xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ผ่านแล้ว พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ คสช.กุมชะตาคนไทยอีก 20 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันที่ 22 มิถุนายน 2560 มีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. …ในวาระ 3
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เรียบร้อยโรงเรียนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)สำหรับร่าง พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ... เมื่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา มีมติ 218 เสียง เห็นชอบให้ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวได้รับการประกาศใช้เป็นกฎหมาย

เนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ... ที่ผ่านการพิจารณาในวาระ 3 นี้ มีทั้งหมด 29 มาตรา มีการแก้ไขจากร่างเดิมที่ สนช.มีมติเห็นชอบในวาระแรก เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2560 เพียงเล็กน้อยโดยมีสาระสำคัญ อาทิ

มาตรา 12 การกำหนดให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่นายกฯ มอบหมาย ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ประธานกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานสภาเกษตรแห่งชาติ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งอีกไม่เกิน 17 คน (แก้ไขจากร่างเดิมที่ให้มีไม่เกิน 14 คน)

มาตรา 15 กำหนดให้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติมีหน้าที่และอำนาจในการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี กำหนดวิธีการการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เสนอความเห็นต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ กำกับดูแลการปฏิรูปประเทศให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ เป็นต้น

ส่วนกระบวนการจัดทำยุทธศาสตร์ชาตินั้น มาตรา 16 กำหนดให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติขึ้นคณะหนึ่งหรือหลายคณะเพื่อพิจารณาจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติในด้านต่างๆ

สำหรับขั้นตอนการจัดทำยุทธศาสตร์ชาตินั้นค่อนข้างมีรายละเอียดพอสมควร แต่โดยสรุปคือต้องผ่านการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แล้วให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา หลังจากนั้นคณะรัฐมนตรีเสนอให้สภาผู้แทนราษฎร เมื่อผ่านสภาผู้แทนฯ ก็ให้วุฒิสภาพิจารณาอีกครั้ง ถ้าผ่านการพิจารณาของรัฐสภา ให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อมีพระบรมราชโองการประกาศใช้ต่อไป

นอกจากนี้ เพื่อให้รัฐบาลชุดปัจจุบัน จัดทำยุทธศาสตร์ชาติแล้วเสร็จก่อนที่จะพ้นวาระ จึงมีบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 275 กำหนดให้มีการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ และยังมีบทเฉพาะกาลของ ร่าง พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติฯ มาตรา 28 กำหนดเวลาให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 12(6) ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับตั้งแต่ พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ และให้คณะกรรมการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ด้านต่างๆ ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง

และเพื่อเป็นการลดขั้นตอน มาตรา 28 ยังกำหนดให้การรับฟังความเห็นที่คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติตามมติ ครม.วันที่ 30 มิถุนายน 2558 ได้ดำเนินการไว้ก่อนแล้ว ถือเป็นการรับฟังความเห็นประชาชนตาม พ.ร.บ.นี้ ให้คณะกรรมจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ จัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายใน 120 วันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งและส่งให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ โดยให้ใช้ร่างยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติตามมติ ครม.วันที่ 30 มิถุนายน 2558 จัดทำขึ้นมาให้เป็นหลักในการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติตาม พ.ร.บ.นี้

จากนั้นให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติพิจารณาและเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับร่างฯ จากนั้นคณะรัฐมนตรีต้องส่งให้ร่างฯ ให้ สนช.พิจารณาภายใน 30 วัน โดย สนช.ต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับร่างฯ จากคณะรัฐมนตรี และเมื่อ สนช.ให้ความเห็นชอบแล้ว ให้นายกรัฐมนตรีนำร่างยุทธศาสตร์ชาติขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายใน 10 วันนับแต่วันที่ได้รับร่างยุทธศาสตร์ชาติจาก สนช.

มาตรา 28 ยังมีบทบัญญัติไว้ “กันเหนียว” เผื่อคณะรัฐมนตรีเสนอร่างยุทธศาสตร์ชาติไม่ทันก่อนที่ สนช.จะสิ้นสุดลง โดยกำหนดให้วุฒิสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบแทน หาก สนช.สิ้นสุดลงก่อน ซึ่งก็เป็นที่รู้กันว่า สมาชิกวุฒิสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญใหม่นี้ก็มาจากการแต่งตั้งของ คสช.นั่นเอง

นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติฯ ยังมีบทบัญญัติที่บรรดานักเลือกตั้งดูจะไม่ชอบใจนัก เพราะมีการกำหนดทิศทางของประเทศเอาไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 20 ปี รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหลังจากนี้จะไม่สามารถออกนโยบายเพื่อเรียกคะแนนเสียงจากประชาชนได้ตามใจชอบอีกต่อไป แต่จะต้องเดินตามกรอบที่วางไว้ในแผนยุทธศาสตร์ชาติเท่านั้น

ร่างกฎหมายฉบับนี้ ได้กำหนดวิธีการติดตามตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาลเอาไว้ ในมาตรา 24 และ มาตรา 25 หากหน่วยงานของรัฐดำเนินการไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ก็อาจจะถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ดำเนินการเอาผิด ถูกสั่งพักราชการ ให้ออก หรือสั่งให้พ้นจากตำแหน่งได้

มาตรา 26 หากการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐไม่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ และไม่ดำเนินการแก้ไขก็อาจจะถูก ป.ป.ช.ดำเนินการเอาผิดได้เช่นกัน

ในบทเฉพาะกาล มาตรา 29 ยังกำหนดไว้ว่า ในกรณีที่พบว่าการดำเนินการของหน่วยงานรัฐที่ไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์นั้นเป็นผลมาจากมติคณะรัฐมนตรี หรือเป็นการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีโดยตรง ให้วุฒิสภาสามารถยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการพิจารณาให้แล้วเสร็จและมีมติภายใน 60 วันนับแต่ได้รับเรื่อง โดยให้ฟังข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตามที่ปรากฏในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

มาตรการติดตามตรวจสอบที่เข้มงวดขนาดนี้ คงยากที่รัฐบาลชุดไหนจะกล้าเดินออกนอกลู่นอกทางที่แผนยุทธศาสตร์ชาติกำหนดไว้ เพราะนั่นหมายถึงโอกาสที่จะโดนศาลรัฐธรรมนูญหรือ ป.ป.ช.เชือดก็มีได้ง่ายๆ

อาจจะมีช่องพอให้รัฐบาลเลือกตั้งได้หายใจได้บ้าง ในมาตรา 11 ที่ให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติจัดให้มีการทบทวนยุทธศาสตร์ชาติทุก 5 ปี หรือในกรณีที่สถานการณ์ของโลกหรือสถานการณ์ของประเทศเปลี่ยนแปลงไปจนไม่สามารถหรือไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการตามเป้าหมายหรือยุทธศาสตร์ด้านหนึ่งด้านใดได้ โดยให้ขอความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม ระยะเวลา 5 ปีแรกก็มากเพียงพอแล้วที่ คสช.จะฝังรากแนวทางของตัวเองลงไปให้แน่นหนาได้ช่วงเช้าวันที่ 22 มิถุนายน 2560 ก่อนที่ สนช.จะลงมติผ่านวาระ 3 ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ฯ ชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ได้ไปเป็นประธานพิธีเปิดงานสัมมนาผู้ลงทุนสถาบันในตลาดทุนระดับนานาชาติ “Thailand's Big Strategic Move” ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ

พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวถึงทิศทางในการยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อผู้ลงทุนในตลาดทุน โดยเฉพาะกองทุนต่างชาติที่ให้ความสนใจลงทุนในประเทศไทย และย้ำว่า ขณะนี้รัฐบาลได้วางยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี เป็นแนวทางพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน สร้างฐานในการพัฒนาโดยใช้โมเดล “ไทยแลนด์ 4.0” โดยต้องทำแบบบูรณาการไปทุกภาคส่วน ตามโครงการประชารัฐ ซึ่งยืนยันว่าทุกรัฐบาลจะต้องดำเนินการต่อไป ภารกิจของรัฐบาลในระยะนี้คือการเตรียมส่งมอบ ส่วนจะส่งมอบเมื่อไหร่ก็เป็นไปตามนั้น โดยจะพยายามทำให้เร็วที่สุด ให้มีความยั่งยืน เพื่อให้รัฐบาลต่อไปดำเนินงานได้ทันที

คำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ ในพิธีเปิดงานครั้งนี้เป็นการตอกย้ำว่า ประเทศไทยอีก 20 ปีต่อจากนี้ ต้องเดินตามกรอบที่ คสช.ได้ขีดเอาไว้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


กำลังโหลดความคิดเห็น