ผู้จัดการรายวัน360-นายกรัฐมนตรีเป็นปลื้ม หนี้สินครัวเรือนไทยลดลงในรอบ 11 ปี หลังประชาชนลดกู้ซื้อรถ ทำบัตรเครดิต และใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง ยันรัฐยังคงเดินหน้าช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ทั้งแก้หนี้สะสม สร้างอาชีพ และส่งเสริมการออม ส่วนการลงทะเบียนคนจนรอบ 2 คาดทะลุ 10 ล้านราย เตรียมออกบัตรสวัสดิการรับสิทธิประโยชน์ ทั้งส่วนลดค่าน้ำ ค่าไฟ ขึ้นรถเมล์ รถไฟฟรี
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยินดีที่ได้รับทราบข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยว่า หนี้ครัวเรือนของไทยลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี โดยเมื่อปีที่แล้ว สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ลดลงจากร้อยละ 81.2ในปี 2558 เหลือร้อยละ 79.9 ซึ่งเกิดจากการขยายตัวของจีดีพีที่สูงกว่าหนี้ครัวเรือน
ทั้งนี้ นายกฯ ย้ำว่า การกู้เงินของพี่น้องประชาชนและการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินอย่างระมัดระวัง มีส่วนทำให้หนี้ครัวเรือนของประเทศลดลง โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อรายบุคคลที่ก่อนหน้านี้เป็นตัวก่อหนี้จำนวนมาก จึงอยากให้ประชาชนรักษาวินัยในการใช้จ่ายอย่างเหมาะสม รู้จักทำบัญชีรายรับรายจ่าย สร้างรายได้จากอาชีพเสริมและออมเงิน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้สินรุงรังในอนาคตเกิดขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม แม้หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีจะลดลง แต่ภาระหนี้สะสมยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคและกำลังซื้อภาคครัวเรือน รวมทั้งตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่ออกมาเป็นหนี้สินที่อยู่ในระบบสถาบันการเงิน แต่ในความเป็นจริงหนี้ครัวเรือนบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยอาจมีทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบ รัฐบาลจึงได้ออกมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างครบวงจร เพื่อลดภาระหนี้และช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยซึ่งมีหนี้ครัวเรือนมากกว่ากลุ่มอื่น เช่น เปิดลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ สนับสนุนสินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพ กองทุนการออมแห่งชาติ เป็นต้น รวมทั้งรักษาเสถียรภาพและกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อมกัน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังระบุว่าหนี้สินที่เพิ่มขึ้น แม้จะเป็นปัญหาของครัวเรือน แต่ในที่สุดจะส่งผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชน เกิดความเครียดและปัญหาอาชญากรรมตามมา รวมทั้งกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ โดยสิ่งสำคัญที่สุดนอกเหนือจากการทำให้ตัวเลขหนี้ลดลงแล้ว ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องช่วยกันสร้างความรู้และปลูกฝังค่านิยมใหม่ให้แก่ประชาชน เพื่อแก้ไขพฤติกรรมการบริโภคที่เกินตัว และรู้จักบริหารจัดการด้านการเงินอย่างถูกต้อง
วันเดียวกันนี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้แถลงถึงการเปิดลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยเพื่อรับสวัสดิการแห่งรัฐ ในรอบที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.-15 พ.ค.2560 โดยคาดว่าจะมีผู้มีรายได้น้อยมาลงทะเบียนเกิน 10 ล้านราย และในครั้งนี้จะมีการออกเป็นบัตรสวัสดิการ เพื่อไว้สำหรับรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากรัฐบาล ซึ่งในอนาคตบัตรสวัสดิการนี้ จะใช้เป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) เพื่อสอดรับกับ e-Payment ด้วย
สำหรับการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย รัฐบาลจะมีการทบทวนข้อมูลทุกปี เพื่อตรวจสอบรายได้ของผู้มาลงทะเบียนว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ ส่วนสวัสดิการที่ผู้มีรายได้น้อยจะได้รับ เบื้องต้นมีส่วนลดค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า การขึ้นรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี และยังต้องพิจารณาแพ็คเกจของผู้มีรายได้น้อยที่อยู่ในต่างจังหวัดที่จะแตกต่างจากผู้มีรายได้น้อยที่อยู่ในเมือง เช่น อาจเพิ่มการได้รับส่วนลดตั๋วโดยสารบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และตั๋วรถไฟให้มีราคาถูกลง เป็นต้น
"จะเพิ่มการช่วยเหลือให้คนที่อยู่ต่างจังหวัด เช่น ลดราคาตั๋ว บขส. และรถไฟ ในการเดินทางเข้ามาในเมือง เพราะคนในเมืองได้รับการช่วยเหลือด้านค่าเดินทาง รถเมล์ฟรี แต่คนต่างจังหวัดไม่ได้ใช้บริการ จึงเพิ่มเพื่อให้เกิดความสมดุลให้กับคนในเมืองและต่างจังหวัด"นายอภิศักดิ์กล่าว
ส่วนสวัสดิการให้ความช่วยเหลือเรื่องค่าเช่าที่อยู่อาศัย นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ยังเป็นเพียงแค่แนวคิด เพราะส่วนใหญ่ผู้มีรายได้น้อยจะเช่าบ้านบนที่ดินของเอกชน จึงยังไม่สามารถพิจารณาการช่วยเหลือนี้ได้ เช่นเดียวกับการประกันอุบัติเหตุ 99 บาท ยังเป็นแนวคิดที่ต้องพิจารณาเช่นเดียวกัน
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมจำนวนผู้ที่ลงทะเบียนวันแรก ดังนี้ ธนาคารออมสิน จำนวน 107,371 ราย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 181,141 ราย และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 77,795 ราย
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยินดีที่ได้รับทราบข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยว่า หนี้ครัวเรือนของไทยลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี โดยเมื่อปีที่แล้ว สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ลดลงจากร้อยละ 81.2ในปี 2558 เหลือร้อยละ 79.9 ซึ่งเกิดจากการขยายตัวของจีดีพีที่สูงกว่าหนี้ครัวเรือน
ทั้งนี้ นายกฯ ย้ำว่า การกู้เงินของพี่น้องประชาชนและการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินอย่างระมัดระวัง มีส่วนทำให้หนี้ครัวเรือนของประเทศลดลง โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อรายบุคคลที่ก่อนหน้านี้เป็นตัวก่อหนี้จำนวนมาก จึงอยากให้ประชาชนรักษาวินัยในการใช้จ่ายอย่างเหมาะสม รู้จักทำบัญชีรายรับรายจ่าย สร้างรายได้จากอาชีพเสริมและออมเงิน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้สินรุงรังในอนาคตเกิดขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม แม้หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีจะลดลง แต่ภาระหนี้สะสมยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคและกำลังซื้อภาคครัวเรือน รวมทั้งตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่ออกมาเป็นหนี้สินที่อยู่ในระบบสถาบันการเงิน แต่ในความเป็นจริงหนี้ครัวเรือนบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยอาจมีทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบ รัฐบาลจึงได้ออกมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างครบวงจร เพื่อลดภาระหนี้และช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยซึ่งมีหนี้ครัวเรือนมากกว่ากลุ่มอื่น เช่น เปิดลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ สนับสนุนสินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพ กองทุนการออมแห่งชาติ เป็นต้น รวมทั้งรักษาเสถียรภาพและกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อมกัน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังระบุว่าหนี้สินที่เพิ่มขึ้น แม้จะเป็นปัญหาของครัวเรือน แต่ในที่สุดจะส่งผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชน เกิดความเครียดและปัญหาอาชญากรรมตามมา รวมทั้งกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ โดยสิ่งสำคัญที่สุดนอกเหนือจากการทำให้ตัวเลขหนี้ลดลงแล้ว ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องช่วยกันสร้างความรู้และปลูกฝังค่านิยมใหม่ให้แก่ประชาชน เพื่อแก้ไขพฤติกรรมการบริโภคที่เกินตัว และรู้จักบริหารจัดการด้านการเงินอย่างถูกต้อง
วันเดียวกันนี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้แถลงถึงการเปิดลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยเพื่อรับสวัสดิการแห่งรัฐ ในรอบที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.-15 พ.ค.2560 โดยคาดว่าจะมีผู้มีรายได้น้อยมาลงทะเบียนเกิน 10 ล้านราย และในครั้งนี้จะมีการออกเป็นบัตรสวัสดิการ เพื่อไว้สำหรับรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากรัฐบาล ซึ่งในอนาคตบัตรสวัสดิการนี้ จะใช้เป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) เพื่อสอดรับกับ e-Payment ด้วย
สำหรับการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย รัฐบาลจะมีการทบทวนข้อมูลทุกปี เพื่อตรวจสอบรายได้ของผู้มาลงทะเบียนว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ ส่วนสวัสดิการที่ผู้มีรายได้น้อยจะได้รับ เบื้องต้นมีส่วนลดค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า การขึ้นรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี และยังต้องพิจารณาแพ็คเกจของผู้มีรายได้น้อยที่อยู่ในต่างจังหวัดที่จะแตกต่างจากผู้มีรายได้น้อยที่อยู่ในเมือง เช่น อาจเพิ่มการได้รับส่วนลดตั๋วโดยสารบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และตั๋วรถไฟให้มีราคาถูกลง เป็นต้น
"จะเพิ่มการช่วยเหลือให้คนที่อยู่ต่างจังหวัด เช่น ลดราคาตั๋ว บขส. และรถไฟ ในการเดินทางเข้ามาในเมือง เพราะคนในเมืองได้รับการช่วยเหลือด้านค่าเดินทาง รถเมล์ฟรี แต่คนต่างจังหวัดไม่ได้ใช้บริการ จึงเพิ่มเพื่อให้เกิดความสมดุลให้กับคนในเมืองและต่างจังหวัด"นายอภิศักดิ์กล่าว
ส่วนสวัสดิการให้ความช่วยเหลือเรื่องค่าเช่าที่อยู่อาศัย นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ยังเป็นเพียงแค่แนวคิด เพราะส่วนใหญ่ผู้มีรายได้น้อยจะเช่าบ้านบนที่ดินของเอกชน จึงยังไม่สามารถพิจารณาการช่วยเหลือนี้ได้ เช่นเดียวกับการประกันอุบัติเหตุ 99 บาท ยังเป็นแนวคิดที่ต้องพิจารณาเช่นเดียวกัน
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมจำนวนผู้ที่ลงทะเบียนวันแรก ดังนี้ ธนาคารออมสิน จำนวน 107,371 ราย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 181,141 ราย และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 77,795 ราย