xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**“บุญทรง-ภูมิ”ยังไม่ไปไหน มาศาลตามนัด 25 ส.ค.แน่ เหตุมีจำเลยคดี จีทูเจ๊ 26 ราย ขาดไปคนเดียวก็ต้องเลื่อนอ่านไปอีก 30 วัน ยังมีเวลาเลือกโกอินเตอร์อีกหลายวัน

ยังอยู่นะจ๊ะ เมื่อวาน "บุญทรง เตริยาภิรมย์" อดีตรมว.พาณิชย์ หนึ่งในจำเลยคดีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี ให้สัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ ยืนยันว่า จะเดินทางไปฟังคำตัดสินด้วยตนเอง ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง .. ท่ามกลางกระแสข่าวว่า เปิดแน่บไปพร้อมกับ "ภูมิ สาระผล" อดีต รมช.พาณิชย์ ที่เป็นจำเลยที่ 1 ในคดีเดียวกันไปเรียบร้อยโรงเรียนเจ๊แล้ว .. ที่ข่าวหนาหูว่าทั้งคู่เตรียมแพ็กกระเป๋าโกอินเตอร์ ก็เพราะหลายสำนักฟันธงว่า หากไม่รีบโกอินเตอร์ ก็คงต้องโกซังเต เพราะคดี“จีทูเจี๊ยะ -จีทูเจ๊" มันจ้าซะเหลือเกิน .. ทว่าในเมื่อยังมี "การ์ดอุทธรณ์" ให้เปิดหลังศาลอ่านคำพิพากษาเรียบร้อย หากมีความผิด ก็ขออุทธรณ์ พร้อมขอประกันตัวได้ ซึ่งเป็นไปตามดุลพินิจของศาล .. แต่ก็อีกแหละ ยังมั่นใจว่า“บุญทรง–ภูมิ”คงไปศาลตามนัด ก็ด้วยคดี จีทูเจ๊ มีจำเลยยุ่บยั่บร่วม 28 คน ..เป็น นักการเมือง-ข้าราชการพลเรือน 6 ราย ไล่ตั้งแต่“บุญทรง–ภูมิ”แล้วยังมี “หมอโด่ง”พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ มนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ และ อัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือ ทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ และ อดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ .. ในกลุ่มนี้มี “หมอโด่ง”ที่ว่ากันว่าเป็นคีย์แมนคนสำคัญคนเดียวเท่านั้นที่ ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว จนศาลออกหมายจับ และจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ชั่วคราว )
นอกเหนือจาก 6 จำเลยที่ว่านี้แล้ว ยังมีจำเลยในส่วนของเอกชนอีก 22 ราย ซึ่งมีคีย์แมนอย่าง “เสี่ยเปี๋ยง”อภิชาติ จันทร์สกุลพร ที่ตอนนี้อยู่ในเรือนจำอยู่แล้วร่วมอยู่ด้วย ขณะที่ สุธี เชื่อมไธสง ที่มีชื่อเป็นจำเลยที่ 16 ก็หลบหนีคดี ศาลออกหมายจับ จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราเช่นกัน .. ด้วยตัวเลขจำเลยที่มากถึง 20 กว่าคนนี้ ทำให้การอ่านคำพิพากษาในส่วนของคดี จีทูเจี๊ยะ ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ ทำท่าจะกร่อย เพราะมีข้อกำหนดว่า หากจำเลยมาไม่ครบ คือ 26 คน จากทั้งหมด 28 คน ตัดคนที่หลบหนีไป 2 คน ถ้าไม่ครบ 26 คน ศาลก็จะออกหมายจับคนที่ขาด และเลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปอีกไม่เกิน 30 วัน หากครั้งที่ 2 ยังมาไม่ครบ ก็จะมีการอ่านคำพิพากษาลับหลังได้เลย .. จนเชื่อว่า วันที่ 25 ส.ค.นี้ ไม่ใครก็ใครใน 26 คนนี้ คงล่องหน จนอาจจะอ่านคำพิพากษาไม่ได้นั้นเอง .. แล้วก็เป็นสิ่งยืนยันว่า“บุญทรง–ภูมิ”ยังไม่ไปไหนนะจ๊ะ .. ส่วนคดีหลังของ“หนูปู”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อันนั้นมีจำเลยหน่อเดียว เพียวๆ มาไม่มา ก็ตามอัธยาศัย ไม่ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ .

** สรุปเป็น“กรม ปภ.”สั่งซื้อ ฮ.ปักเป้า จุ๋มจิ๋มแค่ 2 ลำ ลุยภารกิจการกู้ภัย แถมเงื้อง่า เชิญผู้ผลิตหลายประเทศร่วมประมูลเพื่อความโปร่งใส ไม่นำพาวิชาชอปปิ้งยุทโธปกรณ์แบบ“ป๋าป้อม”มาเลย

วันก่อนออกตัวแรงไปนิ๊ส .. กับรายงานข่าวว่าที่ว่า"กองทัพไทย" เตรียมสั่งซื้อ เฮลิคอปเตอร์ Ka-32A11BC อากาศยานปีกหมุนยอดนิยมจากประเทศรัสเซีย .. ก็พาลไปนึกถึง “ป๋าป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ที่เคยเดินทางไปสหพันธรัฐรัสเซีย เมื่อปีกลาย ก็เลยนึกว่าคงมีคนในรัฐบาลนี้เสพติดการชอปปิ้งอาวุธยุทโธปกรณ์ไปซะแล้ว .. ก่อนมีเฉลยออกมาจาก ฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ว่า ที่แท้โครงการจัดซื้อ ฮ. Ka-32A11BC มีอยู่จริง แต่ไม่ใช่ของกองทัพ เป็น ปภ.ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขั้นตอนการประกาศประกวดราคา โดยจะมีการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าว 2 ลำ เป็นงบผูกพัน 3 ปี เพื่อภารกิจการกู้ภัย ไม่ใช่ให้ใครเกรงใจ .. ที่ดูจะต่างไปจากโครงการซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพ ก็คือการที่ ปภ.ได้เชิญผู้ผลิตจากประเทศต่างๆ ทั้งในยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น รัสเซีย มาร่วมประมูลด้วย เพื่อให้มีการแข่งขันอย่างโปร่งใส
วันก่อนแม้จะตำหนิ แต่ก็บอกว่า หาก “รัฐบาลทหาร”ใช้งบประมาณไปซื้อ "เจ้าปักเป้า" ฮ. สัญชาติรัสเซีย ที่มีความโดดเด่นในเรื่องภารกิจการกู้ภัยซักฝูง สองฝูง น่าจะดีกว่าไปละลายน้ำซื้อ“เรือดำน้ำ”ที่ยังไม่รู้จะเอาไปใช้ประโยชน์อะไร นอกจากแอ็กอาร์ต ให้เพื่อนเกรงใจ ..
พอออกมารูปนี้ เป็น ปภ.ที่จะสั่งซื้อ และซื้อจุ๋มจิ๋มแค่ 2 ลำ ตามความจำเป็น ไม่ต้องไป “หน้าใหญ่”เหมาฝูงเหมือนใครเขา ก็ดูสมเหตุสมผลพอฟังได้ .. แต่ถ้าจะให้ดีเวลามีภัยพิบัติ ทางปภ. ก็น่าจะลองขอกำลังเสริมจาก ฮ.Mi-17V5 สัญชาติรัสเซีย ที่ “ป๋าป้อม”อุตส่าห์ไปดูตัวถึงแดนหมีขาว ก่อนสั่งซื้อ และส่งมอบให้ไทยมาแล้ว 6 ลำ เป็นล็อตแรก .. ก็เขาว่ากันว่า ฮ. Mi-17V5 สัญชาติรัสเซีย ที่ประจำการในกองทัพ ก็มีความโดเด่นในภารกิจ “ลำเลียง-กู้ภัย”ได้ดีไม่แพ้เจ้าปักเป้า เหมือนกัน

** โกงฝังราก ขรก.ไทย แก๊งเบิกโอที การท่าเรือฯ 10 ปี ยักไป 3.3 พันล้านบาท ร่วมด้วยช่วยกัน ตั้งแต่ระดับ ผอ.ยันพนักงาน กว่า 560 ชีวิต

