xs
xsm
sm
md
lg

DSIจัดให้"เณรคำ"อีกดอก ดื้อแต่งกายเลียนแบบสงฆ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อัยการแถลงขั้นตอนขอส่งตัว “เณรคำ” เป็นผู้ร้ายข้ามแดน พร้อมปฏิบัติกับผู้ต้องหาตามหลักศักดิ์ศรี-สิทธิ์มนุษยชน ขณะที่เจ้าตัวยังดื้อ ไม่ยอมสึก ดีเอสไอ เตรียมเพิ่มข้อหาแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ เมียอโหสิกรรม แต่ขอให้รับผิดชอบเลี้ยงดูลูก

วานนี้ (19 ก.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายอำนาจ โชติชัย อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ พร้อมด้วย ร.ท.สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมแถลงข่าวกรณีที่อัยการสูงสุด ได้มีคำร้องขอตัวนายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระวิรพล ฉัตติโก (เณรคำ) อดีตสำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ มาดำเนินคดีในความผิด ตามหมายจับศาลอาญาในข้อหาพรากผู้เยาว์และฉ้อโกงประชาชนและฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 และสนธิสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา

นายอำนาจ กล่าวว่า สำนักงานอัยการสูงสุดมีความกังวลใจเกี่ยวกับการเปิดเผยรายละเอียดในการรับตัว นายวิรพล หรือเณรคำ เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนของ 2 ประเทศ แม้ว่าศาลจะอนุญาตให้ส่งตัวกลับมาดำเนินคดีแล้ว แต่ยังต้องระวังไม่ให้เกิดอุปสรรคหรือปัญหาในขั้นตอนที่ตำรวจศาลสหรัฐอเมริกานำตัวผ่านขั้นตอนของตม. เพราะกังวลเหตุความวุ่นวายของกลุ่มลูกศิษย์ที่อยู่ในสหรัฐฯ จนไม่สามารถนำตัวกลับมาได้

ทั้งนี้ นายวิรพล กำหนดเดินทางออกจากลอสแอนเจลิส มุ่งสู่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น และถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณ 22.00 น. ของคืนวันที่ 19 ก.ค. 60

ส่วนประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตุกระบวนการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนมีความล่าช้านั้น นายอำนาจ กล่าวว่าา ขั้นตอนต่างๆ ต้องใช้เวลา โดยสหรัฐฯ กำหนดเงื่อนไขการส่งผู้ร้ายข้ามแดนค่อนข้างมาก ดังนั้น ความล่าช้าขึ้นอยู่กับขั้นตอนและเนื้อหาของประเทศที่รับคำข้อ ประเด็นความล่าช้าเป็นเพียงความรู้สึก เราจะทำข้ามขั้นตอนและไปบอกว่ากำลังทำอะไรอยู่ไม่ได้ เพราะการขอส่งตัวผู้ร้ายอาจกระทบกับความสัมพันธ์ได้

สำหรับประเด็นที่ผู้ต้องหาจะอยู่ในฐานะคนธรรมดา หรือพระสงฆ์ นายอำนาจ กล่าวว่า อสส.ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากไม่ได้มีการสอบถามผู้ที่ไปรับตัวในประเด็นนี้ แต่เมื่อเข้ามาในไทยจะตัดขาดความเป็นพระสงฆ์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับกฎหมายที่เกี่ยวข้องและดีเอสไอเป็นผู้พิจารณา พร้อมกันนี้อัยการสูงสุดได้ยืนยันเมื่อเณรคำเดินทางมาถึงราชอาณาจักรไทย จะถูกปฎิบัติในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนตามหลักสากลทั่วไป

*** 'เณรคำ'ดื้อห่มเหลือง-DSIเพิ่มอีก1ข้อหา
แหล่งข่าวระดับสูงจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ได้รับทราบจากคณะเจ้าหน้าที่อัยการ และดีเอสไอ ที่เดินทางไปรับตัวนายวิรพล ว่า นายวิรพล ยังคงสวมใส่จีวรชุดพระ ทั้งนี้ คาดว่าเจ้าตัวอาจจะอ้างว่า หลบหนีไปต่างประเทศมานาน เลยไม่ทราบว่า ถูกคณะสงฆ์ตัดสินให้ขาดจากความเป็นพระตั้งแต่ปี 2556 แล้วก็เป็นได้ ซึ่งก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา

"เมื่อเจ้าหน้าที่รับตัวจากสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนนำมาสอบปากคำที่สำนักงานดีเอสไอ พร้อมเจ้าหน้าที่จากสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ร่วมสอบด้วย หากนายวิรพล ยังคงใส่จีวรพระไม่ยอมเปลี่ยนเครื่องแต่งกายแบบอื่น ก็จะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.สงฆ์ มาตรา 43 คือ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 15 จัตวา วรรคสอง มาตรา 26 มาตรา 27 วรรคสาม หรือมาตรา 28 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี เพิ่มอีก 1 ข้อหา" แหล่งข่าวกล่าว

*** เมียอโหสิกรรม-ขอให้รับผิดชอบลูก
นางหญิง (นามสมมุติ) อดีตภรรยาเณรคำที่มีลูกด้วยกัน 1 คน กล่าวถึง การที่เณรคำถูกจับตัวมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย ว่า ตนไม่ได้มีความรู้สึกอะไร เพราะตนไม่อยากติดใจเอาความกับเณรคำ โดยได้อโหสิกรรมให้เณรคำไปหมดแล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามเวรตามกรรม ส่วนที่ยังติดใจอยู่คือ เรื่องลูกอย่างเดียวเท่านั้น อยากให้เณรคำมารับผิดชอบเรื่องลูก เพราะรายได้จากการขายของเล็กๆน้อยๆ มีกำไรไม่มากนัก และต้องเอาเงินไปหมุนเวียนซื้อของมาขาย เพื่อหาเงินเลี้ยงลูกที่กำลังโต ทำให้ตนได้รับความลำบากมากเพราะหาเงินเลี้ยงลูกคนเดียว ขณะที่บ้านของนางหญิง ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.ศรีสะเกษ มาคอยดูแลรักษาความความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
กำลังโหลดความคิดเห็น