xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“พงศ์พร”คัมแบ็กเก้าอี้ผอ.พศ. สัญญาณปฏิรูปใหญ่“ดงขมิ้น”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ชักเข้าชักออก ดูไม่ปกติ! สำหรับกรณีที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เคยเด้ง พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ จากเก้าอี้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ไปเป็นผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อปลายเดือนสิงหาคม พร้อมกับโอน นายมานัส ทารัตน์ใจ อธิบดีกรมการศาสนา มาเสียบเก้าอี้แทน ผ่านมาร่วมเดือน สิ่งที่เคยทำๆ กันยกเลิกทั้งหมด เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไม่มีใครเชื่อว่า พ.ต.ท.พงศ์พร จะกลับมาอยู่ในจุดเดิมได้ เพราะถ้าย้อนกลับไป ตั้งแต่ถูกโยกออกจากเก้าอี้ ผอ.พศ. พ.ต.ท.พงศ์พร เคยเปิดหน้าชนกับคนระดับรัฐมนตรีอย่าง ออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลพศ. มาแล้ว หลังสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ขอยืมตัวไปช่วยราชการ ทั้งที่ยังไม่ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่ง ผอ.พศ.

พ.ต.ท.พงศ์พร บู๊ใส่ออมสิน ในฐานะผู้บังคับบัญชาว่า การให้ยืมตัวไปก่อนไม่ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย จนกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต ที่สุด“เนติบริกร”วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ต้องทำคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีอีกฉบับ ให้“บิ๊กตู่”ลงนาม เป็นการแก้ไขปัญหา เพื่อให้ พ.ต.ท.พงศ์พร ย้ายมาช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี จนกว่าจะมี พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่ง

ตอนนั้นเหมือนเป็นการตอกฝาโลง ปิดประตูอนาคตเรียบร้อย
 
นอกจากจะไม่ได้กลับเก้าอี้ ผอ.พศ.อีกแล้ว อนาคตในชีวิตราชการยังแทบจะมืดมน เพราะดันเลือกออกมาชนกับคนระดับรัฐมนตรีอย่าง ออมสิน กระทบชิ่งถึง รองนายกรัฐมนตรีอย่างวิษณุ ซึ่ง “บิ๊กตู่”ย่อมเชื่อ 2 คนนี้มากกว่า ไม่เช่นนั้นคงไม่กระเด็นตกเก้าอี้ อย่างที่รู้กัน วิษณุ-ออมสิน และ สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม ต่างมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนตัว ผอ.พศ.ใหม่

แต่แล้ว พ.ต.ท.พงศ์พร ก็กลับมาได้หน้าตาเฉย ชนิดที่ไม่มีใครเชื่อ เพราะรัฐบาลเลือกแล้วว่า จะหลบเลี่ยงการกระทบกระทั่งกับพระ จึงเอาคนประเภทประนีประนอมอย่าง “มานัส”มาแทน

อยู่ๆ ก็เกิดปรากฏการณ์ “คัมแบ็ก”ในปลายเดือนกันยายน ท้ายฤดูกาลโยกย้ายเสียอย่างนั้น
 
เรื่องนี้ไม่ธรรมดาแน่ เพราะการกลับมติตัวเองเหมือนเป็นการถ่มน้ำลายรดฟ้า ให้คนนินทาหมาดูถูกว่า ชักเข้าชักออก เป็นไม้หลักปักขี้เลน

แต่การทำให้ “บิ๊กตู่”ยอมกลืนน้ำลายตัวเองที่โยกไปแล้วเอากลับมา เหตุผลย่อมไม่ธรรมดาแน่ๆ จริงอยู่ว่า การโยกย้าย พ.ต.ท.พงศ์พร ออกจากเก้าอี้ ผอ.พศ. จะทำให้แฟนคลับกองเชียร์ก่นด่า ประมาณว่า หูเบา ไปฟังความจากรัฐมนตรี ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน จนต้องเสียคนดีๆไป แต่หลายๆครั้งที่ “บิ๊กตู่”ตัดสินใจไปแล้ว มักไม่เคยกลับลำตัวเอง แม้จะถูกติงก็ตาม

ครั้งนี้แสดงว่า มันเกินจะฝืนไปได้จริงๆ

แน่นอน การกลับลำอาจดูเหมือนว่า “บิ๊กตู่”จะฟังเสียงประชาชน ว่ามีปฏิกิริยาอย่างไร แต่เหตุผลใหญ่ๆ มันน่าจะมีมากกว่านี้ โดยเฉพาะสิ่งที่ไปเจอมา คืออะไร เหตุใดจึงทำให้ตัดสินใจกลับลำ ซึ่งสิ่งๆ นั้นย่อมต้องมีพลังอำนาจมากพอเปลี่ยนใจคนที่หนักแน่นในเหตุผลตัวเองอย่าง“บิ๊กตู่”ได้แน่นอน จึงไม่ฝืนเดินไปต่อ

