xs
xsm
sm
md
lg

ชินคอร์ปฟอกเงิน! ชี้ช่องใช้กม.ปปง.จัดการ ปมเก็บภาษีรอศาลตัดสิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"วิษณุ" ยัน สรรพากรพร้อมออกแบบประเมินภาษีหุ้นชินคอร์ป โดยจะเรียกเก็บจากส่วนต่างราคาหุ้นที่รับมา 1 บาท แต่ไปขาย 49 บาท ส่วนจะเก็บได้หรือไม่ได้ อาจต้องให้ศาลตัดสิน ระบุไม่จำเป็นต้องออกมาตรการคุ้มครองจนท. หากถูกฟ้องกลับ ชี้ "ทักษิณ" อุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน ด้านเลขาฯ ปปง. ชี้ช่องคดีภาษีหุ้นชินฯ หากเป็นการฟอกเงิน ไม่มีหมดอายุความ "อธิบดีสรรพากร" ยันเดินหน้าทวงภาษีหุ้นชินคอร์ปตามกฏหมาย ด้าน สตง. พร้อมร่วมประเมินภาษีชินคอร์ป หากกรมสรรพากรไม่พร้อม

วานนี้ (15มี.ค.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า กรมสรรพากร ได้มารายงานการเตรียมการเรียกเก็บภาษีตามที่ได้รับมอบหมายไป แต่มีปัญหาอยู่ 2 - 3 เรื่อง จึงอยากรู้ว่าวิธีการแก้ของเขาถูกหรือผิด แต่ถึงอย่างไรการประเมินภาษีจะทำภายในวันที่ 31 มี.ค.นี้ กรมสรรพากรมีฐานตัวเลขอยู่แล้วก่อนส่งคำประเมินดังกล่าวไปยังนายทักษิณ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย จากนั้นจะถือว่าอายุความที่จะครบ 10 ปี หยุดลงทันที แล้วเริ่มนับหนึ่งใหม่ไปอีก 10 ปี เป็นกระบวนการปกติในคดีทางแพ่ง

ทั้งนี้ นายทักษิณ มีสิทธิอุทธรณ์คำประเมินภาษีได้ ภายใน 30 วัน ยืนยันกรมสรรพากร พร้อมดำเนินการ ส่วนข้อกังวลว่ากรมสรรพากรจะถูกฟ้องกลับนั้น การถูกฟ้องคงห้ามไม่ได้ แต่เมื่อถูกฟ้องแล้วแพ้หรือชนะ เป็นสิ่งที่ให้ความมั่นใจกันได้ ไม่ต้องมีมาตรการพิเศษคุ้มครองเจ้าหน้าที่ รัฐบาลดำเนินการไปตามกฎหมายปกติ

ส่วนที่อธิบายว่าเป็นอภินิหารทางกฎหมาย (Miracle Of Law)นั้น เพราะเราเจอช่องทางที่สมควรจะเสี่ยงดูในเรื่องที่คิดว่าไปไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะเก็บภาษีได้ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ใช้คำว่ามั่นใจ แต่ต้องทำตามกระบวนการ ส่วนจะได้หรือไม่ว่าไปตามกระบวนการ ตนอธิบายต่อที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า ถ้าเรื่องนี้เป็นสีดำกับขาว เราจะไม่ทำให้เป็นสีดำ แต่เรื่องนี้เป็นสีเทา กรมสรรพากร ตอบคำถามไม่ได้ว่า สิ่งที่ไม่เคยทำเพราะปิดเรื่อง ถูกหรือผิด ถ้ายืนยันว่าถูกและเห็นด้วย เราจบแล้วปิดเรื่อง สังคมจะด่าอย่างไรก็ช่าง แต่เมื่อไม่มั่นใจ อาจจะตีความได้ ก็ให้ศาลดำเนินการ จะได้เป็นมาตรฐานต่อไป

