xs
xsm
sm
md
lg

ร.๑๐พระราชทานดอกไม้เยี่ยมเหยื่อ-แฉมือบึ้มฝึกนอก-พบจม.ลับเตือนล่วงหน้า3วัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน 360 - สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานช่อดอกไม้และกระเช้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิดใน รพ.พระมงกุฎ ตร.พบเบาะแสมือบึ้มเป็นพวกฮาร์ดคอร์การเมืองฝึกยุทธิวิธีการรบและชำนาญการใช้อาวุธ-ระเบิดจากต่างประเทศ ด้านนายกรัฐมนตรีไม่เชื่อบึ้มโรงพยาบาลโยงครบรอบ 3 ปี คสช. อย่าถือว่าลองของ สั่งสอบวงจรปิดโดยเร็ว โวยอย่าบิดเบือนรัฐเป็นฝ่ายทำเอง “ศรีวราห์” พบหลักฐานสอดคล้องกับกลุ่มที่ก่อเหตุระเบิด 5 ครั้งเมื่อปี 2550

วานนี้ (23 พ.ค.) เวลา 10.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.อ.ภักดี แสง-ชูโต ผู้ช่วยเลขานุการในพระองค์ฯ อัญเชิญช่อดอกไม้และกระเช้าพระราชทานแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าที่นอนพักรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล

จากนั้น ในเวลา 11.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายติรวัฒน์ สุจริตกุล ที่ปรึกษากองราชเลขานุการในพระองค์ฯ อัญเชิญดอกไม้พระราชทานแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ

** นายกฯ ไม่เชื่อ “บึ้ม” รพ. เกี่ยวพัน 3 ปี คสช.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีเหตุวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ถ้าถามตนว่าคนร้ายมีวัตถุประสงค์ใดก็ไปถามคนร้ายก็แล้วกันตนตอบแทนไม่ได้ ถ้าถามว่ามีความยึดโยงครบรอบ 3 คสช. หรือไม่ ตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ก็ขึ้นกับการสอบสวนของตำรวจ อย่าถือเป็นการท้าทายลองของกันเลย ส่วนการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตนได้สั่งการไปแล้วให้ตรวจสอบโดยเร็ว แต่ก็กังวลอยู่ว่าอาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง เพราะเป็นการติดตั้งกล้องในพื้นที่สาธารณะของโรงพยาบาลซึ่งอาจมีความเข้มงวดไม่มากนักเนื่องจากไม่มีใครคิดว่าจะมีผู้ก่อเหตุในพื้นที่นี้

“สิ่งสำคัญคือทำไมคนถึงทำให้คิดแบบนี้ได้ ใจร้าย ไม่คำนึงถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์และทรัพย์สิน คนเจ็บป่วยก็ทุกข์ทรมานอยู่แล้ว ยังทำเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาอีก ต้องสืบสวนให้ได้ อย่าให้ไปบิดเบือนว่ารัฐบาลเป็นฝ่ายทำเอง ไม่มีรัฐบาลที่ไหนทำแบบนั้นหรอก เว้นแต่คนที่อยากเป็นรัฐบาลแล้วคิดจะทำ ผมไม่เคยคิดแบบนั้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเรามีการประเมินอย่างต่อเนื่อง บางอย่างเป็นการประเมินจากฝ่ายความมั่นคง ทั้งทางด้านการก่อเหตุร้าย ทั้งทางด้านผลประโยชน์ส่วนตัว ทั้งทางด้านการเมือง แต่ก็เป็นประเด็นหนึ่งว่าทำไมต้องเลือกวันก่อเหตุในวันที่ 22 พ.ค. ในโรงพยาบาลที่เป็นโรงพยาบาลทหาร และทำร้ายประชาชน นั่นคือสิ่งสำคัญที่ต้องนำมาวิเคราะห์

เมื่อถามถึงการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ทำเนียบรัฐบาลและสถานที่ราชการอื่นๆ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า เมื่อเกิดเหตุขึ้นเราก็ต้องเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น แต่คนเดือดร้อนคือประชาชนที่ไปติดต่อราชการ เพราะต้องถูกเข้มงวดทุกพื้นที่ที่มีความเสี่ยงทั้งสถานที่ราชการ เขตพระราชฐาน ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ทำเนียบรัฐบาล กองบัญชาการกองทัพบก กองทัพภาค และกระทรวง ทบวง กรม

“ขอยืนยันว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม รัฐบาลจะทำงานแก้ปัญหาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในขีดความสามารถที่ทุ่มเทให้มากที่สุดร่วมกับทุกคนใน คสช. และ ครม. และต้องฝากส่วนราชการทุกคนด้วยซึ่งส่วนใหญ่เข้าใจอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

