ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ปิดตำนานหมอดูดังชาวเมียนมาร์ หลังสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อเวลา 04.20 น. วันที่ 10 ก.ย. 2560 “หมอดูอีที” หรือ “นางส่วย ส่วย วิน” หมอดูดังผู้มีชื่อเสียงระดับโลกชาวเมียนมาร์ เสียชีวิตด้วยวัย 58 ปี ภายในบ้านพักเมืองธิงอันจุน มยอเน นครย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์
ทั้งนี้ แม้ร่างกายจะพิการ นิ้วมือเท้าหงิก และมีปัญหาทางการพูด รวมถึงรูปลักษณ์ภายนอกอันเป็นที่มาของชื่อ “อีที” ตัวละครมนุษย์ต่างดาวจาก
ภาพยนตร์ดัง แต่หมอดูผู้นี้ก็มีชื่อเสียงโด่งดัง อาจเรียกว่าเป็นพรสวรรค์หรืออะไรก็ตาม ด้วยเป็นที่โจษขานถึงคำทำนายที่ประหนึ่งหยั่งรู้ราวกับมีพรายกระซิบ ซึ่งส่งผลให้ผู้คนทั่วสารทิศเดินทางไปพิสูจน์มาแล้วด้วยตัวเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนไทย ซึ่งหมอดูผู้นี้เคยมีคำทำนายเกี่ยวกับการเมืองของไทยในหลายวาระเป็นที่กล่าวขานอย่างมาก
หมอดูอีทีมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องการทำนายทายทักแม่นยำ มีบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงสังคมของไทยบินลัดฟ้าไปดูดวงด้วยเป็นจำนวนมาก แม้กระทั่งอดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนสถานะเป็นนักโทษหนีคดีก็ได้เดินไปดูดวงกับหมอดูอีทีจากคำบอกเล่าของ “มะตีตี้” หรือ “น.ส.ตี ตี วิน” น้องสาวซึ่งทำหน้าที่สื่อสารคำทำนายอันแม่นยำด้วยวิธีอ่านปากของหมอดูอีที
คำทำนายแม่นยำของหมอดูอีทีที่ได้รับการกล่าวขานเกี่ยวกับการเมืองไทย เป็นต้นว่า หมอดูอีทีเคยทำนายดวงชะตา “นช.ทักษิณ ชินวัตร” ก่อนเลือกตั้งปี 2555 ครั้งหนึ่งจะมีอำนาจรุ่งเรืองเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่ฟ้าไม่ปรานีต้องจรลีไปต่างถิ่นต่างแดน พร้อมแนะให้แก้เคล็ดเสริมดวงเพราะถึงคราวคราะห์ชะตาขาด ให้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ เพื่อต่อดวงชะตาที่กำลังจะขาดให้กลับคืนมา เริ่มจากท่องบทสวดมนต์ แล้วเดินวนรอบเจดีย์ชเวดากองไปทางซ้าย 3รอบ ขวา3 รอบ จากนั้นก็ต้องไปทำพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ชุดใหญ่ในถิ่นที่ทุรกันดาร ต่อมา นช.ทักษิณ เดินทางไปทัวร์นกขมิ้นภาคอีสาน ภาคใต้ และภาคเหนือ ซึ่งว่ากันว่าเป็นการแก้เคล็ดจากคำทำนายของหมอดูอีที
ต่อมา นช.ทักษิณ เดินทางกลับไปพบหมอดูอีทีอีกครั้งก่อนเกิดรัฐประหารยึดอำนาจ ปี 2549 มีการเปิดเผยคำทำนายว่าให้ นช.ทักษิณ อยู่นอกประเทศระหว่างวันที่ 8 -22 ก.ย. 2549 เพื่อหลีกเลี่ยงเคราะห์ร้าย ต่อมาวันที่ 19 ก.ย. 2549 คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย (คปค.) ได้ทำการรัฐประหารยึดอำนาจขณะอดีตนายกฯ ผู้นี้กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ที่สหรัฐฯ
หรืออย่างในเดือน ม.ค. 2556 โดยทำนายว่า ขณะนั้นเป็นจุดต่ำสุดของรัฐบาล “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” จะมีการต่อสู้กันเองของคนในประเทศไทย ส่งผลให้เกิดความสูญเสีย หลังจากนั้นประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จะเริ่มเข้าที่เข้าทางในปี 2557 ตลอดทั้งปีจะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านปรับปรุง และปี 2558 อดีตนายกฯ หญิง จะสูญหายไม่เหลือซาก ซึ่งในช่วงปี 2556 เริ่มมีการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลโดย กปปส. สอดคล้องกับคำทำนายที่ว่าจะก่อเกิดความสูญเสียและต่อสู้กันเองของคนในประเทศ ต่อมา ปี 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาทำการรัฐประหารหยุดยั้งเหตุขัดแย้งนำสู่การปฏิรูปประเทศ
