื่อวันที่ 15 มี.ค.60 ที่ประชุมได้เห็นชอบผ่าน มติเทิดพระเกียรติและแสดงความรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งทรงเป็นมิตรใกล้ชิดอย่างยิ่งของสหรัฐฯ และทรงงานอย่างหนัก เพื่อพสกนิกรของพระองค์ ตลอดรัชสมัย 70 ปีแห่งการครองราชย์

สาระสำคัญของมติระบุถึงพระราชประวัติโดยสังเขป ของพระบาทสมเด็จพระประมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และความสัมพันธ์ทางการทูตอันมั่นคงยาวนาน 183 ปี ระหว่างสหรัฐฯ กับไทย ที่วุฒิสภาแสดงความหวังว่า ความสัมพันธ์และความร่วมมือระดับทวิภาคีของทั้งสองประเทศ จะได้รับการพัฒนาให้รุ่งเรื่องยิ่งขึ้นไป นอกจากนี้ มติของที่ประชุมวุฒิสภาสหรัฐฯ ยังขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ผู้ทรงขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดา

**"บิ๊กป้อม"แจงปีหน้าแค่ประกาศวันเลือกตั้ง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ พูดที่สหรัฐอเมริกา จะประกาศวันเลือกตั้งปีหน้า ว่า นายกฯไม่ได้บอกว่าจะเลือกตั้งปีหน้า แค่บอกว่าจะประกาศวันเลือกตั้งปีหน้า หลังจากกฎหมายลูกเสร็จ ให้นับไปอีก 150 วัน เพราะฉะนั้นอย่าไปพูดอย่างนั้น ต้องพูดว่า นายกฯประกาศว่าเลือกตั้งวันใด หลังกฎหมายลูกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนตนพูดหลายครั้งแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทย ยังไม่มั่นใจว่าจะประกาศวันเลือกตั้ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะไม่มั่นใจได้อย่างไร เพราะเป็นไปตามโรดแมป พอกฎหมายลูกเสร็จ ก็ให้นับไปอีก 150 วัน

** ค้านแผนจัดซื้ออาวุธ

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง หยุดเอาใจสหรัฐโดยเตรียมจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ในขณะที่ไทยยังข้าวยากหมากแพง โดยระบุว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ ขณะที่ ฃพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กลับออกมาแถลงถึง ความต้องการ และโอกาสของกองทัพ ที่จัดซื้อจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ ชนิดต่างๆ มาประจำการในกองทัพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการกระทำดังกล่าว สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ที่เกิดปัญหาข้าวยากหมากแพง สินค้าทางการเกษตรหลายชนิดราคาตกต่ำอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ขณะที่รัฐบาลก็หมดความสามารถในการหาเงินเข้าประเทศ ถึงกับต้องขึ้นภาษีสินค้าบางประเภท และ การขึ้นภาษี VAT 9% ในปี 2561

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงใคร่เรียกร้องมายังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ โปรดทบทวนแนวความคิดหรือนโยบายดังกล่าวเสีย และหันมาสร้างรายได้ ปกป้องอาชีพ สินค้า และบริการภายในประเทศ และขอเรียกร้องให้องค์กรอิสระด้านการตรวจสอบทั้งหลาย ทั้ง สตง.- ป.ป.ช. - ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้โปรดกลับมาทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของรัฐบาล ที่อาจขัดแย้งต่อ มาตรา 62 ของรธน.ปี 60 ด้วยจึงจะถือว่า ท่านได้ทำงานรับใช้แผ่นดินอย่างแท้จริง
กำลังโหลดความคิดเห็น