xs
xsm
sm
md
lg

DSIจ่อหมายเรียกโอ๊ครับข้อกล่าวหาฟอกเงิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ดีเอสไอเตรียมออกหมายเรียก”โอ๊ค”รับทราบข้อกล่าวหาฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน กรุงไทย ปล่อยกู้กลุ่มกฤษดามหานคร ภายในเดือนนี้ ด้าน"สุริยะใส" ชี้ จำคุก"ปู" 5 ปี จุดจบประชานิยม "วิษณุ" ย้ำอายุความคดี"ยิ่งลักษณ์" ระงับชั่วคราว ไม่ใช่ไม่มีอายุความ ส่วนการตามตัวกลับไทยมีกฎหมายหลายฉบับ แต่หนีไป ตปท. เพราะถูกรัฐประหาร ใช้เกณฑ์ลี้ภัยทางการเมืองไม่ได้ เหตุไม่ได้หนีไปตั้งแต่ถูกยึดอำนาจ

วานนี้ (1 ต.ค.60) นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษ ฝ่ายการสอบสวน 3 สำนักงานการสอบสวนอัยการสูงสุด (อสส.) หนึ่งในคณะทำงานร่วมกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในคดี นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร เข้าไปเกี่ยวพันกับการฟอกเงิน ที่ธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้กลุ่มกฤษดามหานคร กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนพนักงานสอบสวนดีเอสไอ กำลังทำเอกสารเพื่อออกหมายเรียก นายพานทองแท้ มารับทราบข้อกล่าวหาฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน ได้ภายในเดือนต.ค.นี้ ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้มาให้การข้อมูลคดีดังกล่าว เมื่อช่วงกลางเดือนก.ย. ที่ผ่านมา
ส่วนกรณีที่มีผู้มายื่นขอความเป็นธรรมให้กับนายพานทองแท้ หลายครั้งก่อนหน้านี้ โดยต้องการให้สอบกว่า 150 คน เกี่ยวเงินดังกล่าวด้วยนั้น นายขจรศักดิ์ กล่าวว่า คดีนี้เนื่องมาจากคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ที่ตัดสินไปก่อนหน้านี้ว่า พบความผิดปกติของเงิน 2 ก้อน เช็คจำนวน 26 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท ซึ่งมีชื่อนายพานทองแท้ และ นางเกศิณี เท่านั้นที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เจ้าตัวจะต้องมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และพิสูจน์ให้ได้ว่าเงินดังกล่าว ได้มาโดยบริสุทธิ์ และชอบธรรม

"การคืนเงินหรือไม่คืนเงิน ที่กระทำความผิดเป็นเรื่องคดีแพ่ง ส่วนคดีอาญามีความผิดตั้งแต่ทำผิดสำเร็จ ไม่ว่าเป็นจำนวนเงินมากหรือน้อย ซึ่งพฤติกรรมจะเป็นเครื่องชี้เจตนา ดังนั้น ผู้รับเงินจะต้องชี้แจงความผิดปกติให้ได้ว่าเงินดังกล่าวได้มาจากการทำธุรกิจอะไร จึงได้รับเงินจาก นายวิชัย กฤษดาธานนท์ รวมทั้งพบความผิดปกติเส้นทางการเงินอีกหลายประการด้วย "นายขจรศักดิ์ กล่าว
นายขจรศักดิ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้พนักงานสอบสวนแจ้งให้นายพานทองแท้ มารับทราบข้อกล่าวหา ก็จะให้เวลาเตรียมตัวมาชี้แจงเหมือนผู้ถูกกล่าวหาในคดีก่อนหน้านี้ แต่หากขัดขืนไม่มาพบพนักงานสอบสวน ก็จะถูกดำเนินการตามขั้นตอนตามลำดับก่อนจะออกหมายจับ


**จำคุก”ปู”ปิดฉากประชานิยม

นายสุริยะใส กตะศิลา ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกศาลสั่งจำคุก 5 ปี และ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พานิชย์ 42 ปี ว่า เป็นอุทาหรณ์ และบทเรียนของนักการเมือง และพรรคการเมือง 5 ประการ คือ

1. แม้ศาลจะบอกว่าไม่มีอำนาจพิพากษาว่า นโยบายของรัฐบาล ชอบหรือไม่ชอบก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า นโยบายที่ชนะเลือกตั้งมาจะถูกต้องเสมอไป หากพบว่านโยบายดังกล่าวเอื้อให้เกิดการทุจริต และทำให้เกิดความเสียใหญ่หลวงต่อสาธารณะ ฝ่ายการเมืองก็ปฏิเสธความรับผิดชอบในการดำเนินนโยบายนั้นไม่ได้2. พรรคการเมืองต้องคิดมาก หากยังคิดจะเอานโยบายประชานิยมมาหาเสียง หาคะแนนกันอีก แม้จะไม่ได้ห้ามนโยบายประชานิยมก็ตาม แต่จะทำยากขึ้น และความเสี่ยงสูงขึ้น

