xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** ล้มมวยตั้งแต่ในมุ้ง!! “บิ๊กกุ้ย”สายตรงวงษ์สุวรรณ รีบชิ่งปมสอบ“เรือเหี่ยวอนุพงษ์”ส่วน“พิศิษฐ์”เจ้าเก่า เตรียมฟอกให้ขาวจั๊วะ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่งท้ายตำแหน่ง“ผู้ว่าการ สตง.”เผื่อฟลุก มีงานทำต่อ

หลังจากที่ “เรือเหี่ยว350 ล้าน”ตามมาหลอน“พี่รอง คสช.”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา .. ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ก็ไม่พลาด เข้ายื่นเรื่องให้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบการจัดซื้อเรือเหาะ เมื่อปี 2552 สมัยที่ “บิ๊กป๊อก”เป็นผบ.ทบ. ทันที .. ซึ่งทาง พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ได้“ทดเวลาบาดเจ็บ”อยู่ในตำแหน่งถึง 10 ต.ค.นี้ ก็ไม่อิดออด เด้งดึ๋งรับลูกในตรวจสอบการจัดซื้อเรือเหาะ ของกองทัพบกทันที .. แถมบอกว่า เรื่องนี้ไม่ซับซ้อน แค่ 30 วันก็ได้เรื่อง .. ซึ่งกรอบ 30 วันที่ “ผู้ว่าฯพิศิษฐ์”ว่าไว้นั้น มันเกินจากอายุในตำแหน่งของตัวเอง .. ตรงนี้น่าจะมี “นัยสำคัญ”ไม่น้อย เพราะหากมีการประกาศ ม.44 ต่ออายุราชการให้อีกรอบ ก็ถือเป็น“โบนัส”และก็น่าจะรู้ ว่าผลการตรวจสอบจะออกมารูปไหน .. หรือหากไม่มีการต่ออายุราชการ อีกตามที่ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยว่าไว้ ต้องจับตาว่า การทำงานเรื่องนี้ของ สตง. อาจรวดเร็วทันใจ ปิดจ๊อบก่อน 30 วัน เหมือนเมื่อครั้งที่การันตี“ฟอกขาว”ให้ “เรือดำน้ำจีน" หลังเข้าไปตรวจสอบได้เพียงไม่กี่สัปดาห์ .. ตามที่มีการเมาต์ว่าช่วงนี้ “ผู้ว่าฯพิศิษฐ์”พยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้มีงานทำต่อในยุครัฐบาลคสช. หลังพลาดหวังไม่ได้ขึ้นเป็น คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ตามแผนเดิม อย่างน้อยๆ เก้าอี้“ส.ว.สรรหา”ก็ยังพอถูไถ
อีกฟากรายของ “บิ๊กกุ้ย”พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กลับแสดงท่าทีแบบคนละทาง หลังมีการระบุว่า หาก สตง.สอบแล้วมีมูล ก็ต้องส่งไปให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ .. แต่ยุคที่ ป.ป.ช.อยู่ภายใต้อาณัติของ“สายตรงวงษ์สุวรรณ”แบบนี้ ก็เลยออกตัวก่อนว่า คงสอบใหม่ไม่ได้ หากไม่มีหลักฐานใหม่ เพราะป.ป.ช. เคยมีมติไปแล้ว เมื่อปี 2558 ว่า“ไม่มีมูลความผิด” ..เป็นการออกตัวแบบไม่ดูเลยว่า เรื่องเดิมที่ชี้ว่าไม่มีมูลนั้น เป็นเรื่องที่กล่าวหา สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น ซึ่งการไม่ชี้มูลความผิดนั้น ก็มาจากการที่ “เทพเทือก”เข้ามาในตำแหน่ง หลังจากมีการจัดซื้อไปแล้วต่างหาก .. ต่างจากกรณีของ“บิ๊กป๊อก”ที่มีข้อมูลชัดว่า อยู่ในตำแหน่งตั้งแต่ ตั้งเรื่องจัดซื้อ และตรวจสอบ“เรือเหี่ยว”ที่เป็นรอยด่างของกองทัพบกมาตั้งแต่ตอนจัดซื้อมาจนถึงปลดระวาง .. แล้วที่อ้างว่าต้องมี“หลักฐานใหม่”อะไรน่ะ ก็ไม่ดูตาม้าตาเรือ ว่าแค่“หลักฐานเก่า”ที่กำลังโดนลากไส้ เป็นมหากาพย์ประจาน “เรือเหาะ 350 ล้าน” ว่าเป็น“เรือเหี่ยว-เรือห่วย”อยู่ตอนนี้ .. มันก็สะท้อนถึงการใช้งบประมาณอย่างไร้ประสิทธิภาพของกองทัพบกในยุค“บิ๊กป๊อก”ไล่ตั้งแต่ “เรือเหาะ”ไปจนการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด GT200-ALPHA 6 ที่ศาลเมืองนอกตัดสินจำคุก-ยึดทรัพย์ “คนขาย”ไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว แต่ “ป.ป.ช.ไทยแลนด์”ยังอ้างไปเรื่อยว่า ขอเอกสารหลักฐานจากต่างประเทศอยู่เลย .. ออกรูปนี้ ก็ส่อจะ“ล้มมวย”อย่างที่ถนัดเลย

** อาการมันฟ้อง!! ถอดรหัส“ลุงตู่”ของขึ้นไร้เหตุผล เรตติ้งตกเสื่อมหนัก แถม“คนรอบข้าง”ผลงานไม่มี หาเรื่องให้ตลอด มี“อำนาจครอบจักรวาล”แต่แก้ปัญหาเหมือน “ลิงแก้แห”

