“บิ๊กป๊อก” ลั่นเพิกถอนได้เลย หากมีการร้องคัดค้านใหม่ปม “ป่าห้วยเม็ก” โบ้ยเป็นหน้าที่ผู้ว่าฯทำการเพิกถอน พร้อมระบุหากดัดแปลงพื้นที่จนเกินสภาพต้องแจ้งความดำเนินคดี บี้ลากคอ ขรก.วางยามาลงโทษ “ชาวบ้านหนองแต้” ขอเข้าพบ “พ่อเมืองขอนแก่น” ยันค้านเอกชนเช่าป่าสาธารณะมาโดยตลอด ก่อนเข้าแจ้งความ เหตุถูกใช้ชื่อสวมสิทธิลงประชามติให้ “กลุ่มกระทิงแดง” ใช้ป่าชุมชน พบข้อความในบันทึกมีพิรุธเพียบ
วานนี้ (14 ก.ย.) ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าภายหลังสั่งการให้ กรมที่ดิน ลงไปตรวจสอบการอนุมัติป่าชุมชนในพื้นที่โคกห้วยเม็ก ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น จำนวน 31 ไร่ ให้กับกลุ่มทุนเอกชน ว่า เรื่องของการให้ที่สาธารณะนั้น ต้องมีการสอบถามประชาชนในพื้นที่โดยการทำประชาคม โดยมีนายอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นผู้เสนอมายังจังหวัดแล้วขึ้นมายังกรมที่ดิน จากนั้นถึงส่งเรื่องมาให้ตนให้ความเห็นชอบเมื่อกระบวนการครบถ้วน แต่คนอนุมัติให้ใช้พื้นที่คือ ผู้ว่าราชการจังหวัด ตนเป็นเพียงคนดูว่ากระบวนการถูกต้องหรือไม่ซึ่งกระบวนการนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2557 โดยบริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กลุ่มในเครือกระทิงแดงร้องขอจากที่ดิน ก็มีการดำเนินการตามขั้นตอนปลายปี 2558 โดยต้นปี 2559 ก็ส่งมาถึงกระทรวง แต่ยังไม่ถึงตน ซึ่งขณะนั้นกระทรวงมีข้อสงสัยจึงแจ้งกลับไปให้ชี้แจงรายละเอียดมาอีก 6 ประเด็นพอวันที่ 8 ก.พ.2559 ก็มีคนร้องคัดค้าน และทางนายอำเภอก็ทำประชาคมใหม่ แล้วยืนยันว่าไม่มีการคัดค้าน
“พอเรื่องขึ้นมาใหม่ ผมให้ความเห็นชอบที่จะให้ผู้ว่าฯ อนุมัติให้ใช้ได้ในวันที่ 1 มิ.ย.2559 จากนั้นเดือนส.ค.2559 ก็มีคนมาคัดค้านอีก ซึ่งเรื่องเป็นอย่างนี้ ถามว่าจะแก้ไขอย่างไร ถ้ามีคนมาร้องก็ยกเลิกได้ ณ นาทีนี้ แต่ต้องหาข้อเท็จจริงว่าทำไมที่ทำประชาคมแล้วยังมีคนมาร้องอีก เพราะมันไม่ได้จบที่นายอำเภอ ยังมีคณะกรรมการจังหวัด ในเรื่องการคัดค้านต้องมีที่มาของหนังสือว่าร้องที่ใคร ยังไง มีการพิจารณาหรือไม่ ต้องว่ากันตามหลักฐาน ขอย้ำว่าข้อมูลคัดค้านไม่ต้องมาถึงผม ต้องจบที่คณะกรรมการข้างล่างทั้งหมด ตั้งแต่ท้องถิ่น อำเภอ จังหวัด ถ้าทำไม่ครบถ้วนกระบวนความโดยตั้งใจหรือหลักฐานไม่ครบ เจอที่ใครคนนั้นก็ผิด แสดงว่าข้อมูลที่ขึ้นมาไม่ถูกต้อง ก็ยกเลิกได้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องหาว่าผิดที่ใด" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า หากมีคนร้องคัดค้านมาว่าไม่เห็นด้วยก็จบ ยกเลิกเลยได้ เมื่อยกเลิกก็ไปสำรวจดูว่าที่บริษัทฯที่ใช้พื้นที่อยู่ทำผิดอะไรหรือไม่ ดัดแปลงอะไรหรือไม่ ถ้าดัดแปลงจนเกินสภาพก็ต้องแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งเรื่องนี้คนที่ดูแลคือนายอำเภอกับท้องถิ่น ถ้าทั้ง 2 คน ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าไม่ให้ใช้ที่ ณ นาทีนี้ ก็ไม่ต้องไปฟังเรื่องเก่า สามารถเพิกถอนได้เลย ไม่ต้องมาคำสั่ง ส่วนที่มีชาวบ้านไปร้องคัดค้านที่จังหวัดก่อนหน้า แต่เรื่องเงียบหายไปนั้นขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่
