นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. จะเดินทางไป สหรัฐอเมริกา เพื่อพบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องบอกสหรัฐฯ ให้ชัดว่า ภาวะที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เป็นเพียงภาวะชั่วคราว และจะสิ้นสุดลงอย่างไร สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ เคยระบุว่า ถ้าไม่มีปัญหาขัดข้องด้านกฎหมาย จะเลือกตั้งประมาณปลายปี 61 นั้น ความจริงน่าจะพูดว่า จะดูแลไม่ให้มีข้อขัดข้อง หากนายกฯ ยังมีคำว่า “ถ้า”จะทำให้คนตีความได้อีก ทั้งนี้ ต้องการให้นายกฯบอกเรื่องวันเลือกตั้งกับประชาชนไทยเสียก่อน จากนั้นจึงนำความนี้ไปบอกแก่สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม มีประเด็นที่เป็นห่วง คือเรื่องเกาหลีเหนือ เราเป็นประเทศที่ยึดตามแนวทางสหประชาชาติ ซึ่งมีมติอย่างไร เราต้องปฏิบัติตามนั้น แต่ถ้าสหรัฐฯ ขออะไรที่เกินเลย ไทยก็ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึง กรณีผลสำนักวิจัยซูเปอร์โพล พบว่า ประชาชนร้อยละ 33 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนตั้งใจจะเลือกเป็นอันดับ 1 ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้งว่า ตนไม่ค่อยเชื่อตัวเลขโพลเท่าไร เพราะจากหลายปัจจัย และข้อมูลที่มี อีกทั้งได้เห็นจากกลุ่มบุคคลที่ทำงานในด้านนี้ เพราะคิดว่า ผลโพล ระหว่างกลุ่มพรรคขนาดกลาง ขนาดเล็ก พรรคเกิดใหม่ และกลุ่มพรรคเพื่อไทย ไม่เป็นไปตามที่เป็นข่าว เชื่อว่าพรรคเพื่อไทย มีคะแนนที่ดีกว่านั้นแน่นอน ส่วนจะดีกว่าประชาธิปัตย์ หรือไม่ ไม่ทราบ ทั้งนี้ ฐานเสียงของเพื่อไทยในภาคเหนือ และภาคอีสาน น่าจะดีกว่าพอสมควร แต่ภาพรวมทั้งประเทศจะดีกว่าหรือไม่ ก็ไม่ทราบเช่นกัน
"ผมรู้สึกแปลกใจ เวลาที่ผลโพลปรากฏเป็นพรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนต่ำสุด สื่อกลับนำมาพาดหัว แต่เวลาที่ประชาธิปัตย์ ได้คะแนนมากสุด ไม่เห็นจะมีใครเขียนเป็นข่าว ผมคิดว่าคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ประมาณร้อยละ 30 กว่าๆ น่าจะเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่ตัวเลขที่พรรคควรจะพึงพอใจ เพราะในการเลือกตั้งปี 54 เราก็ได้กว่า 30 เปอร์เซ็นต์ แล้วตัวเลขในแง่ ส.ส. ก็น้อยกว่าเขาเยอะ คราวนี้ตามระบบใหม่ มันก็จะดีขึ้นเพียงเล็กน้อย เพราะฉะนั้น 30 กว่าๆ ผมเชื่อว่าเป็นไปได้ แต่ไม่เป็นที่น่าพอใจ"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานเครือข่ายประชาชนปฏิรูป กล่าวถึง กรณีสำนักวิจัยซูเปอร์โพล สำรวจพบว่า ประชาชนร้อยละ 55.1 ต้องการเลือกตั้ง ไม่เกินเดือนก.ย.61 ว่า ตนมองว่ารัฐบาลและคสช. คงต้องการให้มีการเลือกตั้งพ้นเดือนก.ย.61 ไปแล้ว เพื่อให้ สนช. ผ่านกฎหมายงบประมาณแผ่นดิน และครม.โยกย้ายทหาร และข้าราชการ ประจำปี 61 ให้เสร็จสิ้น ก่อนวันเลือกตั้ง
ส่วนนายกรัฐมนตรีคนใหม่หลังเลือกตั้งนั้น ต้องจับตาดูชื่อบุคคลที่ 2 พรรคใหญ่ จะนำเสนอต่อสังคม ว่าจะมีการนำมาเป็นชื่อลำดับที่ 2 และ 3 ต่อจากชื่อหัวหน้าพรรคในบัญชี เสนอชื่อผู้ที่จะเป็นนายกฯของพรรค เพราะอาจจะเป็นชื่อบุคคลที่เตรียมเผื่อไว้ สำหรับการเจรจาตั้งรัฐบาลก็ได้ แต่คงไม่มีพรรคการเมืองใด จะกล้าไปตกลงสัญญาอะไรกันก่อนเลือกตั้ง เพราะทุกพรรค ต่างกลัวมวลชนของตนเองพลิกกลับ ซึ่งก่อนวันเลือกตั้ง จะต้องพยายามช่วงชิงคะแนนนิยมให้ได้มากที่สุด โดยโจมตี ปราศรัยกันไปมา เป็นธรรมดา และเชื่อว่า การเลือกนายกฯในการประชุมครั้งแรกในสภา จะยังไม่ได้นายกฯ แต่ต้องรอประชุมสภาฯ ครั้งที่ 2 จึงค่อยมีบุคคลที่ได้เสียงข้างมากของรัฐสภา เป็นนายกรัฐมนตรี คนใหม่
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึง กรณีผลสำนักวิจัยซูเปอร์โพล พบว่า ประชาชนร้อยละ 33 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนตั้งใจจะเลือกเป็นอันดับ 1 ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้งว่า ตนไม่ค่อยเชื่อตัวเลขโพลเท่าไร เพราะจากหลายปัจจัย และข้อมูลที่มี อีกทั้งได้เห็นจากกลุ่มบุคคลที่ทำงานในด้านนี้ เพราะคิดว่า ผลโพล ระหว่างกลุ่มพรรคขนาดกลาง ขนาดเล็ก พรรคเกิดใหม่ และกลุ่มพรรคเพื่อไทย ไม่เป็นไปตามที่เป็นข่าว เชื่อว่าพรรคเพื่อไทย มีคะแนนที่ดีกว่านั้นแน่นอน ส่วนจะดีกว่าประชาธิปัตย์ หรือไม่ ไม่ทราบ ทั้งนี้ ฐานเสียงของเพื่อไทยในภาคเหนือ และภาคอีสาน น่าจะดีกว่าพอสมควร แต่ภาพรวมทั้งประเทศจะดีกว่าหรือไม่ ก็ไม่ทราบเช่นกัน
"ผมรู้สึกแปลกใจ เวลาที่ผลโพลปรากฏเป็นพรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนต่ำสุด สื่อกลับนำมาพาดหัว แต่เวลาที่ประชาธิปัตย์ ได้คะแนนมากสุด ไม่เห็นจะมีใครเขียนเป็นข่าว ผมคิดว่าคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ประมาณร้อยละ 30 กว่าๆ น่าจะเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่ตัวเลขที่พรรคควรจะพึงพอใจ เพราะในการเลือกตั้งปี 54 เราก็ได้กว่า 30 เปอร์เซ็นต์ แล้วตัวเลขในแง่ ส.ส. ก็น้อยกว่าเขาเยอะ คราวนี้ตามระบบใหม่ มันก็จะดีขึ้นเพียงเล็กน้อย เพราะฉะนั้น 30 กว่าๆ ผมเชื่อว่าเป็นไปได้ แต่ไม่เป็นที่น่าพอใจ"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานเครือข่ายประชาชนปฏิรูป กล่าวถึง กรณีสำนักวิจัยซูเปอร์โพล สำรวจพบว่า ประชาชนร้อยละ 55.1 ต้องการเลือกตั้ง ไม่เกินเดือนก.ย.61 ว่า ตนมองว่ารัฐบาลและคสช. คงต้องการให้มีการเลือกตั้งพ้นเดือนก.ย.61 ไปแล้ว เพื่อให้ สนช. ผ่านกฎหมายงบประมาณแผ่นดิน และครม.โยกย้ายทหาร และข้าราชการ ประจำปี 61 ให้เสร็จสิ้น ก่อนวันเลือกตั้ง
ส่วนนายกรัฐมนตรีคนใหม่หลังเลือกตั้งนั้น ต้องจับตาดูชื่อบุคคลที่ 2 พรรคใหญ่ จะนำเสนอต่อสังคม ว่าจะมีการนำมาเป็นชื่อลำดับที่ 2 และ 3 ต่อจากชื่อหัวหน้าพรรคในบัญชี เสนอชื่อผู้ที่จะเป็นนายกฯของพรรค เพราะอาจจะเป็นชื่อบุคคลที่เตรียมเผื่อไว้ สำหรับการเจรจาตั้งรัฐบาลก็ได้ แต่คงไม่มีพรรคการเมืองใด จะกล้าไปตกลงสัญญาอะไรกันก่อนเลือกตั้ง เพราะทุกพรรค ต่างกลัวมวลชนของตนเองพลิกกลับ ซึ่งก่อนวันเลือกตั้ง จะต้องพยายามช่วงชิงคะแนนนิยมให้ได้มากที่สุด โดยโจมตี ปราศรัยกันไปมา เป็นธรรมดา และเชื่อว่า การเลือกนายกฯในการประชุมครั้งแรกในสภา จะยังไม่ได้นายกฯ แต่ต้องรอประชุมสภาฯ ครั้งที่ 2 จึงค่อยมีบุคคลที่ได้เสียงข้างมากของรัฐสภา เป็นนายกรัฐมนตรี คนใหม่