ถามเสียงดังไปหลายหนแล้วว่า 3 ปีกว่าที่ผ่านมา “รัฐบาล คสช.”แก้ปัญหาอะไรสำเร็จบ้าง .. คำตอบที่ได้กลับมาทุกครั้งก็มีแต่อารมณ์เกรี้ยวกราด โหวกเหวก โวยวาย ของเหล่าขุนทหาร .. ดูอย่างวันก่อน นักข่าวถาม“นายกฯลุงตู่”เรื่องการออกกฎหมาย ใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจสองข้างทางรถไฟ ก็เจอตอบกลับด้วยความฉุนเฉียว เหมือนโกรธเคืองกันมาแต่ชาติปางไหน จนสงสัยไปว่า“สะกิดใจ”อะไรหรือเปล่า .. แบบนี้ทางการเมืองเขาเรียก “ออกอาการ”ซึ่งก็น่าจะมาจากคะแนนนิยมที่ตกต่ำอย่างหนัก ซึ่งสะท้อนความเสื่อมศรัทธาของประชาชน ที่มีต่อรัฐบาล คสช. หรือ กระทั่งต่อตัว “ลุงตู่”ที่เคยฟีเวอร์ในช่วงแรกๆ .. ประกอบกับช่วงนี้มีเรื่องร้อนๆ เป็นมรสุมถาโถมใส่“เรือแป๊ะ”ทั้งเรื่องการเมือง การหนีหายไปของ“น้องปู”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ใครต่อใครก็เชื่อว่า “บิ๊กบางคน”มีเอี่ยวอย่างแน่นอน .. ตลอดจนเรื่อวฉาวโฉ่ของคนรอบข้าง อย่างรายของ “พี่ป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็โซซัดโซเซกับเรื่อง“ป่ากระทิงแดง - เรือเหี่ยวบุโรทั่ง”..ไม่เท่านั้นจังหวะก้าวย่างของ“พี่ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็โฉ่งฉ่าง จนโดนจับได้ไล่ทัน เรื่อง“ดีลชินสุวรรณ” ..จึงเป็นที่มาของอารมณ์ฉุนเฉียวของ “น้องตู่”ที่ต้องมาปะทะกับแรงเสียดทานภายนอก
ไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ หรือดีลการเมืองนู่นนี่ ที่ “พี่ป้อม–พี่ป๊อก”ไปปั่นกันจนกลายเป็นคะแนนติดลบของรัฐบาลเท่านั้น .. ในเรื่องนโยบายการแก้ไขปัญหาต่างๆ ก็ทำกับแบบ“บ้องตื้น”แทบทุกเรื่อง .. ประเด็นร้อนที่มีผลต่อภาพลักษณ์-เศรษฐกิจประเทศ อย่างการการค้ามนุษย์ผิดกฎหมาย การทำประมงที่ผิดกฎหมาย (ไอยูยู) หรือ ธงแดงมาตรฐานการบิน (ไอเคโอ) ที่มอบหมายให้ไปทำ ก็ไม่ได้เรื่อง ทั้งที่อุตส่าห์ใช้ ม.44 เป็นตัวช่วยให้แล้ว .. อย่าง “ธงแดงไอเคโอ”ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง จนต้องใช้ ม.44 อีกคำรบ สั่งระงับ 12 สายการบิน งดให้บริการแล้ว .. ถ้าคิดแก้ปัญหา“ตื้นๆ”แค่นี้แล้วมันจบ ก็ดีไป แต่ปัญหาที่แท้จริงมันไม่ใช่ว่า 12 สายการบินเท่านั้น ที่มีปัญหา .. ปมที่ต้องแก้จริงๆ คือการทำงานของ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (ซีเอเอที) มากกว่า ก็ที่ผ่านมา 2 ปีที่โดน “ธงแดงไอเคโอ”ก็ยังไม่มีปัญญาไปตรวจสายการบินไหน ให้เป็นไปตามมาตรฐานเลย ตรวจผ่านไปได้แค่ 8-9 แห่ง แล้วสายการบินที่ยังไม่ได้ตรวจก็ยังบินได้ทั้งใน-ต่างประเทศ .. ปัญหาที่แท้จริง คือ คนไม่พอ ตรวจไม่ทัน แต่จู่ๆ มาสั่งระงับบินแบบนี้ ก็เพื่อ“เบี่ยงประเด็น”ว่า สายการบินเหล่านี้ไม่มีมาตรฐานหรือเปล่า .. ทาง“ซีเอเอที”บอกว่า ตัวเองมีปัญหาขาดบุคลากร ช่วงแรก“บิ๊กป้อม” ก็เข้ามานั่งหัวโต๊ะ และสั่งให้กองทัพอากาศ (ทอ.) ส่งบุคลากรมาช่วย .. ผ่านไปไม่นาน ทีมงาน ทอ. ก็ขบเหลี่บยกับเจ้าถิ่นอย่าง กระทรวงคมนาคม จนถอนทีมไปทั้งยวง .. “ซีเอเอที”ก็ขาดคนทำงาน การตรวจสอบสายการบินล่าช้าไปหมด กระทรวงคมนาคมก็ “แก้ผ้าเอาหน้ารอด”ไปรับสมัคร“พนักงานใหม่”บางคนรับโอนมาจากหน่วยงานอื่น แล้วอาศัยการส่งไปอบรมเอา ก็ไม่ตอบโจทย์ความเชี่ยวชาญด้านการบินอีก .. จนไม่น่าเชื่อว่า รัฐบาลที่มี “อำนาจครอบจักรวาล”คลุกอยู่กับปัญหามาเป็นปีๆ กลับทำตัวเป็น “ลิงแก้แห”แล้วจะยังมีหน้ามาวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เหอะๆ.

ช.ชฎา
กำลังโหลดความคิดเห็น