แล้วการกลับมาคราวนี้ มีหลายสิ่งที่น่าจับตามองอย่างมาก เพราะนอกจากได้กลับมาเป็น ผอ.พศ. อีกครั้งแบบเหนือความคาดหมายใดๆ การกลับมาครั้งนี้ยังทำให้คนระดับรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ถูกริบอำนาจในการกำกับดูแล พศ. ทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็น วิษณุ และ ออมสิน ซึ่งจะว่าไป ในทางปฏิบัติ คือ เป็นโจทก์ของ พ.ต.ท.พงศ์พร โดยตรง เพราะเป็นคนที่มีส่วนเขี่ยเขาพ้นออกจากเก้าอี้

นอกจากนี้ คนที่มากำกับดูแลพศ. แทนวิษณุ และออมสิน ชื่อว่า “บิ๊กเจี๊ยบ”พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งงานในความรับผิดชอบของ“บิ๊กเจี๊ยบ”ที่ผ่านมา เกี่ยวกับเรื่องพระอย่างเดียว คือ กรมการศาสนา ที่อยู่ในกระทรวงวัฒนธรรม ส่วน พศ.ไม่ได้อยู่ในสังกัด เพราะขึ้นกับสำนักนายกรัฐมนตรี

การเลือก“บิ๊กเจี๊ยบ”มาแทนที่ คนที่รู้เรื่องพระดีอย่างวิษณุ จึงมีนัยสำคัญ “บิ๊กเจี๊ยบ”ไม่ใช่คนที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษเรื่องพระ แต่การเลือกรองนายกรัฐมนตรีรายนี้ น่าสนใจอย่างยิ่งยวด

โดยเฉพาะเมื่อพลิกดูปูมหลังของเขา จะรู้ว่า“ไม่ธรรมดา” การเลือกมาเป็นผู้บังคับบัญชาคนใหม่ของ พ.ต.ท.พงศ์พร จึงเหมือนการส่งสัญญาณให้เห็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

โดยเฉพาะเรื่องคดีทุจริตเงินทอนวัด ที่ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.พงศ์พร เจอปัญหาและอุปสรรคอย่างมาก จากแรงต้านจากพระเถระชั้นผู้ใหญ่บางรูป และฆราวาสบางกลุ่ม ขณะที่คนในรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง ไม่กล้าชน และมีความเกรงใจ จึงตัดสินใจเปลี่ยนตัว ผอ.พศ. เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหา แต่คราวนี้เรื่องดังกล่าวคงไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เพราะวันนี้ คนที่เป็นผู้บังคับบัญชาเขาชื่อ“บิ๊กเจี๊ยบ”

การกลับมาครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.พงศ์พร ไม่ได้ตัวคนเดียว หัวเดียวกระเทียมลีบ แต่เขา“แข็ง”พอสมควร ไม่เช่นนั้นคงกลับมาไม่ได้ แล้วคนที่ต้องกังวลหลังจากนี้ไม่ใช่เขาอีกแล้ว แต่เป็นวงการผ้าเหลือง โดยเฉพาะพระ และวัดบางแห่ง ที่มีความไม่ชอบมาพากลอาจเสียวลึกๆ เพราะเห็นสัญญาณเตือนแรกแล้ว หลังจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริต และประพฤติมิชอบ (ปปป.) ลุยตรวจในรอบที่ 2 ที่เหมือนกับเป็นการกรุยทางรอการกลับมาของ พ.ต.ท.พงศ์พร ซึ่งครั้งนี้จุดเป้าหมายพุ่งเป้าไปที่ตัวละครสำคัญในคดีเงินทอนวัดทั้งสิ้น โดยเฉพาะ“พนม ศรศิลป์”อดีต ผอ.พศ. ที่ว่ากันว่า เป็นตัวละครผู้กุมความลับของใครไว้หลายคน แม้แต่ใครบางคนในรัฐบาลเอง
 
นอกจากนี้ ยังกล้าแตะพระผู้ใหญ่ หลังแจ้งข้อกล่าวหาพระผู้ใหญ่ระดับผู้ช่วยเจ้าอาวาสขึ้นไป ซึ่ง 3 ใน 4 รูป เป็นพระที่อยู่ในอารามหลวง และ 1 ใน 4 คือ พระราชรัตนมุนี เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนกลาง สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ นั่นเป็นการบ่งบอกว่า ต่อไปนี้ใครที่มีแผล ย่อมหวาดเสียว และจะใช้อิทธิพลข่มขู่เหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว

การจะปลุกม็อบพระ คงลำบาก เพราะการกลับมาของ พ.ต.ท.พงศ์พร เที่ยวนี้พกยันต์กันผีอย่างดีมาก นอกจากนี้ ในพศ.เองก็จะเห็นว่า มีการล้างขั้วเก่าออกแทบทั้งหมด ดูจากการที่ ปปป.ตรวจค้นรอบสอง มีเจ้าหน้าที่ พศ. ระดับผู้อำนวยการกองโดนสอบวินัยกันเพียบ หรือแทบจะครบทุกกอง เหมือนเป็นการเตรียมล้างบางขั้วอำนาจเก่าออกให้หมด

เช่นเดียวกับรอง ผอ.พศ. ที่สิ้นกันยายนนี้ คนของขั้วเก่าจะไปกันยกยวง
 
สัญญาณมันมาแล้วว่า ปฏิรูปครั้งใหญ่ในดงขมิ้น กำลังจะเกิด !!!


กำลังโหลดความคิดเห็น