xs
xsm
sm
md
lg

‘ปูหนี’ ปฏิบัติการลับน้ำตื้น

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์


ดราม่าน้ำเน่า “ปูหนี” ไม่เป็นเรื่องสายลับสายลึกล้ำซับซ้อนมากมาย แม้จะมีมิติแห่งความประหลาดใจอยู่บ้าง ร่องรอยของความเป็นไปได้ที่เธอจะเผ่นเริ่มเห็นได้ตั้งแต่เธอบอกให้ขบวนการกุหลาบแดงว่าไม่ต้องมาศาลแล้ว มาแล้วจะเก้อ ไม่เจอเธอแน่!

อ้างเรื่องความมั่นคงนั่นนี่โน่นเพื่อประกอบฉากการหนี ถ้าจะมีเงื่อนงำก็คือ เธอหนีเมื่อไหร่ เดินทางอย่างไร ใครพาหนี การหนีอย่างฉุกละหุกเป็นเพราะมีอะไร “รั่วซึม” ทำให้มีการบีบให้หนีหรือไม่? ไม่น่าใช่ “เปิดทางให้หนี” โดยคนของรัฐไม่ช่วย

ไม่ต้องสงสัยมาตั้งคำถามแบบคนบ้องตื้นปัญญาอ่อนว่า “ฝ่ายความมั่นคงรู้เรื่องมั้ย?” “รู้เห็นเป็นใจมั้ย” “พาหนีด้วยมั้ย” โครงสร้างของพล็อตดราม่าน้ำเน่าบอกอยู่ในตัวหลังจากการหนี สรุปง่ายๆ “อะไรที่คิดว่าน่าสงสัย ก็ไม่ต้องสงสัย” ใช่แน่!

ป้าดโธ่! ดูปฏิกิริยาภาษากายของผู้ใหญ่ผู้โตแต่ละคนซิ เห็นชัดว่าไม่มีความเนียนลออเลย เพราะรู้อยู่แล้วว่าถ้าหนีไปก็ต้องมีคนซักไซ้ถามไถ่ รุกเอาคำตอบ ดังนั้นต้องตีหน้าเซ่อเบ๊อะบ๊ะ ทำเป็นหูตาเหลือกพองแต่พองาม เฉไฉไขสือบื้อด้าน

สังเกตดู ไม่มีใครคำรามออกท่าทางยักษ์มารโมโหโกรธา เป็นงิ้วพิโรธ เพราะยิ่งทำอย่างนั้นก็ยิ่งไม่เนียน ยุคนี้คนรู้ทันมีเยอะ ผู้ใหญ่ผู้โตก็รู้อยู่ การดันทุรังแกล้งทำเซ่อนานๆ จะทำให้ชาวบ้านเอียน แค่นี้ก็เสียหน้าสิ้นท่า อายแทบมุดรูหนีตามปูแล้ว

เอาเถอะ! รู้ๆ อยู่ว่าคดีอาญาคุณน้องปูโฉมสะคราญจากดินแดนล้านนานั้น เป็นเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอติดคุกก็เป็นเรื่อง เธอหลุดก็เป็นเรื่องแน่ ยิ่งเกิดหลังจากคดีพิสดารชายตู้เย็น เจ้าหน้าที่ไม่มีเจตนาพิเศษทำให้คนเจ็บตายด้วยแล้ว

...และถ้ายังจะมีความมหัศจรรย์ อภินิหารทางกฎหมายอีกรอบ ก็ยิ่งจะทำให้สังคมทั้งในและต่างประเทศมองด้วยความสงสัย รัฐบาลจะถูกมองเรื่องธรรมาภิบาลกระบวนการยุติธรรมถูกเพ่งเล็งด้านความน่าเชื่อถือ อนาคตบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร

ดังนั้นจะให้นายกฯ ของประเทศไทยติดคุกไม่ได้ จะเป็นต้นแบบให้นายกฯ คนต่อไปต้องติดคุกได้เช่นกัน โดยเฉพาะพวกที่นั่งบนหลังเสือ แล้วบอกว่าไม่ได้นั่งนั่นแหละ การให้โฉมสะคราญหนีไปได้ ก็เป็นการดึงดุ้นฟืนท่อนใหญ่ออกจากกองไฟ

ถ้ามีประเด็นพลิกความคาดหมายก็คือโทษจำคุกที่ขบวนการ “บุญทรง” ได้รับนั้นสาหัส ยังมีคดีแบบเดิมรออยู่อีก ทั้งยังเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ อะไรต่อมิอะไร ถ้าไม่ตายเสียก่อน โอกาสที่จะได้พ้นคุกเห็นเดือนเห็นตะวันเต็มตาอีกครั้งต้องอีกหลายปีแน่

