xs
xsm
sm
md
lg

ศาลยกเลิกคุ้มครอง‘เบสท์ริน’ ไฟเขียวขสมก.ยึดเงินประกัน338ล.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ศาลปค.สูงสุดไฟเขียว ขสมก. ยึดเงินค้ำประกัน 338 ล้านของเบสท์ริน กรณีผิดสัญญาส่งมอบรถโดยสารได้ เหตุหากที่สุดศาลชี้ ขสมก.ทำผิด สามารถสั่งชดใช้เยียวยาภายหลังได้ ด้านเบสท์ริน ก้มหน้ารับสภาพ รอผลคดีหลัก

วานนี้ (6 ก.ย.) ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น ที่กำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา สั่งให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ระงับการใช้สิทธิเรียกร้องเงินประกันจาก ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน ) ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาของ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด จำนวน 338,971,082 บาท จากกรณีบริษัทเบสท์รินฯ ถูกกล่าวหาผิดสัญญาการส่งมอบรถยนต์โดยสารปรับอากาศ 390 คัน ไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

โดยศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า กรณีการบอกเลิกสัญญาระหว่าง บริษัทเบสท์รินฯ กับ ขสมก. ยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ ข้อเท็จจริงในขั้นนี้ ยังไม่อาจรับฟังได้ว่า ขสมก.กระทำผิดสัญญา และเมื่อ ขสมก.บอกเลิกสัญญากับบริษัทเบสท์รินฯแล้ว ขสมก.ย่อมมีสิทธิริบหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาและเรียกให้ธนาคารผู้ค้ำประกันการปฏิบัติงานตามสัญญาของบริษัทเบสท์รินฯ รับผิดชดใช้เงินตามหนังสือค้ำประกันให้แก่ขสมก.ได้ เนื่องจากเป็นสิทธิของขสมก. ตามที่กำหนดไว้ในสัญญา และแม้ธนาคารผู้ค้ำประกันจะได้ใช้เงินตามหนังสือค้ำประกันให้แก่ ขสมก.และได้ใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาจากบริษัทเบสท์รินฯ ให้ชดใช้เงินดังกล่าวคืนให้แก่ธนาคาร ก็ตาม แต่หากต่อมาปรากฎข้อเท็จจริงว่า ขสมก. เป็นฝ่ายผิดสัญญา ศาลย่อมกำหนดคำบังคับใช้ ขสมก.ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัทเบสท์รินฯได้ ความเสียหายของบริษัทเบสท์รินฯ จึงไม่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลัง

นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงยังปรากฏอีกว่า ก่อนที่ศาลปกครองชั้นต้นจะมีคำสั่งกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาให้แก่ บริษัทเบสท์รินฯ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 60 ธนาคารไอซีบีซี(ไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาของบริษัทเบสท์รินฯ ได้ใช้เงินตามหนังสือค้ำประกันให้แก่ ขสมก.ไปแล้วจำนวน 338,971,082 บาท กรณีจึงเห็นได้ชัดเจนว่า ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ตามคำขอของบริษัทเบสท์รินฯ ศาลปกครองสูงสุด จึงไม่เห็นด้วย ที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งให้ ขสมก.ระงับการใช้สิทธิเรียกร้องเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาจากธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) ตามหนังสือค้ำประกันเลขที่ HOB28301B600284 ลงวันที่ 30 ก.ย. 59 จำนวน 338,971,082 บาท จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น จึงมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้ยกคำขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาในคดีนี้เสีย

นายวรพจน์ วณิชชานนท์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทเบสท์รินฯ กล่าวว่า ยอมรับในคำสั่งศาลวันนี้ จากนี้ก็ต้องผลในคดีหลัก หากบริษัทชนะ นอกจาก ขสมก.ต้องรับรถยนต์โดยสารของบริษัทไป ก็ต้องคืนเงินประกันที่ยึดไป รวมถึงต้องชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย ซึ่งการที่ทาง ขสมก.ยึดเงินค้ำประกันของบริษัท 300 กว่าล้านบาทไปจากธนาคาร ส่งผลเสียหายต่อสถานการณ์ทางการเงินของบริษัทพอสมควร ทั้งเรื่องเงินเดือนของบริษัท และ การดูแลพนักงาน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางบริษัทมีแนวความคิดที่จะยื่นฟ้อง เพื่อเรียกค่าเสียหายจากทาง ขสมก.และธนาคาร แต่กำลังปรึกษาว่าจะรอคดีหลักตัดสินก่อน หรือ ดำเนินการคู่ขนานไปเลย

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทางบริษัท ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาค่าดูแลรถโดยสารที่ ขสมก.ไม่ยอมรับมอบราวเดือนละ 1 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขที่คิดเมื่อครั้งที่ขสมก.ไม่ยอมรับรถ โดยบริษัทต้องดูแลส่วนนี้ไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด แต่ก็ได้มีการเรียกเป็นค่าเสียหายกับทาง ขสมก.ในสำนวนที่ฟ้องต่อศาลด้วย ซึ่งก็หวังว่าทางศาลจะกรุณาเร่งพิจารณาคดี เพราะยิ่งนานวัน ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องการเสื่อมสภาพของรถ แต่หากที่สุดศาลให้บริษัทชนะ สภาพรถเป็นอย่างไรทาง ขสมก. ก็ต้องรับไปตามนั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น