กรมสรรพากรยันการเรียกเก็บภาษีการซื้อขายหุ้น "ชินคอร์ป" มูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท จนไปตั้งแต่ปี 55 แล้ว เหตุคดีสิ้นสุดตามกฎหมายเฉพาะ แฉคนใหญ่คนโตยุคนั้นยังไม่อุทธรณ์ด้วย "วิษณุ"ดิ้นสู้ ระดมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือ โต้อายุความ 10 ปี แต่จะไม่ใช้ ม.44 ยืดเวลา พร้อมนำเรื่องเสนอรัฐบาลชี้ขาด ปปง.ระบุได้ข้อสรุปที่แฮปปี้ ส่วนขุนคลังสั่งกรมสรรพากรชี้แจงให้ได้ หากทุกอย่างจบเห่ ด้านสมาคมบริษัทจัดการลงทุนเข้าพบ "ป๋าเปรม" รายงานต้านโกง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมสรรพากรได้ยืนยันถึงการดำเนินการเรียกเก็บภาษีการซื้อขายหุ้นของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท อินทัช โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ของนายทักษิณ ชินวัตร มูลค่าประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท ว่า กรมสรรพากรคงไม่ดำเนินการใดๆ อีก เพราะเรื่องดังกล่าว กรมสรรพากรได้ดำเนินการมาถึงที่สุดแล้ว และอายุความของคดีได้สิ้นสุดไปแล้วตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.2555 ที่ผ่านมา
ส่วนกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เสนอให้ใช้อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่มีอายุความ 10 ปีนั้น ในกรณีเช่นนี้ กรมสรรพากรไม่สามารถดำเนินการให้ได้ เนื่องจากตามหลักกฎหมาย เมื่อมีกฎหมายเฉพาะในเรื่องการกำหนดอายุความ จะต้องใช้กฎหมายเฉพาะนั้น จะใช้กฎหมายทั่วไป หรือจะใช้กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ได้
ทั้งนี้ ตามประมวลรัษฎากรของกรมสรรพากร ระบุว่า อายุความในกรณียื่นภาษีไม่ถูกต้อง มีอายุความ 5 ปี แต่กรณีผู้เสียภาษีไม่ได้ยื่นแบบนั้น มีอายุความ 10 ปี แต่สำหรับกรณีภาษีหุ้นชินคอร์ป นายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร ได้ทำการยื่นแบบชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปี 2550 แล้ว ดังนั้น อายุความในกรณีนี้ จึงอยู่ที่ 5 ปี และหมดอายุความไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.2555
นอกจากนี้ ประเด็นดังกล่าว ศาลภาษีอากรกลางได้พิพากษาเพิกถอนการประเมินภาษีในคดีหุ้นชินคอร์ปต่อนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ซึ่งหลังจากศาลภาษีอากรกลางพิพากษาแล้ว โดยกรมสรรพากรในขณะนั้น ที่มีนายสาธิต รังคสิริ เป็นอธิบดีไม่ดำเนินการยื่นอุทธรณ์ และเสนอให้นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง ในสมัยนั้น และอัยการสูงสุด ลงนามในการไม่อุทธรณ์ในกรณีนี้
สำหรับการเสนอให้ขยายอายุการประเมินภาษี ตามมาตรา 3 อัฏฐ แห่งประมวลรัษฎากร ที่เกี่ยวกับการขยายกำหนดเวลาการยื่นภาษี การอุทธรณ์ การเสียภาษีนั้น ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากในมาตรานี้ การขยายระยะเวลา เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษี ไม่ใช่เป็นการลงโทษผู้เสียภาษี เช่น กรณีภาษีมินิแบร์ ที่กรมสรรพากรได้ขยายระยะเวลาการยื่นแบบให้แก่ทางบริษัท เนื่องจากเป็นปัญหาการตีความที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างหน่วยงานรัฐ ดังนั้น เพื่อไม่ให้กระทบต่อบริษัทเอกชน กรมสรรพากรจึงได้ขยายระยะเวลาการยื่นแบบให้แก่บริษัท เพราะหากไม่ขยายระยะเวลาการยื่นแบบ บริษัทจะต้องถูกค่าปรับในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เป็นเงินกว่าหมื่นล้านบาท ขณะที่เนื้อภาษีที่ต้องจ่ายจริง เพียงไม่กี่พันล้านบาท
ส่วนการที่จะขอใช้มาตรา 61 แห่งประมวลรัษฎากร คงไม่สามารถใช้มาตรานี้มาดำเนินการในคดีนี้ได้อีก เนื่องจากในช่วงที่คดีนี้อยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลภาษี กรมสรรพากรได้ใช้มาตรานี้ เพื่อระบุว่า นายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา เป็นผู้ที่ลงนามในเอกสารสำคัญที่แสดงความเป็นเจ้าของทรัพย์สิน คือ หุ้นชินฯ แล้ว แต่ศาลภาษี ยกประเด็นเรื่องที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ระบุว่า หุ้นทั้งหมด รวมหุ้นที่เป็นกรณีพิพาททางภาษีนี้ด้วย เป็นของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้น จึงไม่สามารถยื่นฟ้องซ้ำในคดีเดียวกันนี้ได้อีก
อย่างไรก็ตาม วานนี้ (13 มี.ค.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ได้เชิญผู้เกี่ยวข้อง อาทิ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง นายพิสิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อหารือกรณีภาษีหุ้นชินคอร์ป โดยใช้เวลากว่า 1ชั่วโมง
นายวิษณุกล่าวว่า การหารือมีความคืบหน้าพอสมควร แต่ในที่สุดจะต้องให้รัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจ พร้อมยืนยันจะไม่มีการใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อขยายอายุความที่เดิมกำหนดไว้ที่ 10 ปี ส่วนที่มีแหล่งข่าวจากกรมสรรพากรออกมาระบุว่า กรณีนี้มีอายุความแค่ 5 ปี หรือถึงแค่ปี 2555 นั้น เรื่องมันยืดยาว ตอบสั้นๆ ไม่ได้ จึงไม่ขอลงรายละเอียด แต่ยืนยันว่ามีอายุความ 10 ปี
พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล เลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า ในการหารือครั้งนี้ มีหลายหน่วยงานที่ถูกเชิญมาพูดคุย ซึ่งเรื่องภาษีหุ้นชินคอร์ป ขณะนี้ได้ข้อยุติแล้ว แต่คงต้องรอผู้ใหญ่ในรัฐบาล ตัดสินใจ ตนไม่สามารถให้รายละเอียดได้ แต่ในที่ประชุมได้ข้อสรุปที่รัฐบาลแฮปปี้
ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า ยืนยันว่าการดำเนินการต่างๆ จะต้องทำด้วยความรอบคอบ ซึ่งหากครบกำหนดแล้ว ยังไม่สามารถเรียกเก็บภาษีจากนายทักษิณได้ กรมสรรพากรก็จะต้องชี้แจงให้ได้ว่าเป็นเพราะอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน นายวิษณุพร้อมด้วยนายอภิศักดิ์ และพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อรายงานผลการหารือต่อนายกรัฐมนตรีทันที
วันเดียวกันนี้ เครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก วรวรรณ ธาราภูมิ ของนางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ได้โพสต์ภาพการเข้าพบพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พร้อมกับนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน โดยระบุว่า พวกเรากองทุนรวมมีโอกาสเข้าพบปูชนียบุคคล ผู้เป็นแบบอย่างของคนไทย ที่ไม่ลืมทดแทนบุญคุณของแผ่นดิน อย่างพล.อ.เปรม ซึ่งนายประมนต์ได้เรียนให้พล.อ.เปรม รับทราบถึงความคืบหน้าของการต้านโกง และทางเรากองทุน ได้เรียนให้พล.อ.เปรม ทราบถึงความเป็นมาของกองทุนรวมธรรมาภิบาลไทยที่จะจัดตั้งด้วยกัน 15 บลจ.
"ป๋าที่รักและเคารพยิ่งของเรา ยังแข็งแรง แจ่มใส ไม่มีหลงลืมเลย ท่านถามเรื่องกองทุนธรรมาภิบาลไทย ท่านให้กำลังใจเรื่องต้านโกง และชมว่า ผู้หญิงเดี๋ยวนี้เก่งและกล้าหาญมาก ไม่แพ้ผู้ชาย เพราะการต้านโกงมันอันตราย อาจมีภัยถึงตัวได้ แต่ถ้าประชาชนทุกหมู่เหล่าดูดาย หรือเอาแต่บ่นว่า แต่ตนเองไม่ช่วยทำอะไร ประเทศเราก็จะไปไม่รอด"นางวรวรรณระบุ
นางวรวรรณ ระบุอีกว่า พล.อ.เปรม บอกว่าประเทศไทยมีดีมากมาย เสียเรื่องเดียว คือ การโกง พล.อ.เปรม ขอให้ช่วยสานต่อในสิ่งที่ดี คนรุ่นหลังๆ ยังมีกำลังวังชา ทำเรื่องดีงามให้เกิดขึ้นได้ โดยให้สอนลูกหลานไม่ให้โกง พล.อ.เปรม บอกด้วยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นทหาร มาช่วยชาติแล้ว ขอให้พวกเราทุกคน ทุกอาชีพ ช่วยชาติ และพล.อ.เปรม ให้กำลังพวกเราด้วย วันนี้จึงเป็นวันมงคลยิ่ง ที่ได้มีโอกาสกราบ พล.อ.เปรม ที่เรารักและศรัทธายิ่ง