อีกด้าน นายทรงวุฒิ สายแก้ว รองอธิบดีกรมที่ดิน เดินทางมายังที่ว่าการ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น โดย นายณัฐภัทร พลอยสุภา นายอำเภออุบลรัตน์ ได้นำเอกสารเข้ารายงานเกี่ยวกับการขอให้เช่าที่สาธารณะห้วยเม็ก พร้อมเชิญ นายไพบูลย์ บุญลา ประธานสภาองค์กรชุมชนตำบลบ้านดง มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการคัดค้านการใช้พื้นที่ป่าห้วยเม็ก มีการพูดคุยและรวบรวมเอกสารข้อมูลจาก นายไพบูลย์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงได้เดินทางออกมา ทั้งนี้ รองอธิบดีกรมที่ดิน ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ ตอบเพียงสั้นๆ ว่า ขอเก็บข้อมูลทั้งหมดก่อน พร้อมทั้งเดินทางกลับไปทันที
ขณะที่ นายไพบูลย์ เผยว่า รองอธิบดีกรมที่ดิน ได้ขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารต่างๆ ทั้งในเรื่องของการขอเช่าพื้นที่ป่าห้วยเม็ก เอกสารที่ร้องคัดค้านต่างๆ ที่ส่งเข้าไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น และเอกสารรายงานประชุมประชาคมเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนบ้านหนองแต้ หมู่ที่ 5 และ 6 ที่เคยใช้ประโยชน์ร่วมกันในที่ดินของรัฐ ประเภท “ทางสาธารณประโยชน์” และแปลง “ห้วยเม็กสาธารณประโยชน์” ด้วย ซึ่งเอกสารการทำประชาคมมีการสร้างหลักฐานเท็จ โดยการนำรายชื่อของผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมการทำประชาคมมาประกอบรายงานการประชุมขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านดง เพื่อเป็นมติของชาวบ้านในการอนุญาตให้บริษัทกระทิงแดงใช้พื้นที่สาธารณะห้วยเม็ก
จากนั้น นายไพบูลย์ ได้นำชาวบ้านทั้งหมด จำนวน 13 คน ไปแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันที่ สภ.อุบลรัตน์ เนื่องจากได้รับความเสียหายจากการที่ อบต.บ้านดง ที่นำรายชื่อไปใช้ในการทำประชาคม หรือประชาพิจารณ์ให้บริษัทเอกชนใช้พื้นที่ป่าสาธารณะ เมื่อวันที่ 13 มี.ค.58 โดยพบว่าชาวบ้านที่มีรายชื่อในเอกสารหลายคนไม่มีส่วนรู้เห็น และไม่ได้เข้าร่วมประชุมประชาคมครั้งนั้น รวมทั้งชื่อบางคนซ้ำกัน แต่ลายเซ็นไม่เหมือนกัน บางรายบ้านเลขที่ไม่ถูกต้อง ลายเซ็นในช่องบ้านเลขที่ หมู่ที่ บางคนเขียนแต่หมู่ที่ แต่ไม่เขียนบ้านเลขที่ จึงเข้าข่ายว่า อบต.บ้านดง ได้ทำการปลอมลายมือชื่อของผู้เข้าร่วมประชุมประชาคม
ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ในข้อหาปลอมแปลงลายมือชื่อ และจะมีการเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดมาทำการสอบสวนต่อไป.