DSI บุกค้น”อารามปริสสุทโธ”ใกล้วัดธรรมกาย ควานหาตัว ”ธัมมชโย” แต่ยังไร้ร่องรอย พบแต่”เสื้อยืดสีเหลืองคล้ายที่”พระไชยบูลย์”เคยใส่ประจำ เชื่อเป็นที่ประชุมวางแผนหลังมีพระผู้ใหญ่ของธรรมกายเข้าออกบ่อยขึ้น สตม.-ทหาร ล้อมคอกสั่งสกัดหนีช่องทางชายแดน ด้านผู้บัญชาการสตม.ยันช่องทางถูกกฎหมายหนียาก และไม่มีรายงาน"ธัมมี่"หนีต่างประเทศ "ไพบูลย์"ชี้ถึงเวลาปฏิรูปคณะสงฆ์
วานนี้ (12 มี.ค.) เมื่อเวลา 06.15 น. พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีฯ และ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 54/2560 ลงวันที่ 11 มี.ค. 60 เข้าตรวจค้น อารามปริสุทโธ ไม่ทราบเลขที่ ม.12 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังได้รับข้อมูลเบาะแสจากประชาชนว่า สถานที่ดังกล่าวอาจเป็นที่หลบซ่อนของ พระไชยบูลย์ สุทธิผล หรือพระธัมมชโย บุคคลตามหมายจับ เนื่องจากช่วงนี้มีการเข้าออกอย่างผิดปกติของพระผู้ใหญ่ วัดพระธรรมกาย
พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า การตรวจค้นพบเอกสารเกี่ยวกับการให้ข่าวสื่อมวลชนของตำรวจ เอกสารเกี่ยวกับการถวายฎีกา คำขอคุ้มครองชั่วคราว คำให้การของพระผู้ใหญ่ของวัดพระธรรมกาย และเอกสารอื่นๆที่ห้องนอนของตึก 2 ชั้น ภายในสถานที่ตรวจค้น น่าเชื่อว่าเป็นสถานที่ประชุมวางแผน นอกจากนั้นยังพบเสื้อยืดแขนยาว สีเหลือง จำนวน 2 ตัว คล้ายกับที่พระไชยบูลย์ เคยสวมใส่ อยู่ในห้องดังกล่าว
จากการสอบถามผู้ดูแลสถานที่ อ้างว่า เป็นที่พำนักของพระผู้ใหญ่ในวัดพระธรรมกาย และยืนยันว่า ไม่มีบุคคลตามหมายจับมาพัก
**สตม.ยันไม่มีรายงาน"ธัมมี่"หนีไปตปท.
เมื่อเวลา 11.30น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. กล่าวว่า จากกรณีที่ ดีเอสไอ ประกาศให้ พระธัมมชโย เป็นผู้ต้องหาหลบหนี จึงได้ประสานหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมติดตามจับกุม โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้หลบหนีออกนอกประเทศ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น เบื้องต้นได้รับการประสานจากดีเอสไอ เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า พระธัมมชโย เป็นผู้ต้องหาหลบหนี ซึ่งหลังจากนี้ จะเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติของสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ในการป้องกันบุคคลที่มีหมายจับเข้า-ออกประเทศ โดยมีระบบและเทคโนโลยีสมัยใหม่เชื่อมโยงข้อมูลไปยังจุดผ่านแดนต่างๆ ของประเทศ เพื่อเตือนให้เจ้าหน้าที่ทราบเพื่อทำการจับกุม จึงเป็นไปไม่ได้ว่า พระธัมมชโย จะหลบหนีออกนอกประเทศผ่านเส้นทางถูกกฏหมาย
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบ ไม่พบข้อมูลพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เดินทางออกนอกประเทศผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ยืนยันว่า ระบบด่านตรวจของประเทศไทยมีประสิทธิภาพในการตรวจสอบบุคคลเข้า - ออกประเทศได้เป็นอย่างดี โดยเบื้องต้นประสานไปยังประเทศต่างๆ ให้ช่วยติดตามพระธัมมชโย มาดำเนินคดีตามกฎหมาย และหากพระธัมมชโย หนีไปยังต่างประเทศ แล้วประเทศปลายทางตรวจพบ จะจับกุมและส่งตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทยต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเส้นทางผ่านแดนธรรมชาติ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบดูแล ทั้งทางน้ำ บก อากาศ ให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตื่นตัวในการเฝ้าระวัง หากหลบหนีไปจริงก็ต้องออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความร่วมมือกับไทยในการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันตลอดเวลา ดังนั้น ขอยืนยันว่าไม่ใช่เฉพาะพระธัมชโยเท่านั้น ที่ต้องถูกจับตามองการเข้า-ออกประเทศ ผู้ต้องหารายอื่นๆ ที่ทางการได้ออกหมายจับ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีของวัดพระธรรมกาย ก็ต้องถูกตรวจสอบ และนำเข้าระบบการแจ้งเตือนของสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองด้วย เช่นกัน
**สกัด”ธัมมี่” หนีออกชายแดน
ด้าน พ.อ.นิโรธ ทองม่วง ผบ.ฉก.กรม.ทพ.12 (ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12) และ พ.ต.อ.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ได้ร่วมกันสั่งการให้ ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1201ฯ (ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1201ฯ) ประสานความร่วมมือกับ พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว และ พ.ต.ท.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผกก.(สส) สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว สนธิกำลังสกัดกั้นการลักลอบข้ามเขตแดนตามช่องทางธรรมชาติแนวตะเข็บชายแดนท้ายตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีออกนอกประเทศของพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ตามคำสั่งของ พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. และ พล.ต.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา
**"ไพบูลย์"ชี้ถึงเวลาปฏิรูปคณะสงฆ์
นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทาง และมาตราการปกป้องพิทักษ์กิจการพระศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า การที่ แกนนำวัดพระธรรมกายได้ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นวัดแต่โดยดี เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา นับว่าเป็นการยอมแพ้ของแกนนำการชุมนุมของวัดพระธรรมกายอย่างสิ้นเชิง ไม่กล้าต่อต้านอำนาจรัฐอีกต่อไป แม้ผลการตรวจค้นจะไม่พบตัวของพระธัมมชโย ก็ตาม แต่วัดพระธรรมกาย ก็สิ้นสภาพการเป็นเขตรัฐอิสระที่แกนนำมีแผนจะล่อลวงให้รัฐติดหล่ม ทั้งหวังให้เกิดการกระทบกระทั่งกับมวลชนในวัด หรือถ่วงเวลาให้ยืดเยื้อ เพื่อทำลายเครดิตของคสช. จะได้ต่อรองหวังประโยชน์ให้รัฐยุติการดำเนินคดีคดีต่างๆ
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าสาเหตุที่แกนนำการชุมนุมต้องยอมแพ้นั้น มีผลมาจากประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการถอดถอนสมณศักดิ์ ของพระธัมมชโย และพระทัตตชีโว ซึ่งติดตามด้วยมาตรการใช้ กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21 ดำเนินการให้พระทั้งสองรูป จะต้องสละสมณเพศต่อไป เป็นเรื่องที่แกนนำที่เหลืออยู่ และพระชั้นปกครองระดับสูง ที่แอบคอยให้การช่วยเหลือแกนนำ เกรงกลัวที่สุด ว่ามาตรการดังกล่าวจะมาถึงตนเองในลำดับต่อๆ ไป เพราะแม้แกนนำก่อนหน้านี้จะโดนข้อกล่าวหาความผิดคดีอาญาหลายคดี แต่ก็ยังไม่หวั่นไหวเกรงกลัวถึงขนาดถอดใจยอมแพ้อย่างนี้ แต่เมื่อเห็นพระธัมมชโย และพระทัตตชีโว ผู้นำสุงสุดพบกับชะตากรรม ที่ถึงกับจุดจบในชีวิตของการเป็นสมณเพศอย่างที่ปรากฏนั้น จึงทำให้แกนนำวัดธรรมกายที่ยังเหลืออยู่ เกิดความเกรงกลัวว่า ตนเองอาจจะต้องพบจุดจบเช่นเดียวกัน จึงยกธงขาวยอมแพ้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นแต่โดยดี
"ตั้งแต่นี้ไป จะมีบทที่ต้องเริ่มต้นต่อไปโดยประชาชนทั้งประเทศที่ห่วงใยในพระพุทธศาสนา จะเรียกร้องให้ภาครัฐต้องมีการแก้ไขปัญหาพระภิกษุจำนวนมากที่ประพฤติล่วงพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ จนทำให้วัดหลายแห่งมีปัญหาเต็มไปด้วยการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ทั้งเรื่องเงินทองทรัพย์สินวัด โดยพระภิกษุเหล่านั้น ดังนั้นคงต้องถึงเวลาที่จะมีการ "ปฎิรูปคณะสงฆ์ "กันขนานใหญ่แล้ว" นายไพบูลย์ กล่าว
วานนี้ (12 มี.ค.) เมื่อเวลา 06.15 น. พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีฯ และ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 54/2560 ลงวันที่ 11 มี.ค. 60 เข้าตรวจค้น อารามปริสุทโธ ไม่ทราบเลขที่ ม.12 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังได้รับข้อมูลเบาะแสจากประชาชนว่า สถานที่ดังกล่าวอาจเป็นที่หลบซ่อนของ พระไชยบูลย์ สุทธิผล หรือพระธัมมชโย บุคคลตามหมายจับ เนื่องจากช่วงนี้มีการเข้าออกอย่างผิดปกติของพระผู้ใหญ่ วัดพระธรรมกาย
พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า การตรวจค้นพบเอกสารเกี่ยวกับการให้ข่าวสื่อมวลชนของตำรวจ เอกสารเกี่ยวกับการถวายฎีกา คำขอคุ้มครองชั่วคราว คำให้การของพระผู้ใหญ่ของวัดพระธรรมกาย และเอกสารอื่นๆที่ห้องนอนของตึก 2 ชั้น ภายในสถานที่ตรวจค้น น่าเชื่อว่าเป็นสถานที่ประชุมวางแผน นอกจากนั้นยังพบเสื้อยืดแขนยาว สีเหลือง จำนวน 2 ตัว คล้ายกับที่พระไชยบูลย์ เคยสวมใส่ อยู่ในห้องดังกล่าว
จากการสอบถามผู้ดูแลสถานที่ อ้างว่า เป็นที่พำนักของพระผู้ใหญ่ในวัดพระธรรมกาย และยืนยันว่า ไม่มีบุคคลตามหมายจับมาพัก
**สตม.ยันไม่มีรายงาน"ธัมมี่"หนีไปตปท.
เมื่อเวลา 11.30น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. กล่าวว่า จากกรณีที่ ดีเอสไอ ประกาศให้ พระธัมมชโย เป็นผู้ต้องหาหลบหนี จึงได้ประสานหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมติดตามจับกุม โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้หลบหนีออกนอกประเทศ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น เบื้องต้นได้รับการประสานจากดีเอสไอ เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า พระธัมมชโย เป็นผู้ต้องหาหลบหนี ซึ่งหลังจากนี้ จะเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติของสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ในการป้องกันบุคคลที่มีหมายจับเข้า-ออกประเทศ โดยมีระบบและเทคโนโลยีสมัยใหม่เชื่อมโยงข้อมูลไปยังจุดผ่านแดนต่างๆ ของประเทศ เพื่อเตือนให้เจ้าหน้าที่ทราบเพื่อทำการจับกุม จึงเป็นไปไม่ได้ว่า พระธัมมชโย จะหลบหนีออกนอกประเทศผ่านเส้นทางถูกกฏหมาย
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบ ไม่พบข้อมูลพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เดินทางออกนอกประเทศผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ยืนยันว่า ระบบด่านตรวจของประเทศไทยมีประสิทธิภาพในการตรวจสอบบุคคลเข้า - ออกประเทศได้เป็นอย่างดี โดยเบื้องต้นประสานไปยังประเทศต่างๆ ให้ช่วยติดตามพระธัมมชโย มาดำเนินคดีตามกฎหมาย และหากพระธัมมชโย หนีไปยังต่างประเทศ แล้วประเทศปลายทางตรวจพบ จะจับกุมและส่งตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทยต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเส้นทางผ่านแดนธรรมชาติ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบดูแล ทั้งทางน้ำ บก อากาศ ให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตื่นตัวในการเฝ้าระวัง หากหลบหนีไปจริงก็ต้องออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความร่วมมือกับไทยในการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันตลอดเวลา ดังนั้น ขอยืนยันว่าไม่ใช่เฉพาะพระธัมชโยเท่านั้น ที่ต้องถูกจับตามองการเข้า-ออกประเทศ ผู้ต้องหารายอื่นๆ ที่ทางการได้ออกหมายจับ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีของวัดพระธรรมกาย ก็ต้องถูกตรวจสอบ และนำเข้าระบบการแจ้งเตือนของสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองด้วย เช่นกัน
**สกัด”ธัมมี่” หนีออกชายแดน
ด้าน พ.อ.นิโรธ ทองม่วง ผบ.ฉก.กรม.ทพ.12 (ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12) และ พ.ต.อ.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ได้ร่วมกันสั่งการให้ ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1201ฯ (ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1201ฯ) ประสานความร่วมมือกับ พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว และ พ.ต.ท.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผกก.(สส) สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว สนธิกำลังสกัดกั้นการลักลอบข้ามเขตแดนตามช่องทางธรรมชาติแนวตะเข็บชายแดนท้ายตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีออกนอกประเทศของพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ตามคำสั่งของ พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. และ พล.ต.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา
**"ไพบูลย์"ชี้ถึงเวลาปฏิรูปคณะสงฆ์
นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทาง และมาตราการปกป้องพิทักษ์กิจการพระศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า การที่ แกนนำวัดพระธรรมกายได้ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นวัดแต่โดยดี เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา นับว่าเป็นการยอมแพ้ของแกนนำการชุมนุมของวัดพระธรรมกายอย่างสิ้นเชิง ไม่กล้าต่อต้านอำนาจรัฐอีกต่อไป แม้ผลการตรวจค้นจะไม่พบตัวของพระธัมมชโย ก็ตาม แต่วัดพระธรรมกาย ก็สิ้นสภาพการเป็นเขตรัฐอิสระที่แกนนำมีแผนจะล่อลวงให้รัฐติดหล่ม ทั้งหวังให้เกิดการกระทบกระทั่งกับมวลชนในวัด หรือถ่วงเวลาให้ยืดเยื้อ เพื่อทำลายเครดิตของคสช. จะได้ต่อรองหวังประโยชน์ให้รัฐยุติการดำเนินคดีคดีต่างๆ
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าสาเหตุที่แกนนำการชุมนุมต้องยอมแพ้นั้น มีผลมาจากประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการถอดถอนสมณศักดิ์ ของพระธัมมชโย และพระทัตตชีโว ซึ่งติดตามด้วยมาตรการใช้ กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21 ดำเนินการให้พระทั้งสองรูป จะต้องสละสมณเพศต่อไป เป็นเรื่องที่แกนนำที่เหลืออยู่ และพระชั้นปกครองระดับสูง ที่แอบคอยให้การช่วยเหลือแกนนำ เกรงกลัวที่สุด ว่ามาตรการดังกล่าวจะมาถึงตนเองในลำดับต่อๆ ไป เพราะแม้แกนนำก่อนหน้านี้จะโดนข้อกล่าวหาความผิดคดีอาญาหลายคดี แต่ก็ยังไม่หวั่นไหวเกรงกลัวถึงขนาดถอดใจยอมแพ้อย่างนี้ แต่เมื่อเห็นพระธัมมชโย และพระทัตตชีโว ผู้นำสุงสุดพบกับชะตากรรม ที่ถึงกับจุดจบในชีวิตของการเป็นสมณเพศอย่างที่ปรากฏนั้น จึงทำให้แกนนำวัดธรรมกายที่ยังเหลืออยู่ เกิดความเกรงกลัวว่า ตนเองอาจจะต้องพบจุดจบเช่นเดียวกัน จึงยกธงขาวยอมแพ้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นแต่โดยดี
"ตั้งแต่นี้ไป จะมีบทที่ต้องเริ่มต้นต่อไปโดยประชาชนทั้งประเทศที่ห่วงใยในพระพุทธศาสนา จะเรียกร้องให้ภาครัฐต้องมีการแก้ไขปัญหาพระภิกษุจำนวนมากที่ประพฤติล่วงพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ จนทำให้วัดหลายแห่งมีปัญหาเต็มไปด้วยการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ทั้งเรื่องเงินทองทรัพย์สินวัด โดยพระภิกษุเหล่านั้น ดังนั้นคงต้องถึงเวลาที่จะมีการ "ปฎิรูปคณะสงฆ์ "กันขนานใหญ่แล้ว" นายไพบูลย์ กล่าว