ผู้จัดการรายวัน360- "บิ๊กตู่" คอนเฟิร์มเยือนสหรัฐฯ เดือนต.ค.นี้ เผย"ทรัมป์" ไม่ได้ตั้งเงื่อนไขลดความสัมพันธ์ ยันไทยปฏิบัติตามกรอบสหประชาชาติ-อาเซียน บอกต่างชาติไม่เชิญไปเยือน ไม่ใช่รังเกียจ แต่ติดปัญหาข้อกฎหมาย ขณะที่ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ เข้าพบนายกฯที่ทำเนียบฯ บอกหวังว่า จะได้มีโอกาสต้อนรับนายกฯ และคณะ ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในเร็วๆนี้
วานนี้ (8ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงความคืบหน้าการเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ ว่า เบื้องต้นคาดว่าจะเดินทางไปในเดือนต.ค.นี้ ซึ่งทางนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไม่ได้ตั้งเงื่อนไขลดความสัมพันธ์อะไร เนื่องจากไทยเป็นประเทศหนึ่งที่เป็นมิตรกันมายาวนานนับร้อยปี ฉะนั้นเรื่องการหารือ การแลกเปลี่ยนความเห็นซึ่งกันและกัน ท่าทีต่างๆ เราก็แสดงชัดเจนไปแล้ว เราปฏิบัติตามมติพันธะกรณีต่างๆ ของสหประชาชาติ ที่มีอยู่ พร้อมทั้งได้มีการประกาศท่าทีชัดเจนไปในกรอบอาเซียนด้วยแล้ว เรื่องนี้อย่าให้มาเป็นเงื่อนไขกันเลย
สำหรับการหารือกับ นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯ ในช่วงบ่าย(8 ส.ค.)นั้น เหตุผลที่นายเร็กซ์ เดินทางมาเพื่อประชุมระดับกระทรวงการต่างประเทศอาเซียนกับสหรัฐอเมริกา จึงถือโอกาสมาพบปะ พูดคุยประเด็นการเตรียมความพร้อม ในการพบปะระหว่างตน กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในระยะเวลาอันใกล้นี้ รวมถึงการหารือความร่วมมือในทุกด้าน
ส่วนกรณีที่ตนได้พูดว่า มีบางประเทศไม่เชิญไปเยือนอย่างเป็นทางการนั้น ขอให้เข้าใจว่า มี 2 อย่าง ถ้าเป็นเรื่องการประชุม เช่น การประชุมอาเซียน การประชุม จี 7 การประชุม จี 20 การประชุมเกี่ยวกับเรื่องโลกร้อน การประชุมสหประชาชาติ เป็นต้น ตนเดินทางไปได้หมด รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย แต่ถ้าเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการ ตนไปไม่ได้ เพราะเป็นผู้นำรัฐบาลแบบนี้ คนละประเด็นกัน
"ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจอะไร แต่กฎหมายเขาเป็นอย่างนั้น อันนี้เป็นสถานการณ์วันข้างหน้า ที่ทุกอย่างจะกลับมาที่เดิมเป็นปกติ แต่วันนี้การค้า การลงทุน ความร่วมมือต่างๆ ทุกประเทศผ่านทางเอกอัครราชทูต สมาคมธุรกิจการค้า การลงทุน ทั้งสหรัฐอเมริกา อียู ออสเตรเลีย ทุกประเทศ มาพูดคุยกันหมด อันนี้เป็นเรื่องทางการเมืองก็ต้องเข้าใจกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีต่างชาติขึ้นแบล็กลิสต์หัวหน้าคสช.ไม่ต้อนรับเข้าประเทศ ว่า คงเป็นเพียงช่วงปีแรกของ คสช. แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว มีต่างประเทศเชิญนายกฯไปเยือนจำนวนมาก เพียงแต่นายกฯไปไม่ได้ เพราะไม่มีเวลา เนื่องจากปลายปีมีงานพระราชพิธีสำคัญ
ส่วนการเยือนสหรัฐอเมริกานั้น ในวันเดียวกันนี้ (8 ส.ค.) รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ จะมาประเทศไทย เพื่อมาคุยเรื่องการเชิญนายกฯไปเยือน โดยจะช่วยกันดูว่า เมื่อไปแล้วจะมีการหารือกันเรื่องใดบ้าง เพื่อให้ชัดเจน ดังนั้น ที่ว่าต่างชาติไม่ให้เข้าประเทศนั้น ไม่มี การที่นายกฯพูดเช่นนั้น อาจจะหมายถึงช่วงแรกๆ ภายหลังมีการรัฐประหาร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า ขณะนี้นายกฯ สามารถไปได้ทุกประเทศ นายดอน กล่าวว่า ถ้าเขาเชิญ ก็ไปได้อยู่แล้ว หรือถ้าเราอยากจะไป แล้วมีการทาบทามเขาเองจะจัดให้ ยกเว้นบางประเทศอาจจะบอกว่า ต้องดูวัน เวลา และอื่นๆไปก่อน อย่างไรก็ตาม เท่าที่เราคุยกับนานาประเทศ มีแต่คำเชิญ นอกจากนี้ในช่วงนี้ ยังมีประเทศต่างๆ มาเยือนประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น รมว.ต่างประเทศออสเตรเลีย ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย ดังนั้น เรื่องต่างประเทศจึงไม่ต้องเป็นห่วง