มีข้อมูลเปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลที่ผ่านมา หมอดูอีทีทำรายได้จากการดูดวงได้กว่าเดือนละ 230 - 340 ล้านบาท หรือคิดค่าดูดวงคิดเป็นเงินไทย 30,000 บาท ใช้เวลาประมาณ 15 นาที มีผู้คนแห่แหนมาดูดวงอย่างเนืองแน่นโดยเฉพาะในแถบเอเชีย จีน สิงคโปร์ และไทย โดยลูกค้าล้วนแล้วแต่เป็นบรรดาไฮโซ ดารา นักธุรกิจ นักการเมือง ฯลฯ อาทิ พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง, พจมาน ณ ป้อมเพชร, นิรัตติศัย กัลย์จาฤกษ์ , ปิยะ เศวตพิกุล, ปนัดดา วงศ์ผู้ดี, พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ, กระแต อาร์สยาม ฯลฯ หรืออย่าง ไฮโซผิง - สุภาวดี ทัพมาลัย นักธุรกิจไทยซึ่งจัดกรุ๊ปทัวร์วีไอพีพาไปดูดวงกับหมอดูอีทีที่เมียนมาอีกด้วย
สำหรับวิธีการดูดวงของหมอดูอีที ซึ่งต้องเตือนก่อนว่าโปรดใช้วิจารณญาณในการเปิดรับข้อมูล ว่ากันว่าเพียงเห็นหน้าไม่ต้องบอกวันเดือนปีเกิด หมอดูอีทีก็สามารถบอกได้เลยว่าคนนี้ชื่ออะไร เกิดวันที่เท่าไหร่ เกิดที่ไหนโดยหมอดูอีทีจำทำการเพ่งมองไปบริเวณหิ้งพระทุกครั้ง พอมองเสร็จก็จะเขียนหรือพูดให้น้องสาวถ่ายทอดออกมา
นอกจากนี้ เรื่องราวของหมอดูอีทียังได้รับความสนใจจากวงการบันเทิงไทย นำมาสร้างโทรทัศน์ซีรีส์เรื่อง Extraordinary Gift เมื่อปี 2555 มีความยาว 8 ตอน ซึ่งหมอดูอีทีเคยเดินทางมาออกรายการทีวีในประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2556
พรสวรรค์ที่ย้อนแย้งกับสภาพร่างกายพิการของหมอดูอีที หลังจากหมออีทีอายุย่างเข้า 15 ปี เกิดอาการไม่สบายอย่างรุนแรง จู่ๆ ก็หูหนวกจากที่เคยพูดได้ก็กลายเป็นใบ้ซึ่งแลกมาด้วยญาณทิพย์ มะตีตี้ น้องสาวผู้รับหน้าที่สื่อสารคำทำนาย เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความพิเศษหยั่งรู้อนาคตของพี่สาวตนความว่า
“ตอนที่หูไม่ได้ยินเขากลับยิ่งได้พลังเยอะมาก เริ่มแสดงความมหัศจรรย์ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว พูดอะไรก็แม่นมาก เขาสามารถบอกได้ว่าใครคือโจร ใครคือขโมย ตอนที่แสดงให้รู้ว่าหมอดูอีดูดวงได้ก็คือตอนที่เขาอายุ 9 ขวบ แล้วลุงของเขามาที่บ้านบอกว่าแหวนหาย แล้วก็จะจับคนแถวบ้านไปให้ตำรวจเพราะเข้าใจว่าเป็นคนขโมย แต่ตอนนั้นหมอดูอีทีหูยังได้ยินอยู่ เขาก็บอกว่าคนนี้ไม่ใช่ขโมยนะ แหวนมันอยู่ในลิ้นชักในตู้นั่นแหละ ให้ไปดูดีๆ ลุงก็เลยกลับไปค้นดูแล้วก็หาเจอจริงๆ เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนรู้ว่าหมอดูอีทีมีฌาณพิเศษ
“หลังจากนั้นลุงก็กลับมาหาหมอดูอีทีอีก แล้วก็ให้หมอดูอีทีดูดวงให้ว่าตัวเองจะได้แต่งงานกับใคร เนื้อคู่เป็นใคร โดยที่ในใจก็มีคำตอบในใจอยู่แล้วว่าตัวเองชอบผู้หญิงที่เป็นไฮโซ เพราะลุงเป็นคนสนุกสนานเฮฮา ชอบไปปาร์ตี้ แต่หมอดูอีทีก็บอกว่าลุงจะได้แต่งงานกับคนบ้านนอก ลุงเขาก็ไม่เชื่อ แล้วมีวันนึงเขาก็ขับรถไปที่ภาคกลางของพม่า แล้วที่นั่นมีต้นตาล ไปกินน้ำตาลแล้วเมา ก็เลยมีคนแก่คนนึงพาไปที่บ้าน แล้วลุงก็ไปพบรักกับสาวบ้านนั้น ทุกคนก็เลยรู้ว่าหมอดูอีทีมีฌาณพิเศษตอนนั้น แต่พ่อก็กลัวว่าหมอดูอีทีจะเป็นอันตราย พ่อเขาก็เลยไม่อยากให้ดูหมอ ตอนที่พ่อเกษียณหมอดูอีทีก็บอกว่าจะเป็นคนหาเงินเลี้ยงครอบครัวเอง จึงได้มีหมอดูอีทีมาจนทุกวันนี้”
ส่วนคำทำนายสุดท้ายปิดตำนานหมอดูอีที เตือนให้ระวังภัยพิบัติน้ำท่วมและสงครามใหญ่ หลงเหลือไว้เพียงคำทำนายอันลือลั่นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเมืองของไทยในวาระที่ผ่านมา
ทว่า จากนี้ต่อไปการเมืองไทยจะเป็นไปในทิศทางใดโหราศาสตร์ยังมีคำตอบเสมอ โดยเฉพาะจากปากของ “โหร คมช.” วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ซึ่งไม่รู้ว่าจะทำนายแม่นหรือไม่แม่น แต่ที่แน่ๆ คือเวลานี้ ยึดตำแหน่งโฆษกตัวจริงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว