โจรเมืองกรุงเหิมหนักระเบิดตู้เอทีเอ็มหน้าเทสโก้โลตัส สาขากรุงเทพกรีฑา ก่อนลากกล่องบรรจุเงินขึ้น จยย. หลบหนีลอยนวล ผบช.น. ยันคนร้ายระเบิดตู้เอทีเอ็มเป็นวิธีพิเศษในการชิงทรัพย์และลงมือคนเดียวมีความเชี่ยวชาญด้านระเบิดพอควร เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด ไล่ล่าผู้ต้องสงสัยชายร่างท้วม พร้อมยืนยันไม่เกี่ยวกับขบวนการก่อการร้ายชายแดนใต้ ด้านแม่ทัพภาคที่ 1 ขออย่าด่วนสรุปโยงการเมือง ขอเวลาจนท.ทำงานอย่างรอบคอบ หวั่นถูกครหาจับแพะ
วานนี้ (13 ก.ย.) เมื่อเวลา 04.30 น. ร.ต.ท.กิติพงศ์ สุนทรวิภาต รอง สว.(สอบสวน) สน.ประเวศ รับแจ้งเหตุมีผู้ร้ายวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารกรุงเทพ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขากรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตประเวศ กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบ พร้อมมูลนิธิร่วมกตัญญู เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ.บช.น. โดยที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนกรุงเทพกรีฑา บริเวณลานจอดรถหน้าห้าง ใกล้กับประตูทางเข้าพบเศษเหล็กของตู้เอทีเอ็ม ธ.กรุงเทพ เสียหายแตกกระจัดกระจายอยู่ในรัศมี 15 เมตร
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เปิดเผยภายหลังประชุมความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการแบ่งและมอบหมายงานให้กับเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการสืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว ล่าสุดยังพบข้อมูลที่เกี่ยวกับเงินในตู้เอทีเอ็มที่มีอยู่ จำนวนกว่า 4 แสนบาท แต่คนร้ายได้เงินสดไปเพียง 314,100 บาท เนื่องจากพบว่ายังมีธนบัตรใบละ 500 บาท หลงเหลืออยู่ในที่เกิดเหตุอีกประมาณ 1 แสนบาท
โดยวัตถุประสงค์ของการก่อเหตุครั้งนี้ ให้น้ำหนักไปที่คนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์สิน เพราะเชื่อคนร้ายต้องการได้เงินในตู้เอทีเอ็ม ซึ่งการประทุษกรรมครั้งนี้ยอมรับเป็นวิธีพิเศษในการชิงทรัพย์ เพราะมีความแตกต่างไปจากที่อื่น เชื่อว่าคนร้ายมีความรู้ในเรื่องการประกอบระเบิดพอสมควร ก่อนจะมาลงมือก่อเหตุครั้งนี้ แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นคนกลุ่มไหน และยังไม่ตัดประเด็นอื่นทิ้ง
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า คนร้ายรายนี้ประสงค์ต่อทรัพย์สินเป็นหลัก และไม่อยากให้ประชาชนนึกถึงประเด็นการก่อการร้าย หรือ การสร้างสถานการณ์เพราะ จะมีการเบี่ยงประเด็นไป ซึ่งต้องขอเวลาหาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อเป็นหลักฐานในสำนวนสอบสวนต่อไป โดยสิ่งใดที่สงสัยก็ต้องตรวจสอบทั้งหมด เบื้องต้นต้องตีกรอบการสอบสวนให้กว้างแล้วค่อยให้แคบลงตามลำดับเพื่อให้ได้ตัวคนร้ายให้เร็วที่สุด
สำหรับเรื่องลักษณะคนร้ายนั้น จากการสอบพยานนั้นพบว่า ใช้ยานพาหนะค่อนข้างชัดเจน ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าคลิ๊ก สีดำ สภาพเก่า ไม่ติดป้ายทะเบียน
ส่วนกล้องวงจรปิดที่พบมีทั้งภายในห้างสรรพสินค้าและภายนอก โดยพบว่าคนร้ายใช้ช่วงก่อเหตุเวลาประมาณ 03.28 น. โดยใช้เวลา 5 นาที ตั้งแต่เข้ามาจนออกไป โดยการก่อเหตุครั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการสร้างสถานการณ์เลียนแบบพฤติกรรมคนร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้แน่นอน เนื่องจากวิธีการและแผนประทุษกรรมแตกต่างกันชัดเจน
พล.ท. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.กองทัพภาคที่1) กล่าวว่า เรื่องนี้ตนรอรับรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วข่าว ในการตรวจสอบเจตนาผู้ก่อเหตุจากภาพกล้องวงจรปิด ดังนั้นต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงานก่อน ส่วนจะเกี่ยวข้องกับประเด็นการเมืองหรือไม่นั้น ตนขอให้ตรวจสอบก่อน อย่าเพิ่งด่วนสรุป ขอให้ดูผลลัพธ์สุดท้ายของการสืบสวน เพราะอาจจะเป็นแค่การปล้นทรัพย์ ซึ่งตนยังไม่ได้สรุปเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งการระเบิดตู้เอทีเอ็มอาจตีความได้หลายอย่าง ขอย้ำว่าสื่ออย่าด่วนสรุปด้วย ผู้บังคับบัญชาเอง ก็กำลังประมวลจากข้อมูลต่างๆ หน่วยข่าวกรองและตำรวจ ก็กำลังเร่งดำเนินการ เพื่อจะรายงานให้ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทราบต่อไป
รายงานจากผู้เห็นเหตุการณ์แจ้งว่า รูปพรรณคนร้ายค่อนข้างท้วม อายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีดำ ใส่หมวกกันน็อกสีขาวเต็มใบ ใช้จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นคลิก ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นพาหนะ โดยขณะเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปฏิบัติหน้าที่อยู่เพียงคนเดียว
ขณะที่หน่วยงานเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) แจ้งว่า จากการตรวจสอบตู้เอทีเอ็ม พบแผงปุ่มกดตัวเลข และช่องเงินกระเด็นไปไกลกว่า 50 เมตร มีรอยแรงระเบิดจากบริเวณด้านข้างซ้ายของตู้เอทีเอ็ม ซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุด ลักษณะการระเบิดคือการสร้างแรงดันบริเวณนั้นเพื่อผลักให้กล่องเก็บเงินกระเด็นออกมาด้านหน้าอย่างง่ายดาย การลงมือในลักษณะนี้ได้คนร้ายต้องมีความรู้เรื่องตู้เอทีเอ็ม และระเบิดเป็นอย่างดี ส่วนระเบิดที่ใช้อาจเป็นซีโฟร์ หรือทีเอ็นที ที่มีอานุภาพทำลายล้างต่ำ
วานนี้ (13 ก.ย.) เมื่อเวลา 04.30 น. ร.ต.ท.กิติพงศ์ สุนทรวิภาต รอง สว.(สอบสวน) สน.ประเวศ รับแจ้งเหตุมีผู้ร้ายวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารกรุงเทพ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขากรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตประเวศ กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบ พร้อมมูลนิธิร่วมกตัญญู เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ.บช.น. โดยที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนกรุงเทพกรีฑา บริเวณลานจอดรถหน้าห้าง ใกล้กับประตูทางเข้าพบเศษเหล็กของตู้เอทีเอ็ม ธ.กรุงเทพ เสียหายแตกกระจัดกระจายอยู่ในรัศมี 15 เมตร
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เปิดเผยภายหลังประชุมความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการแบ่งและมอบหมายงานให้กับเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการสืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว ล่าสุดยังพบข้อมูลที่เกี่ยวกับเงินในตู้เอทีเอ็มที่มีอยู่ จำนวนกว่า 4 แสนบาท แต่คนร้ายได้เงินสดไปเพียง 314,100 บาท เนื่องจากพบว่ายังมีธนบัตรใบละ 500 บาท หลงเหลืออยู่ในที่เกิดเหตุอีกประมาณ 1 แสนบาท
โดยวัตถุประสงค์ของการก่อเหตุครั้งนี้ ให้น้ำหนักไปที่คนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์สิน เพราะเชื่อคนร้ายต้องการได้เงินในตู้เอทีเอ็ม ซึ่งการประทุษกรรมครั้งนี้ยอมรับเป็นวิธีพิเศษในการชิงทรัพย์ เพราะมีความแตกต่างไปจากที่อื่น เชื่อว่าคนร้ายมีความรู้ในเรื่องการประกอบระเบิดพอสมควร ก่อนจะมาลงมือก่อเหตุครั้งนี้ แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นคนกลุ่มไหน และยังไม่ตัดประเด็นอื่นทิ้ง
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า คนร้ายรายนี้ประสงค์ต่อทรัพย์สินเป็นหลัก และไม่อยากให้ประชาชนนึกถึงประเด็นการก่อการร้าย หรือ การสร้างสถานการณ์เพราะ จะมีการเบี่ยงประเด็นไป ซึ่งต้องขอเวลาหาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อเป็นหลักฐานในสำนวนสอบสวนต่อไป โดยสิ่งใดที่สงสัยก็ต้องตรวจสอบทั้งหมด เบื้องต้นต้องตีกรอบการสอบสวนให้กว้างแล้วค่อยให้แคบลงตามลำดับเพื่อให้ได้ตัวคนร้ายให้เร็วที่สุด
สำหรับเรื่องลักษณะคนร้ายนั้น จากการสอบพยานนั้นพบว่า ใช้ยานพาหนะค่อนข้างชัดเจน ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าคลิ๊ก สีดำ สภาพเก่า ไม่ติดป้ายทะเบียน
ส่วนกล้องวงจรปิดที่พบมีทั้งภายในห้างสรรพสินค้าและภายนอก โดยพบว่าคนร้ายใช้ช่วงก่อเหตุเวลาประมาณ 03.28 น. โดยใช้เวลา 5 นาที ตั้งแต่เข้ามาจนออกไป โดยการก่อเหตุครั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการสร้างสถานการณ์เลียนแบบพฤติกรรมคนร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้แน่นอน เนื่องจากวิธีการและแผนประทุษกรรมแตกต่างกันชัดเจน
พล.ท. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.กองทัพภาคที่1) กล่าวว่า เรื่องนี้ตนรอรับรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วข่าว ในการตรวจสอบเจตนาผู้ก่อเหตุจากภาพกล้องวงจรปิด ดังนั้นต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงานก่อน ส่วนจะเกี่ยวข้องกับประเด็นการเมืองหรือไม่นั้น ตนขอให้ตรวจสอบก่อน อย่าเพิ่งด่วนสรุป ขอให้ดูผลลัพธ์สุดท้ายของการสืบสวน เพราะอาจจะเป็นแค่การปล้นทรัพย์ ซึ่งตนยังไม่ได้สรุปเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งการระเบิดตู้เอทีเอ็มอาจตีความได้หลายอย่าง ขอย้ำว่าสื่ออย่าด่วนสรุปด้วย ผู้บังคับบัญชาเอง ก็กำลังประมวลจากข้อมูลต่างๆ หน่วยข่าวกรองและตำรวจ ก็กำลังเร่งดำเนินการ เพื่อจะรายงานให้ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทราบต่อไป
รายงานจากผู้เห็นเหตุการณ์แจ้งว่า รูปพรรณคนร้ายค่อนข้างท้วม อายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีดำ ใส่หมวกกันน็อกสีขาวเต็มใบ ใช้จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นคลิก ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นพาหนะ โดยขณะเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปฏิบัติหน้าที่อยู่เพียงคนเดียว
ขณะที่หน่วยงานเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) แจ้งว่า จากการตรวจสอบตู้เอทีเอ็ม พบแผงปุ่มกดตัวเลข และช่องเงินกระเด็นไปไกลกว่า 50 เมตร มีรอยแรงระเบิดจากบริเวณด้านข้างซ้ายของตู้เอทีเอ็ม ซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุด ลักษณะการระเบิดคือการสร้างแรงดันบริเวณนั้นเพื่อผลักให้กล่องเก็บเงินกระเด็นออกมาด้านหน้าอย่างง่ายดาย การลงมือในลักษณะนี้ได้คนร้ายต้องมีความรู้เรื่องตู้เอทีเอ็ม และระเบิดเป็นอย่างดี ส่วนระเบิดที่ใช้อาจเป็นซีโฟร์ หรือทีเอ็นที ที่มีอานุภาพทำลายล้างต่ำ