ยิ่งถ้ามีใครไปกระซิบแกมขู่แม่นางปูว่า “ถ้าไม่ไป โทษหนักนะ” ก็ทำให้เธอถูกบังคับให้ตัดสินใจ เลิกหวังจะเป็นวีรสตรีผู้กล้าเดินหน้าบานขึ้นศาลเหมือนเห็ดที่ปลูก บอกแล้วว่าเธอ “ไม่ต้องการความยุติธรรม” เธอ “ต้องการหลุดรอดจากคดี” ต่างหากการจะติดคุกหวังรออุทธรณ์ ถ้าโดนลงนั้นน่าจะไม่สนุก โอกาสที่จะได้รับการประกันตัวเป็นเรื่องยาก ถ้าระยะเวลาติดคุกยาวในฐานะผู้สั่งการนโยบายจำนำข้าว เมื่อฝ่ายผู้ใหญ่ผู้โตให้เธอหนีไป ถือว่ามีแต่ได้กับได้ หยุดกระแสวีรสตรีผู้ถูกรังแกได้

เธอหนี หรือถูกบีบให้ต้องหนีก่อนอ่านคำพิพากษา ถือเป็นผลลบอย่างแรงต่อเธอและท่านเหลี่ยม ทำให้ขบวนการเผาบ้านเผาเมือง โกงบ้านกินเมืองเสียโอกาสจะกลับมาโดยง่าย หนีไปอยู่ต่างประเทศเป็นผู้ลี้ภัยหรืออะไรก็แล้วแต่ คุณท่านก็อยู่ยาว

แต่ขั้นตอนของบ้านเมืองก็ยังต้องมี เรื่องนี้จะผ่านไปเฉยๆ ไม่ได้ ฝ่ายความมั่นคงต้องหานิทานมาเล่าให้ชาวบ้านฟัง แม้จะไม่ง่ายเพราะมีปัญหาความน่าเชื่อถือ

อะโธ่! แค่คำถาม “ใครต้องรับผิดชอบไม่ทราบ?” ก็ไปไม่เป็น ต้องเล่นลีลาบื้อใบ้ แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำถามบ้าง แสดงอาการคล้ายอารมณ์จะเสีย ว้ากเพ้ย เป็นลูกเล่นเน่าๆ บ้าง ชาวบ้านดูด้วยความสมเพช อยากรู้ว่าจะเล่นบทด้านนานแค่ไหน

ดูซิ! จำเลยในคดีสำคัญหนีคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ทุกหมู่เหล่าไม่คึกคักดูไม่กระตือรือร้น ไม่ไล่ติดตามจับกุมทันควัน หน่วยรักษากฎหมายต่างๆ เงียบเป็นเป่าสาก ไม่เสนอหน้าแสดงความเห็นว่าแผนติดตามตัวเป็นอย่างไร ต่างหนีหน้าผู้สื่อข่าว

แปลกมั้ย? ไม่มีใครเร่งติดตามดูเส้นทางการหนีของแม่นางว่าออกจากวัดระฆังไปไหน ออกจากบ้านกี่โมง ไปทางไหน รถอะไร ทะเบียนอะไร เคยคุยโขมงโฉงเฉงว่ากล้องวงจรปิดใน กทม. มีมากกว่าตาสับปะรด ติดอันดับโลกเท่ากรุงลอนดอน ปักกิ่ง!

ย้อนไปมองช่วงการเตรียมรับมือมวลชนกุหลาบแดงซิ โอ้โฮ! ออกอาการจะเป็นจะตายยิ่งกว่าเกาหลีเหนือจะยิงจรวดใส่เกาะกวม ต้องระดมเจ้าหน้าที่มากถึง 4 พันนาย เอามาล้อมทุกจุด ระวังจุดสูงข่ม มดจะตด แมลงวันจะฉี่ในพื้นที่ ก็ไม่ได้

ที่น่าพิสดาร เจ้าหน้าที่แตงโม มะเขือเทศ พร้อมต้อนรับ “พ่อแม่พี่น้องที่มาให้กำลังใจแก่ท่านอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์” ด้วยอาหาร น้ำดื่ม ผ้าเย็น ขนม และรถสุขา ในท่าทีอัธยาศัยไมตรีอันดียิ่ง มีกองร้อยน้ำหวานคอยยิ้มหวานสำหรับพวกแม่ยก

ตำรวจมาไกลจากภาคใต้ ใกล้ๆ บ้าง แต่ไม่มีมาจากภาคอีสาน ที่น่าหัวเราะก็คือ เจ้าหน้าที่กระซิบบอกว่าโอกาสระดมพลเยอะแบบนี้หายาก ตั้งแต่เลิกปิดล้อมสำนักธรรมกายของหน้าขาวปากแดงแข้งดำ ก็ยังไม่มีกิจกรรมเป็นกอบเป็นกำอีกเลย

อ๊ะ! อย่าลืมงบข้าวกล่องเป็นอันขาด มีทั้งให้เจ้าหน้าที่ และ “พ่อแม่พี่น้อง” ทั้งหลายนั้นต้องเบิกงบหลวง รายจ่าย 3 วันแม้จะสั้น ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไร ทำให้เกิดกระแสเงินหมุนเวียน ผันงบหลวงไปสู่พ่อค้า แม่ค้า กระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่รั่วไหลแน่

ผู้ใหญ่ผู้โตมีแต่ได้กับได้ ทนคนด่าสักพักเดี๋ยวก็มีเรื่องอื่นมากลบ เจื้อผมเต๊อะ!
กำลังโหลดความคิดเห็น