"ฝั่งขวาเจ้าพระยา"
"โชกุน"
ถ้าเปรียบการเล่นการเมืองของ นายทักษิณ ชินวัตร คือ การลงทุนทางธุรกิจ หรือ ลงทุนในตลาดหุ้น นายทักษิณ เป็นนักลงทุนที่ไม่ประสบความสำเร็จเอาเสียเลย ผลตอบแทนจากการลงทุนในรอบสิบปีที่ผ่านมา หักกลบลบกันกับ กำไรตอนเข้าตลาดใหม่ๆ ขาดทุนแทบไม่เหลืออะไรเลย
ล่าสุดก็ต้องกัดฟัน “cut loss” ตัดสินใจให้น้องสาว ยิ่งลักษณณ์ ชินวัตร หลบหนี ไม่อยู่รับฟังคำพิพากษาคดี ปล่อยปละละเลย ให้มีการทุจริต ในโครงการรับจำนำข้าว เพราะประมวลจากพยานหลักฐานที่นำสืบต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ชัดเจนว่า ไม่สามารถหักล้าง ข้อกล่าวหา พยานหลักฐานของอัยการโจทก์ได่เลยแม้แต่น้อย
การหลบหนีคดีของ นส. ยิ่งลักษณ์ นับว่า ส่งผลสะเทือนอย่างุรนแรงต่อ พรรคเพือ่ไทย และบรรดามวลชนคนเสื้อแดง ที่จงรักภักดีต่อทักษิณมาโดยตลอด นอกจาก ความรู้สึกผิดหวัง ที่ถูกหลอกมาโดยตลอดว่า จะไม่หนี ลี้หน้าไปไหน จะเดินขึ้นศาลต่อสู้คดิอย่างองอาจ สมกับ ที่อุปโลกน์ให้เป็น วีรสตรีประชาธิปไตย ยังเกิดความรู้สึกหวั่นไหว ไม่มั่นคงว่า พรรคเพื่อไทย จะเป็นอย่างไรต่อไป นับจากนี้
พรรคเพื่อไทย ออกแลถงการณ์สั้นๆ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า
“ ปัญหาอุปสรรคอันหนักหนาที่พรรคกาลังเผชิญอยู่นั้น ยิ่งทำให้พรรคสมาชิก และผู้สนับสนุนมีความรัก ความสามัคคี และมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ที่จะมุ่งมั่นทำงาน เพื่อให้สังคมไทยมีสันติสุข ประชาชนมีเศรษฐกิจที่ดี และได้รับประโยชน์สุข ต่อไป
จากนี้พรรคเพื่อไทยจะยังคงดำรงความเป็นพรรคการเมืองเพื่อประชาชน ที่จะสร้างความเข้มแข็ง และโอกาสในชีวิตให้แก่ประชาชนต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ
พรรดเพื่อไทยจะยังคงมุ่งมั่นในภารกิจต่างๆ อย่างแน่วแน่ ไม่เปลี่ยนแปลง”
ที่สุดแล้ว อนาคตของพรรคเพื่อไท ยจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับทักษิณคนเดียวว่า จะลงทุนในตลาดการเมืองต่อไปหรือไม่ เพราะพรรคเพื่อไทย เป็นของทักษิณ
สิบปีที่ผ่านมา เป็าหมายสุงสุดของทักษิณคือ ลบล้างความผิดของตัวเอง กลับบ้านอย่างผู้ชนะ ด้วยการเชิดน้องสาว เป็นหุ่นแทนตัว ในตอนแรกก็ดูเหมือนแผนการจะไปได้ด้วยดี พรรคเพื่อไทย ยึดกุมอำนาจทุกๆด้านไว้ในมือ ยากที่จะหาฝ่ายใดมาต้านได้ กลไกรัฐทุกภาคส่ว นต่างยอมสยบรับใช้
แต่แล้ว ทุกอย่างก็พังทลายลง เมื่อทักษิณตัดสินใจพลาด ประเมินความเสี่ยงผิด เร่งเกมนิรโทษกรรมให้กับตัวเอง จนขาดทุนป่นปี้ นอกจากตัวเองจะไม่ได้ลบล้างความผิด กลับบ้านอย่างเท่ห์ๆแล้ว ยังพลอยลากเอาน้องสาวมาตกชะตากรรรมเดียวกับตัวด้วย คือ เป็นนักโทษหนีคดี
ภารกิจของพรรคเพือ่ไทย หากทักษิณยังคงลงทุนต่อไป จะหนักหนายิ่งกว่า พรรคเพื่อไทย ในยุคที่ยิ่งลักษณ์เป็นหุ่นเชิด ที่ช่วยพี่คนเดียวยังเอาตัวไม่รอด คราวนี้ ต้องช่วยทั้งพี่ทั้งน้อง จะสำเร็จหรือ นี่คือ เรื่องที่ทักษิณต้องประเมินปัจจัยเสี่ยง ที่จะนำไปสู้ความล้มเหลว ก่อนที่จะตัดสินใจว่า จะลงทุนในพรรคเพื่อไทยต่อไปหรือไม่
อนาคตของพรรคเพือไทย ไม่ได้ขึ้นกับทักษิณคนเดียว เขาเป็นเจ้าของพรรคก็จริง แต่ที่ผ่านมาก็มีหุ้นส่วน ที่เข้ามาร่วมลงขุนในพรรคนี้ ทั้งหุ้นส่วนที่เป็นเครือข่ายทางการเมือง มุ้งต่างๆในพรรคที่ มีฐานการเมืองของตน และหุ้นส่วนที่เป็นกลุ่มทุน ลงขัน เพื่อผลประโยชน์ เพื่อแลกกับตำแหน่งรัฐมนตรี
หุ้นส่วนเหล่านี้ ย่องจะต้องประเมิน ความเสี่ยง จากการร่วมลงทุนในพรรคเพือ่ไทยต่อไป เพราะมีตัวอย่างให้เห็นแล้วว่า ประสบชะตากรรมอย่างไร ไม่ติดคุกติดตะราง ก็ต้องหลบหนีไปอยู่ต่างแดน
จะเหลือใครสักกี่คน ที่จะร่วมหัวจมท้ายไปกับพรรคเพื่อไทย จะเหลือก็แต่คนในบ้าน ที่ร่วมกันมาตั้งแต่แรก และยังภักดีต่อ บ้านจันทน์ส่องหล้า ซึ่งไม่มีศักยภาพที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้พรรคเพื่อไท ย หรือแม้แตจะเป็นหุ่นเชิดแบบยิ่งลักษณ์ ที่สร้างคะแนนนิยมในระดับมวลชนรากหญ้าได้
จะเอาคนในตระกูล ชินวัตร ดามาพงศ์ วงสวัสดิ์ ก็คงต้องคิดหนักว่า จะลากเอาพี่น้อง เครือญาติ มาติดคุก ติดตะรางอีกแล้วหรือ
พรรคเพื่อไทย แม้ไม่มียิ่งลักษณ์เป็นหุ่นเชิดแล้ว มีโอกาส จะชนะการเลือกตั้ง ที่จะมีขึ้นปลายปีหน้า ถ้าทักษิณตัดสินใจลงทุนต่อ แต่ยากที่จะได้จัดตั้งรัฐบาล เพราะกลไกต่างๆที่ถูกออกแบบมาในรัฐธรรมนุญ จะทำให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก 4 ปี
กว่าจะถึงเลือกตั้งปีหน้า กว่าที่ กองทัพจะวางมือจากการเมือง กว่าจะถึงวันนั้น พรรคเพือ่ไทย จะเป็นอย่างไร ??