3. อันตรายของการเมืองที่เน้นแต่เสียงข้างมากจนไม่สนใจความถูกต้องชอบธรรม ปฏิเสธการตรวจสอบของเสียงข้างน้อย และมุ่งหวังแต่ความนิยมทางการเมือง 4. นักการเมืองที่พยายามทำตัวเป็นนอมินีให้กับผู้มีอำนาจ สุดท้ายตัวเองก็ต้องรับผิดคนเดียว แต่คนรับชอบ มีแต่ได้กับได้ สิ้นนอมินีคนนี้ ก็สร้างนอมินีคนต่อไป จึงเป็นอุทาหรณ์ของนักการเมืองจำพวกนอมินี ที่ต้องคิดให้มากขึ้น

5. นักการเมืองและพรรคการเมือง ต้องกล้าแสวงหานโยบายใหม่ๆ ที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนในระยะยาวได้ด้วย ไม่ใช่คิดแค่เฉพาะหน้า และชัยชนะในการเลือกตั้งชั่วครั้งชั่วคราว เท่านั้น

** "วิษณุ"ชี้อายุความแค่ระงับชั่วคราว

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นเวลา 5 ปี คดีโครงการขายข้าว จีทูจี ว่า การอุทธรณ์ในคดีนี้ ต้องยึดตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฉบับใหม่ ที่พึ่งประกาศใช้ ซึ่งระบุไว้ชัดว่าเจ้าตัวต้องมายื่นด้วยตัวเอง

ส่วนอายุความในการดำเนินคดี มีอยู่ในประมวลกฎหมายอาญาแต่ พ.ร.บ.-ป.ป.ช. ที่แก้ไขครั้งสุดท้าย เมื่อปี 58 กำหนดไว้ว่า คดีลักษณะนี้หากมีการหนีคดี อายุความสะดุดหยุดลงไม่นับ หากสามารถนำตัวมาดำเนินการต่อได้ ก็ให้นับอายุความต่อ ถ้าครบกรอบกำหนดเวลาแล้ว แต่ยังไม่สามารถทำอะไรก็ถือว่าหมดอายุความ ซึ่งไม่อยากให้ใช้ว่า คดีไม่มีอายุความ เพราะข้อเท็จจริงคือ อายุความมันหยุดไม่นับต่อเนื่อง กลับมาแล้วก็นับกันใหม่

เมื่อถามว่ากรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าข่ายเป็นคดีของนักการเมือง ที่สามารถขอลี้ภัยทางการเมืองได้ ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า การเป็นนักการเมือง เพื่อเหตุผลในการลี้ภัยต้องเป็นคดีการเมือง อย่ายึดคำว่า นักการเมือง เพราะมันต้องเป็นคดีการเมือง เช่น กรณีการยึดอำนาจ เมื่อถามย้ำว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ถูกยึดอำนาจ จะอ้างเป็นเหตุผลขอลี้ภัยได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ถ้าแกหนีตอนโน้นใช่ แต่มาหนีตอนนี้ ก็อีกเรื่องหนึ่ง ส่วนจะอ้างผลพวงรัฐประหารหรือไม่นั้น ไม่ทราบ ไม่ขอตอบในเรื่องนี้ ต้องแล้วแต่ละประเทศ ว่าเขาจะรับหรือไม่ ต้องแยกให้ออกระหว่างนักการเมือง กับคดีทางการเมือง เพราะการลี้ภัยคดีทางการเมือง ไม่ใช่เป็นไปโดยอัตโนมัติ มีหลักเกณฑ์หลายอย่าง บางเรื่องแม้ไม่ใช่คดีทางการเมือง แม้ขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เขาก็ไม่ให้ เช่น กรณีประเทศไทยมีโทษประหาร ประเทศอื่นไม่มี เราไปขอตัวเพื่อมาดำเนินคดีที่มีโทษประหาร มันก็เป็นเรื่องขอตัว ไม่ใช่การขอลี้ภัย เขาก็ไม่ส่งมาให้"

เมื่อถามว่า รัฐบาลมีอำนาจตาม มาตรา 44 จะใช้ยกเลิกพาสปอร์ตได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ต้องถึงกับใช้ มาตรา 44 กระทรวงการต่างประเทศสามารถยกเลิกเองได้ ไม่ได้ยุ่งยากอะไร แต่ขอให้มีความชัดเจนในหลักเกณฑ์ ซึ่งมีหลายข้อ รายละเอียดจะต้องถามทางกระทรวงต่างประเทศเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น