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่านายทักษิณ ถูกคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทแล้ว จึงไม่ต้องเสียภาษีส่วนนี้ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน จำนวนเงินดังกล่าวไม่ใช่ภาษี เป็นการถูกยึดตามคดีอาญาเรื่องทุจริต ภาษีเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะบางอาชีพที่ผิดกฎหมายยังต้องเสียภาษี โดยภาษีที่จะเรียกเก็บคือ ส่วนต่างราคาหุ้นที่รับมา 1 บาท แต่ไปขาย 49 บาท ในตลาดหลักทรัพย์

ต่อข้อถามว่า มีการระบุว่าการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ต้องเสียภาษี นายวิษณุ กล่าวว่า มันเป็นเทคนิคหนึ่งที่เอาไว้ไปพูดในศาล สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ยืนยันว่าต้องเสีย รัฐบาลก็บอกกับกรมสรรพากรไปพิจารณาที่มีช่องทางให้ไปแปลความกันในศาลแล้วกันว่าต้องเสียหรือไม่ บางคนบอกว่ากฎหมายระบุชัดอยู่แล้วว่าไม่ต้องเสีย แต่กฎหมายอย่างนี้มันแปลได้หลายอย่างในบางกรณี ไม่ใช่สองมาตรฐาน แต่เป็นเจตนา ตนไม่อยากไปเปรียบเทียบ กรมสรรพากรไม่เคยคิดว่าเป็นอย่างนี้มาก่อน ดังนั้น จึงต้องไปตีความกันในศาล คุณอย่าคิดเองว่าถูกหรือผิด อย่าเพิ่งไปเดาใจว่าเขาจะฟ้องกันอย่างไร ทุกอย่างไปพูดกันในศาลให้หมดจะได้จบ

เมื่อถามว่า กรมสรรพากรได้ชี้แจงหรือไม่ว่า เหตุใดถึงไม่ดำเนินการในช่วงเวลาที่ผ่านมา รองนายกฯ กล่าวว่า มีการชี้แจงแล้ว ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่อธิบายสั้นๆ กับสื่อไม่ได้ เขามีเหตุผลไม่ดำเนินการอยู่ กระทรวงการคลังได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่ปี 50-55 แต่อาจจะใช้เวลา เพราะต้องรอฟังข้อเท็จจริงที่เพิ่งปรากฏ หากมีมูลจะดำเนินการสอบวินัย ส่วนผู้ที่เกษียณไปแล้วก็ดำเนินการทางวินัยไม่ได้ แต่ถ้ามีมูลทางอาญามีอายุความอยู่

ด้านพล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวถึง การติดตามเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป จากนายทักษิณ ว่า นายกรัฐมนตรี ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสรรพากร สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ ปปง. หารือถึงแนวทางตามกระบวนการกฎหมาย ทั้งนี้ในส่วนของปปง. มีหน้าที่สนับสนุนข้อมูลในเรื่องของการติดตามทรัพย์สินของนายทักษิณ ซึ่งตามกฎหมายการฟอกเงินถือว่าไม่มีปัญหาอะไร เพราะหากกลายเป็นคดีฟอกเงิน คดีจะไม่มีหมดอายุความ และสามารถสืบและยึดทรัพย์ย้อนหลังไปได้ ต่อให้เวลาผ่านไปแล้วหลายปีก็ตาม

นอกจากนี้พล.ต.อ.ชัยยะ ยังกล่าวว่าตั้งแต่เข้ามาดำรงตำแหน่งเพียง 8 เดือน สามารถดำเนินการยึด และอายัดทรัพย์ในคดีสำคัญไปมากกว่า 5 หมื่นล้านบาทแล้ว และยังมีคดีใหญ่ๆที่มีมูลค่าสูง ที่คาดว่าจะสามารถดำเนินการยึด และอายัดทรัพย์ได้อีกจำนวนมาก

*** สรรพากรยันเดินหน้าทวงภาษีชินคอร์ป

นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการเรียกเก็บภาษีจากนายทักษิณ หลังจากได้รับมอบหมายจากรัฐบาล แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลและรายละเอียดต่างๆได้ แต่ยืนยันว่า กระบวนการต่างๆ นั้นจะพิจารณาอย่างรอบคอบ และทุกอย่างจะแล้วเสร็จก่อนหมดอายุความในวันที่ 31 มีนาคม 2560 นี้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ กระบวนการ หรือขั้นตอนในรายละเอียดคงไม่สามารถเปิดเผยในที่นี้ได้ รวมถึงจำนวนเงินทั้งหมดที่จะรวมค่าเรียกปรับด้วย แต่ยืนยันข้าราชการทุกคนทำทุกอย่างโดยยึดกฎหมาย และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก

*** สตง. พร้อมร่วมประเมินภาษีชินคอร์ป

นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวว่า หลังจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ประชุมร่วมกับสำนักงานกฤษฎีกา อัยการสูงสุด กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สตง. เห็นชอบร่วมกันว่าการออกหมายเรียกเก็บภาษีนายพานทองแท้ และนางสาวพิณทองทา ชินวัตร ในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่า กรมสรรพากรไม่ได้ออกหมายเรียกโดยตรงกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถือเสมือนว่าเป็นหมายเรียกเก็บภาษีจากนายทักษิณ ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นตัวการในการซื้อขายหุ้น เนื่องจากศาลตัดสินแล้วว่าบุตรทั้ง 2 เป็นเพียงตัวกลาง ผู้รับประโยชน์จากการขายหุ้น คือนายทักษิณ ยืนยันว่าไม่ได้ใช้เทคนิคทางกฎหมายแต่อย่างใด แต่เป็นช่องทางของกฎหมายสามารถดำเนินการในเรื่องดังกล่าวได้

ดังนั้น ขั้นตอนต่อไปจึงเริ่มใช้มาตรา 61 แห่งประมวลรัษฎากรในการตั้งคณะกรรมการประเมินภาษีเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นของนายทักษิณ ทำให้การนับอายุความการเรียกเก็บเวลา 10 ปี สิ้นสุดลง และขั้นตอนการประเมินเรียกเก็บภาษีใช้เวลาเพียง 2-3 วัน จึงคาดว่าดำเนินการได้ทันสิ้นเดือนมีนาคมนี้

โดย สตง.พร้อมร่วมเป็นเจ้าหน้าที่ประเมินภาษีหากสรรพากรไม่พร้อมดำเนินการ เมื่อประเมินภาษีแล้วสามารถนำเอกสารปิดหน้าบ้านตามภูมิลำเนา แม้นายทักษิณ ไม่อาศัยอยู่สามารถตั้งทนายหรือตัวแทนดำเนินการได้ ตั้งการอุทธรณ์และดำเนินการชั้นศาลหากยังไม่ต้องการเสียภาษี จากกรณีการขายหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น (SHIN) ให้แก่บริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ (พีทีอี) จำกัด ผ่านบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ รวมเป็นเงินการซื้อหุ้นกว่า 73,000 ล้านบาท เพื่อประเมินมูลค่าภาษีเบื้องต้น 16,000 ล้านบาท

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมคณะทำงานเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีคดีหุ้นชินคอร์ป ยังได้มอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กลับไปศึกษาคำพิพากษาในคดีเรียกเก็บภาษีของนายพานทองแท้ ชินวัตร และ นางสาวพินทองทา ชินวัตร ว่ามีส่วนไหนในคำพิพากษาที่สามารถนำมาดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการฟอกเงินได้อีกบ้าง เนื่องจากฐานความผิดเกี่ยวกับการเลี่ยงภาษี ยังไม่สามารถดำเนินการเป็นคดีเกี่ยวกับการฟอกเงิน ที่ไม่มีวันสิ้นสุดของอายุความได้
กำลังโหลดความคิดเห็น