** คาดตัวมือระเบิด “กลุ่มฮาร์ดคอร์การเมือง”

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า พบเบาะแสคนร้ายอยู่ในกลุ่มที่เคยเรียกร้องทางการเมือง มีความชำนาญในการใช้อาวุธและประกอบระเบิด ทั้งยังได้รับการฝึกยุทธวิธีการรบจากต่างประเทศ พุ่งเป้าอดีตคนมีสีและกลุ่มการเมืองที่นิยมใช้ความรุนแรง

ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการคลี่คลายคดีระเบิดห้องรับรองพิเศษนายทหารสัญญาบัตร โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ยังไม่สามารถชี้ชัดถึงสาเหตุที่แท้จริงของการก่อเหตุได้และยังไม่สามารถกล่าวหาผู้ใดโดยไม่มีหลักฐานชัดเจนได้ แต่มั่นใจการก่อเหตุในครั้งนี้ทำเป็นขบวนการโดยกลุ่มนิยมความรุนแรง ส่วนการเลือกจุดก่อเหตุจะเป็นการแสดงสัญลักษณ์อะไรหรือไม่ตนไม่ทราบ

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวด้วยว่า จากการสืบสวนจนถึงขณะนี้คาดว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุทั้งที่กองสลากฯ โรงละครแห่งชาติ และโรงพยาบาลพระมงกุฎเป็นกลุ่มเดียวกัน โดยผู้ชำนาญการด้านระเบิดชี้ว่าซิกเนเจอร์การทำระเบิดเป็นคนคนเดียวกันซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการสืบสวน

** เตรียมงัด ม.44 ดึงคดีความมั่นคงขึ้นศาลทหาร

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า จากกรณีที่มีเหตุการณ์ลอบวางระเบิด 3 ครั้งที่ผ่านมาทำให้หน่วยงานความมั่นคงเตรียมพิจารณานำคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 55/2559 เรื่อง การดำเนินการเกี่ยวกับคดีบางประเภทที่อยู่ในอำนาจศาลทหารที่เคยยกเลิกไปก่อนหน้านี้กลับมาบังคับใช้ใหม่อีกครั้ง เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ปกติ เพื่อให้อยู่ในอำนาจศาลทหารในคดีบางประเภท ในบรรดาคดีที่กระทำความผิด โดยอาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 44 หัวหน้าคสช. จะประกาศให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงคราม และคดีความมั่นคงบางคดี ซึ่งก่อนหน้านี้ หัวหน้าคสช. ได้ยกเลิกให้อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลยุติธรรมก็จะดึงกลับมาให้อยู่ในอำนาจของศาลทหาร โดยจะมีการประชุมสรุปอีกครั้งเพื่อประกาศบังคับใช้ตามมาตรา 44 ในเร็วๆ นี้

** ตั้งชุดทำงาน สั่งรายงานทุกวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยเวลา เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพาหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านความมั่นคง เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าคดีระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โดยมี พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษา (สบ10) พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รองผบช.น. พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี รองผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้บังคับการสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บังคับการกองปราบปราม พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 4 และชุดสืบสวน สอบสวนร่วมประชุม

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวภายหลังประชุม ว่า การประชุมวันนี้แบ่งหน้าที่ให้ชุดสืบสวนสอบสวน และจะขอให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ออกคำสั่งตั้งคณะทำงาน โดยให้รายงานความคืบหน้ามาที่ตนทุกวัน สำหรับพยานหลักฐานที่พบในจุดเกิดเหตุเป็นเศษแจกันสีเขียวตรงกับภาพแจกันสีเขียวที่สื่อมวลชนนำเสนอ โดยระบุว่าเป็นภาพก่อนเกิดเหตุที่มีแจกันสีเขียวใส่ดอกไม้วางติดไว้มุมห้องขณะที่มีชาย 3 คนนั่งบนเก้าอี้ โดยต้องมีการสอบปากคำชายทั้ง 3 คนด้วย แต่ขณะนี้ทั้งหมดยังได้รับบาดเจ็บและรักษาตัวอยู่ โดยชายผู้ต้องสงสัยที่สวมหมวกเบเร่ต์สีเขียวก็เป็นหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บด้วย ส่วนกรณีที่มีการส่งต่อภาพชายผู้ต้องสงสัยในโซเชียลมีเดียนั้นถือเป็นเรื่องของโซเชียลมีเดีย แต่ยังไม่เป็นเรื่องในสำนวน โดยขณะนี้ในเรื่องของสำนวนการสืบสวนสอบสวนยังไม่พบภาพผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุนำแจกันไปวางในจุดดังกล่าว

** พบหลักฐานตั้งเวลาล่วงหน้า 2-4 ชั่วโมง

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยืนยันว่าลักษณะการก่อเหตุรูปแบบเฉพาะของระเบิดสอดคล้องตรงกับกลุ่มที่ก่อเหตุระเบิดเมื่อปี 2550 ซึ่งครั้งนั้นก่อเหตุถึง 5 คดีในกรุงเทพฯ โดยการสืบสวนสอบสวนจะต้องนำข้อมูลคดีที่เคยเกิดขึ้นมาหาความเชื่อมโยง อย่างไรก็ตามการสืบสวนจนถึงขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานใดบ่งชี้ว่าเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ 3 จุดครั้งนี้เชื่อมโยงกับเหตุระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้เมื่อเดือนสิงหาคม 2559

“วัตถุพยานที่เหมือนกันคือ ท่อพีวีซี ไอซีไทม์เมอร์ ตัวบรรจุเชื้อประทุ ตัวเก็บประจุ แบตเตอรี่ สายไฟ ลักษณะวงจรระเบิดเหมือนกันทั้ง 3 จุด ลักษณะการประกอบเหมือนกันหมด เป็นระเบิดแสวงเครื่อง จุดระเบิดด้วยการตั้งเวลา แต่ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎ ใส่ตะปูเข้าไปด้วย โดยในปี 2550 ที่เกิดเหตุ 3 จุดก็พบการจุดระเบิดด้วยไอซีไทม์เมอร์เหมือนกัน ตัวพื้นฐานเหมือนกัน แม้วิธีการแตกต่างกัน แต่เชื่อได้ว่าเชื่อมโยงกัน”

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนชัดเจนว่าระเบิดอยู่ในแจกันซึ่งกองพิสูจน์หลักฐานกำลังตรวจหาดีเอ็นเอแฝงในวัตถุพยานโดยใช้วิธีทางนิติวิทยาศาสตร์สกัดดีเอ็นเอ แต่ความร้อนจากการระเบิดทำให้พบดีเอ็นเอน้อยมาก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการตรวจสอบพบการตั้งเวลาระเบิดด้วยไอซีไทม์เมอร์ว่าตั้งเวลาก่อนเกิดเหตุ 2-4 ชั่วโมง ทำให้ต้องหาพยานหลักฐานอื่นๆ ประกอบ รวมถึงหาตัวบุคคลที่เข้าออกในช่วงเวลาดังกล่าวซึ่งขณะนี้ยังไม่พบตัว แต่ยืนยันจากซิกเนเจอร์การประกอบระเบิดทั้ง 3 จุดว่าเป็นฝีมือกลุ่มเดียวกัน จึงกำลังเร่งตรวจสอบวงจรปิดทั้ง 3 จุดเพื่อหาความเชื่อมโยงถึงตัวคนทำ ส่วนมูลเหตุในการก่อเหตุยังไม่ตัดเรื่องใดทิ้ง ทั้งเรื่องการเมืองและภาคใต้

** เผยจดหมายลับ! ขู่ล่วงหน้า 3 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุทั้งหมดพบว่ามีกล้องวงปิดติดไว้จำนวน 13 ตัว แต่กล้องเสียจำนวน 9 ตัว ส่วนกล้องที่เหลืออีก 4 ตัวจากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่ได้เบาะผู้ต้องสงสัยที่นำระเบิดแจกันเข้ามาในอาคาร ขณะที่จุดเกิดเหตุระเบิดโดยเฉพาะบริเวณที่มือระเบิดนำแจกันใส่ระเบิดไปติดไว้ที่ผนังห้องนั้นก็ไม่มีกล้องวงจรปิดติดไว้แต่อย่างใดเช่นเดียวกับทางเข้าด้านข้างของอาคาร

มีรายงานล่าสุดด้วยว่า ชุดสืบสวน บก.สส. จับกุมชายผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งมาสอบปากคำที่ สน.พญาไท เนื่องจากเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ถ.พระราม 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ได้รับจดหมายเตือนมีเนื้อหาระบุว่า ท่านผู้อำนวยการทราบโปรดฟัง ภายในปีนี้ขอให้ท่านระวัง จะมีก่อการร้ายภายในโรงพยาบาลของรัฐแถวนี้ 3 แห่งจากขบวนการ BRN IS เข้ามาแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน จากมาเลย์ ให้ระวังผู้หญิงมุสลิม โพกผ้า สะพายเป้ และระวังให้ดี โดยลงชื่อท้ายจดหมาย “โจรกลับใจ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจดหมายดังกล่าวระบุผู้ฝากส่งจากเขตปทุมวัน ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ จึงนำจดหมายดังกล่าวนำไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.พญาไท กระทั่ง 3 วันต่อมาก็เกิดเหตุระเบิดที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎ โดยขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังอยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลว่าเกี่ยวข้องกับคดีระเบิดหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น