xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวปนคน

ดราม่า"หมุดคณะราษฎร์"สังคมร้อนใจ
แต่ไม่สนใจ"หมุดปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา"

จู่ๆ “หมุดคณะราษฎร”ที่ปักไว้ตั้งแต่ปี 2475 ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า ก็ถูกขุดรื้อถอนหายไป แล้วถูกแทนที่ด้วย“หมุดประชาชนสุขสันต์หน้าใส”กระทั่งกลายเป็นดราม่ากัน ทั้งสองฝ่ายออกมาโหนหมุดกันอย่างทั่วหน้า ทั้งๆ ที่หมุดไม่ใช่ตัวชี้วัดความเป็นประชาธิปไตยของประเทศ หรือที่ว่าจะเดินหน้า หรือถอยหลัง ส่วนประวัติศาสตร์"คนแพ้" และ"คนชนะ" ต่างก็ถือประวัติศาสตร์กันคนละฉบับอยู่แล้ว
เหมือนตอนนี้ที่ความเชื่อของแต่ละฝ่ายถูกงัดมาตอบโต้กัน ทั้งที่ 84 ปีที่ถูกปักหมุดไว้ ณ จุดนั้นไม่ได้สะท้อนว่าผู้บริหารบ้านเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศ ไม่ว่าเข้ามาทางใด ไม่ได้คิดถึงประโยชน์ของบ้านเมืองเลย จนกลายเป็นวงจรอุบาทว์ ที่หมุนวงกันไประหว่างการเลือกตั้ง และการรัฐประหาร ดังนั้นหมุดจะอยู่จึงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แทนที่จะมาดราม่ากันเรื่องหมุด ซึ่งจะมีอยู่หรือไม่มีอยู่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้บ้านเมืองดีขึ้น เนื้อแท้นั้นผู้ที่เข้ามาบริหารแต่ละยุคจะไร้ซึ่งความจริงใจกับบ้านเมืองหวังแต่กอบโกยทำให้ประเทศไทยไม่ไปถึงไหนเสียมากกว่านี่ต่างหากที่น่าจะเป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจหรือไม่เคยทำเพื่อชาติศาสน์กษัตริย์และประชาชนอย่าแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสัมปทานพลังงาน หรือกระทั่ง"หมุดที่ปักปันเขตแดน"ไทย-กัมพูชา เป็นเรื่องตลก ที่คนไทยดราม่าสนใจกันเรื่องหมุดมากกว่า การบริหารที่ฉ้อฉลของรัฐบาล นี่คือภาพของสังคมไทย 4.0 ในวันนี้

++++++++++++++++++++++
ได้ยินมาบ้างแล้ว เรื่องที่ “รองฯจ้อน” อลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) จะประกาศทิศทางการเมืองของตัวเอง ที่เคยมีคนคาดเดาว่า จะไปตั้งพรรคใหม่บ้าง จะกลับรังประชาธิปัตย์บ้าง แต่ไม่นึกว่าจะประกาศโพล่งมาในช่วงหยุดยาวสงกรานต์ ผ่านทวิตเตอร์ นับสิบข้อความ หลักใหญ่ใจความอยู่ที่ประโยคที่ว่า “ผมจึงตัดสินใจวางมือทางการเมือง เพื่อทำงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ” เป็นคำประกาศตามประสานักการเมือง ที่ประกาศแล้วยังต้องตีความอีกว่า “วางมือทางการเมือง-ทำงานขับเคลื่อการปฏิรูปประเทศ” ครอบคลุมไปถึงตำแหน่งไหนบ้าง แน่นอนว่า ตำแหน่งรองประธาน สปท. คงอยู่จนครบเทอม ส่วนตำแหน่งในอนาคต อย่าง ส.ส.คงไม่ลงสมัคร แต่ ตำแหน่งทางการเมืองอื่น อย่างเช่น ส.ว. ที่อาจตีความได้ว่า สามารถขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศได้ จะเอาไหม ??
++++++++++++++++
หน้าร้อนอย่างนี้ นอกจากจะมีการใช้ไฟกันเยอแล้ว ค่าไฟยังขึ้นทุกปี นี่ก็มีข่าวจาก นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานโฆษก กกพ. ว่า วันที่ 19 เม.ย.นี้ กกพ.จะพิจารณาอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ที่จะเรียกเก็บในบิลค่าไฟกับประชาชนรอบใหม่ (พ.ค.-ส.ค.60 ) ว่า มีทิศทางจะปรับเพิ่มขึ้นจากงวดที่ผ่านมา ที่ค่า Ft อยู่ที่ -37.29 สตางค์ต่อหน่วย แต่จะเป็นอัตราเท่าใดนั้นคงจะต้องรอผลการพิจารณาจากที่ประชุมอีกครั้งหนึ่ง
ปัจจัยหลักที่ถูกนำมาอ้างถึงก็คือ ราคาก๊าซธรรมชาติ อยู่ในช่วงขาขึ้น และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงสิ้นปี จึงเป็นสัญญาณว่า ค่าไฟในงวดต่อไปขึ้นแน่นอน ซึ่งจากการคำนวณค่า Ft รอบเดือนพ.ค.-ส.ค.60 พบว่า แนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้นราว 20 สตางค์ ต่อหน่วย แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า ที่ประชุมว่าเอาอย่างนั้นหรือไม่ หรือจะให้กฟผ. แบกรับภาระไปก่อนส่วนหนึ่ง ซึ่งก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่ประมาณการว่า น่าจะขึ้นเกิน10 สตางค์ต่อหน่วยแน่ งานนี้ประชาชนผู้บริโภคก็ต้องก้มหน้ายอมจำนนตามเคย
กำลังโหลดความคิดเห็น