น่าตกใจไม่น้อยกับข่าว เรื่องร้องเรียนของกลุ่มพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ที่ได้ยื่นหนังสือต่อ ดีเอสไอ เพื่อให้ตรวจสอบกรณีทุจริตการเบิกจ่ายค่าตอบแทนล่วงเวลา (โอที) แก่พนักงานที่ไม่เป็นไปตามจริง ตั้งแต่ปี 2556 .. จน “บอร์ดคดีพิเศษ”มีมติรับเป็นคดีพิเศษ เมื่อปี 2557 และเพิ่งรวบรวมพยานหลักฐาน-สรุปสำนวน ส่งให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เมื่อไม่กี่วันก่อนในปี 2560 นี้เอง .. ที่ว่าน่าตกใจไม่ใช่เรื่องระยะเวลาการทำคดีของ ดีเอสไอ ที่ปาเข้าไปร่วม 4 ปี เพิ่งคืบหน้า .. แต่น่าตกใจว่า คดีการทุจริตการเบิกจ่ายค่าตอบแทนล่วงเวลา (โอที) แบบเหมาจ่าย แก่พนักงานการท่าเรือ เมื่อปี 2557 นั้น มีมูลค่าความเสียหายกว่า 3.3 พันล้านบาท .. อีกทั้งความเสียหายที่ถูกระบุถึงนั้น เป็นมูลค่าที่เกิดในช่วงปี 2544-2545 จนถึงปี 2555 เท่านั้น
จากการสอบสวนของดีเอสไอ พบว่า มีพนักงานการท่าเรือฯร่วมกันทุจริตจริง .. มูลค่าความเสียหายตกปีละ 3-400 ล้านบาท รวมๆ แล้วร่วม 10 ปีอยู่ที่ 3.3 พันล้านบาท .. โดยมีระดับผู้อำนวยการกอง 9 คน ผู้อำนวยการสำนัก 1 คน ผู้ช่วยผู้อำนวยการ 1 คน เกี่ยวโยงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 560 คน .. เรียกว่า โกงกันเป็นขบวนการ โดยวิธีการเขียนข้อความในเอกสารเบิกค่าโอที ว่าได้มีการปฏิบัติงาน แต่ความจริงแล้วไม่ได้มีการทำงานล่วงเวลาจริง .. ข่าวว่า "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" รมว.คมนาคม ก็มีข้อมูลอยู่ในมือเรียบร้อย ก็ต้องดูว่าด้วยความเป็นข้าราชการเก่า จะเด็ดขาด ถอนรากถอนโคน แก๊งโคตรโกงที่ว่านี้หรือไม่ .. เพราะเชื่อเถอะ ถึงมีคดีอยู่ แต่ตอนนี้ก็เบิกโอทีไม่ตรงความจริงกันสนุกสนานเหมือนเดิม
นี่แค่หน่วยงานเดียว แล้วถ้ามีการเอาผิดวินัย-อาญา กันขึ้นมาจริงๆ “การท่าเรือฯ”คงแทบไม่เหลือคนทำงานกันเลยทีเดียวเชียว .. หากลามไปหน่วยงานอื่น แค่เรื่องทุจริตเบิกโอที ทีนี้สถานที่ราชการคงร้างไปหลายแห่ง .. เรื่องแบบนี้เป็นความเน่าเฟะของระบบข้าราชการไทย ทั้งเรื่องการเบิกโอที ที่เวอร์เกินจริง ซึ่งก็ไม่แปลกที่จะมียอดมนุษย์อย่าง “นายสถานีรถไฟ”ที่เบิกเงินโอที เดือนเดียวร่วม 1 แสนบาท จากการ“ลงชื่อ”ทำงานติดต่อกัน 24 ชั่วโมง ร่วมเดือน .. หรือประเภทเบียดบังเวลาทำงาน ชนิดเข้างาน 9 โมง เริ่มงาน 10 โมง 11 โมง หุงข้าว พักเที่ยงกลับมาบ่ายกว่า บ่าย 3 เริ่มแต่งหน้า บ่าย 4 เลิกงาน อะไรแบบนี้ก็ยังมีให้เห็น .. กระทั่งการใช้ “ของหลวง”เป็น “ของส่วนตัว”รถบางคันแปะสติกเกอร์ "ใช้ในราชการ" ตัวเบ้อเริ่ม ก็เอามาใช้จ่ายตลาดบ้าง รับส่งลูกเมียบ้าง ร้ายกว่านั้น ยังมีประเภทเอารถหลวงไปขนของผิดกฎหมายก็มี .. ถ้าให้ลากไส้กัน ก็ยังมีอีกเยอะ นะท่าน.

ช.ชฎา

รูป-บุญทรง เตริยาภิรมย์
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ฉัตรชัย พรหมเลิศ
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
กำลังโหลดความคิดเห็น