เมื่อถามว่า กำหนดการเยือนสหรัฐฯ ของนายกฯ จะมีความชัดเจนเมื่อใด นายดอน กล่าวว่า กำลังจะตกลงกันซึ่งต้องรอคุยกับ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯก่อน จากนั้นจะมีแถลงข่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.วันเดียวกันนี้ (8ส.ค.) นาย Rex W. Tillerson รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยพล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าไทยให้ความสำคัญ ต่อความสัมพันธ์และความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกาที่มาอย่างยาวนาน และเห็นว่า สหรัฐฯมีบทบาทอย่างมากในประชาคมโลก ทั้งในเรื่องความมั่นคง การค้ามนุษย์ การก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุน ในฐานะประเทศที่มีส่วนรับผิดชอบต่อความมั่นคงและความผาสุขของประชาคมโลก
โอกาสนี้ ไทยและสหรัฐฯ ยังได้หารือถึงความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจนั้น มีนักลงทุนสหรัฐฯรายหลายที่สนใจเข้ามาลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจ EEC และ พื้นที่อู่ตะเภา
ขณะที่ รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า มีความคุ้นเคยกับประเทศไทยเป็นอย่างดี เนื่องจากก่อรนหน้านี้ เคยดำรงตำแหน่งประธาน Esso Exploration and Production ที่ จ.นครราชสีมา เป็นเวลา 3 ปี ทำให้ต้องเดินทางมาประเทศไทยหลายครั้ง
ส่วนการเดินทางเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีนัน เขาหวังว่าจะได้มีโอกาสต้อนรับนายกรัฐมนตรี และคณะ ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในเร็วๆ นี้ โดยขณะนี้ทั้งสองฝ่ายกำลังหารือถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม
วานนี้ (8ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงความคืบหน้าการเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ ว่า เบื้องต้นคาดว่าจะเดินทางไปในเดือนต.ค.นี้ ซึ่งทางนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไม่ได้ตั้งเงื่อนไขลดความสัมพันธ์อะไร เนื่องจากไทยเป็นประเทศหนึ่งที่เป็นมิตรกันมายาวนานนับร้อยปี ฉะนั้นเรื่องการหารือ การแลกเปลี่ยนความเห็นซึ่งกันและกัน ท่าทีต่างๆ เราก็แสดงชัดเจนไปแล้ว เราปฏิบัติตามมติพันธะกรณีต่างๆ ของสหประชาชาติ ที่มีอยู่ พร้อมทั้งได้มีการประกาศท่าทีชัดเจนไปในกรอบอาเซียนด้วยแล้ว เรื่องนี้อย่าให้มาเป็นเงื่อนไขกันเลย
สำหรับการหารือกับ นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯ ในช่วงบ่าย(8 ส.ค.)นั้น เหตุผลที่นายเร็กซ์ เดินทางมาเพื่อประชุมระดับกระทรวงการต่างประเทศอาเซียนกับสหรัฐอเมริกา จึงถือโอกาสมาพบปะ พูดคุยประเด็นการเตรียมความพร้อม ในการพบปะระหว่างตน กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในระยะเวลาอันใกล้นี้ รวมถึงการหารือความร่วมมือในทุกด้าน
ส่วนกรณีที่ตนได้พูดว่า มีบางประเทศไม่เชิญไปเยือนอย่างเป็นทางการนั้น ขอให้เข้าใจว่า มี 2 อย่าง ถ้าเป็นเรื่องการประชุม เช่น การประชุมอาเซียน การประชุม จี 7 การประชุม จี 20 การประชุมเกี่ยวกับเรื่องโลกร้อน การประชุมสหประชาชาติ เป็นต้น ตนเดินทางไปได้หมด รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย แต่ถ้าเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการ ตนไปไม่ได้ เพราะเป็นผู้นำรัฐบาลแบบนี้ คนละประเด็นกัน
"ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจอะไร แต่กฎหมายเขาเป็นอย่างนั้น อันนี้เป็นสถานการณ์วันข้างหน้า ที่ทุกอย่างจะกลับมาที่เดิมเป็นปกติ แต่วันนี้การค้า การลงทุน ความร่วมมือต่างๆ ทุกประเทศผ่านทางเอกอัครราชทูต สมาคมธุรกิจการค้า การลงทุน ทั้งสหรัฐอเมริกา อียู ออสเตรเลีย ทุกประเทศ มาพูดคุยกันหมด อันนี้เป็นเรื่องทางการเมืองก็ต้องเข้าใจกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีต่างชาติขึ้นแบล็กลิสต์หัวหน้าคสช.ไม่ต้อนรับเข้าประเทศ ว่า คงเป็นเพียงช่วงปีแรกของ คสช. แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว มีต่างประเทศเชิญนายกฯไปเยือนจำนวนมาก เพียงแต่นายกฯไปไม่ได้ เพราะไม่มีเวลา เนื่องจากปลายปีมีงานพระราชพิธีสำคัญ
ส่วนการเยือนสหรัฐอเมริกานั้น ในวันเดียวกันนี้ (8 ส.ค.) รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ จะมาประเทศไทย เพื่อมาคุยเรื่องการเชิญนายกฯไปเยือน โดยจะช่วยกันดูว่า เมื่อไปแล้วจะมีการหารือกันเรื่องใดบ้าง เพื่อให้ชัดเจน ดังนั้น ที่ว่าต่างชาติไม่ให้เข้าประเทศนั้น ไม่มี การที่นายกฯพูดเช่นนั้น อาจจะหมายถึงช่วงแรกๆ ภายหลังมีการรัฐประหาร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า ขณะนี้นายกฯ สามารถไปได้ทุกประเทศ นายดอน กล่าวว่า ถ้าเขาเชิญ ก็ไปได้อยู่แล้ว หรือถ้าเราอยากจะไป แล้วมีการทาบทามเขาเองจะจัดให้ ยกเว้นบางประเทศอาจจะบอกว่า ต้องดูวัน เวลา และอื่นๆไปก่อน อย่างไรก็ตาม เท่าที่เราคุยกับนานาประเทศ มีแต่คำเชิญ นอกจากนี้ในช่วงนี้ ยังมีประเทศต่างๆ มาเยือนประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น รมว.ต่างประเทศออสเตรเลีย ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย ดังนั้น เรื่องต่างประเทศจึงไม่ต้องเป็นห่วง
เมื่อถามว่า กำหนดการเยือนสหรัฐฯ ของนายกฯ จะมีความชัดเจนเมื่อใด นายดอน กล่าวว่า กำลังจะตกลงกันซึ่งต้องรอคุยกับ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯก่อน จากนั้นจะมีแถลงข่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.วันเดียวกันนี้ (8ส.ค.) นาย Rex W. Tillerson รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยพล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าไทยให้ความสำคัญ ต่อความสัมพันธ์และความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกาที่มาอย่างยาวนาน และเห็นว่า สหรัฐฯมีบทบาทอย่างมากในประชาคมโลก ทั้งในเรื่องความมั่นคง การค้ามนุษย์ การก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุน ในฐานะประเทศที่มีส่วนรับผิดชอบต่อความมั่นคงและความผาสุขของประชาคมโลก
โอกาสนี้ ไทยและสหรัฐฯ ยังได้หารือถึงความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจนั้น มีนักลงทุนสหรัฐฯรายหลายที่สนใจเข้ามาลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจ EEC และ พื้นที่อู่ตะเภา
ขณะที่ รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า มีความคุ้นเคยกับประเทศไทยเป็นอย่างดี เนื่องจากก่อรนหน้านี้ เคยดำรงตำแหน่งประธาน Esso Exploration and Production ที่ จ.นครราชสีมา เป็นเวลา 3 ปี ทำให้ต้องเดินทางมาประเทศไทยหลายครั้ง
ส่วนการเดินทางเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีนัน เขาหวังว่าจะได้มีโอกาสต้อนรับนายกรัฐมนตรี และคณะ ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในเร็วๆ นี้ โดยขณะนี้ทั้งสองฝ่ายกำลังหารือถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม