xs
xsm
sm
md
lg

บล็อกธรรมกาย-ทลายอาวุธแดง-บี้แม้ว เกมบีบให้ยอมอ่อนข้อ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เชื่อว่าหลายคนคงไม่ให้น้ำหนักกับคำพูดของ เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. ที่ออกมาโบ้ยทันทีว่า "โกตี๋" หรือ วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ เป็นแค่ "แดงเทียม"ไม่เคยติดต่อไม่เคยเกี่ยวข้อง และไม่เคยประชุมร่วมกัน เพราะนปช.ไม่สนับสนุนความรุนแรง
**"แกนนำนปช.ไม่สนับสนุนความรุนแรง และควรแยกแยะด้วย เพราะว่านายโกตี๋ไม่ใช่นปช. เขาเคลื่อนไหวในแนวทางที่รุนแรง เขาอาจจะใส่แค่เสื้อแดง แต่โปรดอย่าเหมารวมว่าเป็นแกนนำนปช."
หลายคนคงขบขันกับคำพูดของ เหวง โตจิราการ หนึ่งในแกนนำนปช. ที่ถึงกับกล้าปฏิเสธว่า "โกตี๋"ไม่ใช่คนเสื้อแดง หรือ "แดงเทียม"และ นปช.ไม่สนับสนุนความรุนแรง
แน่นอนว่าเป็นใครก็ย่อมปัดให้พ้นตัว หรือ "ถีบหัวส่ง"ทันที หลังจากเจ้าหน้าที่บุกเข้าตรวจค้นรังของ วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ ในย่านปทุมธานี พบอาวุธสงครามและเครื่องกระสุนหลายรายการ เรียกว่าเป็น "คลังแสง" ย่อมๆได้เลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่า นี่คือ "ของร้อน" เป็นใครก็ต้องรีบชิ่งเองไว้ก่อน
แม้ว่าการตรวจค้นครั้งนี้จะไม่ได้ตัวเจ้าของบ้านและคนครอบครองอาวุธดังกล่าว เนื่องจาก โกตี๋ คนนี้ได้หลบหนีหมายจับคดีความมั่นคงและคดี "หมิ่นเบื้องสูง"ไปก่อนหน้านี้นานหลายเดือนแล้ว และจนบัดนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่อาจจับตัวมาดำเนินคดีได้
**ขณะเดียวกัน แม้ว่าจะเอาสาระอะไรไม่ได้กับคำพูดของ เหวง โตจิราการ แต่ที่ต้องโฟกัสให้เห็นเนื่องจากต้องการชี้ให้เห็นว่า คนพวกนี้ไม่เคยยอมรับในพฤติกรรมของตัวเอง รวมไปถึงตัวบุคคลที่ร่วมกันเคลื่อนไหวก่อความรุนแรงจากการชุมนุมช่วยเหลือสนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวนี้มาตลอด เพราะคนที่พูด อย่าง เหวง โตจิราการ ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ ก่อนหน้านี้หากจำได้ เขาเคยขึ้นเวทีด่า ทักษิณ ชินวัตร ว่า"ขายชาติ" แต่หลังจากนั้นเมื่อได้เป็นแกนนำ นปช. ก็กลับยกย่องเชิดชู ทักษิณ หน้าตาเฉย
เอาเป็นว่านั่นเป็นเพียงการนำเสนอให้เห็นภาพขำๆ เท่านั้น แต่ขณะเดียวกันต้องการให้โฟกัสไปในเรื่องการ "ตรวจค้นอาวุธสงคราม" หรือว่าคลังอาวุธของ "เครือข่ายแดง" ที่เคลื่อนไหวสนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวมาอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง หรือจะเรียกว่าเป็น "มวลชนอารักขา" รัฐบาลของ ทักษิณ มาตลอด จนต่อเนื่องมาจนล่าสุดก็คือ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นแหละ
สิ่งที่ต้องการชี้ให้เห็นว่าเป็น "จิ๊กซอว์" เป็นข้อสังเกตว่า "หลายอย่าง" มาประจวบเหมาะกันอย่าง "ลงล็อก" พอดี โดยใช้ความ "มิชอบ" มาเป็นเงื่อนไข
ก่อนหน้านั้นมีการ"ปิดล้อม"และตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เพื่อจับกุม "ธัมมชโย" อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มีการถอดสมณศักดิ์ รวมไปถึง ธัตตชีโว อดีตรองเจ้าอาวาส และอดีตรักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และพระสงฆ์และศิษย์ระดับแกนนำไปหลายราย ขณะเดียวกันยังมีการดำเนินคดีคดีอื่นที่เกี่ยวเนื่องกันเพิ่มเติม เช่น คดีฟอกเงิน และการ"ปั่นหุ้น" รวมทั้งคดีที่เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีของ ธัตตชีโว ที่เป็นอดีตรักษาการเจ้าอาวาส ถือเป็น "เจ้าพนักงาน" และถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พบว่าโยกเงินของวัดไปซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ และคดีอื่นๆ
แม้ว่าในที่สุดแล้วหลังการปิดล้อมนานกว่าสองสัปดาห์ จะไม่สามารถจับกุมตัว ธัมมชโย ได้ก็ตาม และต้องถอนกำลังเกือบทั้งหมดกลับที่ตั้ง แต่เวลานี้ทางการก็ยังไม่ได้ยกเลิก มาตรา 44 ในบริเวณวัดพระธรรมกาย และพื้นที่โดยรอบที่ประกาศเป็น "พื้นที่ควบคุมพิเศษ" แต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี หากมองในบางมุมแบบตั้งข้อสังเกตมันก็มองได้เหมือนกันว่า นี่คือการ "บล็อก" ธัมมชโย และเครือข่ายธรรมกาย ไม่ให้เคลื่อนไหว หรือไม่ให้เติบโตออกไปจนเหนือการควบคุม ขณะเดียวกันในทางการเมืองน้อยคนที่ไม่รู้ว่าพวกนี้ เป็นพวกเดียวกับ "เครือข่ายทักษิณ" แบบแยกกันไม่ออก ดังนั้น เมื่อถึงเวลาก็ต้องสกัดเอาไว้ก่อน
**นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายสำคัญที่ต้องจัดการไปในคราวเดียวกันก็คือ พุ่งตรงไปที่ "หัวใจสำคัญ" เริ่มตั้งแต่ "นายใหญ่" ลงมา คือ ทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังถูกไล่บี้เรื่อง "ภาษีหุ้นชินคอร์ป" 1.2 หมื่นล้านบาทในเวลานี้ ก่อนที่จะหมดอายุความในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ซึ่งรัฐบาล โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ย้ำขึงขังว่า ต้องจัดการให้เสร็จก่อนหมดอายุความ
แต่ที่ต้องสังเกตก็คือ คดีตามเก็บภาษีหุ้นดังกล่าวของ ทักษิณ ชินวัตร ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2555 ที่ตอนนั้นทางกรมสรรพากรบอกว่าหมดอายุความ ไม่มีหนทางทำอะไรได้แล้ว แต่มาถึงวันนี้ทางผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ทักท้วงว่า ยังไม่หมดอายุความ 10 ปี แต่เหลือเวลาแค่วันที่ 31 มีนาคมนี้ เท่านั้น จึงบี้ให้กรมสรรพากรรีบดำเนินการออกหมายประเมินภาษีได้ทันที
ในความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะดำเนินการตามนั้นอย่างเคร่งครัดก็ใช่ว่าจะได้เงินภาษีจาก ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 1.2 หมื่นล้าน ภายในวันที่ 31 มีนาคม เพราะเชื่อว่าต้องมีการโต้แย้งอุทธรณ์ภาษี และนำไปสู่การร้องต่อศาล เริ่มตั้งแต่ศาลภาษีอากรกลาง ไปจนถึงศาลฎีกาแผนกภาษีอากร ลองคิดดูว่าจะต้องใช้เวลาอีกกี่ปี อย่างน้อยก็พ้นไปจากรัฐบาลชุดนี้แน่นอน
อีกเรื่องที่น่าจับตาก็คือ การรื้อฟื้นคดีเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ที่ตามข่าวระบุว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ซึ่งก็รู้อยู่ว่าเกี่ยวพันไปถึง พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของ ทักษิณ ชินวัตร รวมถึงบุคคลหลายคนในครอบครัว รวมทั้งการดำเนินคดีในคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังตกเป็นจำเลยในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งคดีก็งวดเข้ามาทุกขณะ ส่วนคดีทางแพ่งก็มีการเรียกค่าเสียหายไปแล้ว และล่าสุดอาจโดนเรื่องคดีเลี่ยงภาษีอีกด้วย
ดังนั้นถือว่าทุกเรื่องมันเชื่อมโยงสัมพันธ์กันแบบลงตัวในแบบที่ว่า "คนละเรื่องเดียวกัน" แต่ถ้ามองให้ดีล้วน "ต่อจิ๊กซอว์" เป็นแผ่นเดียวกันได้ทันที แต่ขณะเดียวกันทั้งหลายทั้งปวงมันก็บังเอิญว่าทุกเรื่องที่กำลังถูก "จัดการ"ในเวลานี้มัน "เข้าข่ายผิด" ซึ่งถูกซุกเอาไว้มาตลอด ทั้งเรื่องอาวุธสงครามโกตี๋ คดี ธัมมชโย ฟอกเงินรับของโจร ธัตตชีโว นำเงินวัดไปซื้หุ้น ทักษิณ เลี่ยงภาษี เงินกู้ธนาคารกรุงไทย คดีจำนำข้าว ทุกอย่างมันต้องดำเนินคดี แต่บังเอิญว่ามันมี "ผลข้างเคียง" ตามมาด้วย
**แต่ขณะเดียวกัน หากมองในทางการเมือง มันก็เหมือน "เกมบีบ" ให้ฝ่ายตรงข้ามต้องยอมอ่อนข้อ โดยเฉพาะในช่วงบรรยากาศความเคลื่อนไหวปรองดองที่กำลังเข้มข้น เข้าด้ายเข้าเข็มก่อนการเลือกตั้ง เพื่อเฟ้นหา "นายกฯคนนอก" เมื่อถึงเวลาต้องสกัดเอาไว้ก่อน !!
กำลังโหลดความคิดเห็น