เรื่องฉาว *** “ 7 นักโดดร่มประจำสภานิติบัญญัติแห่งชาติ”*** คงเป็นประเด็นที่โดนจองคิวตรวจสอบนินทากันไปอีกเป็นระยะ และจะต้องมีการแฉกันต่อเนื่องในตอนต่อไปเหมือนหนังซีรี่ย์ กับการรอฟังผลสอบทางจริยธรรมว่าจะเป็นการอุ้มกันพ้นผิดหรือไม่
คนเปิดฉากเรื่องฉาวโฉ่นี้ คือ ***โครงการอินเทอร์เน็ตกฎหมายเพื่อประชาชน หรือ ไอลอว์*** ออกมาแฉข้อมูลที่สังคมต้องตั้งคำถามกับ สนช. เหตุที่กระทบภาพลักษณ์เสื่อมเสีย โดนหมิ่นแคลนในเกียรติและศักดิ์ศรี แต่น่าแปลกทำไม นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. และเจ้าหน้าที่ปล่อยให้ถูกด่าฟรีมาครึ่งเดือนเศษๆ ตามธรรมชาติของผู้ถูกกล่าวหา ถ้าไม่ผิด มีหลักฐานสวนกลับทันที จะรออะไร?
ยิ่งเลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สนช.ออกมาย้ำว่า วุฒิสภาต้องประมวลผลและรวบรวมสถิติการลงมติของ สนช.ส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และกระทรวงการคลังตรวจสอบทุกปีอยู่แล้ว ก็ยิ่งน่าสงสัย ว่ามีตัวเลขสำเร็จรูป เชื่อถือได้ทำไมไม่รีบแก้ต่าง ก็มีคำถามว่าข้อมูลตัวเลขดิ้นได้หรือป่าว
นอกจากใช้เวลารวบรวมข้อมูลนานเกินเหตุแล้ว ยังกลับตอบไม่ตรงคำถาม เพราะไอลอว์แฉข้อมูลในรอบค่าเฉลี่ยภายใน 3 เดือนหรือ90 วันแต่สภากลับเอาสถิติในรอบ 1 ปี 2559 มาชี้แจง!
ประเด็นต่อมา คือการที่เลขาธิการวุฒิสภา ยกเอกสารเป็นตั้งมาโต้ตอบทำนองว่า มีสนช.ลาลงมติเกินก็จริง แต่ถ้าส่งใบลาครบตามข้อบังคับ ก็ไม่นับว่าผิดนั้นมันยิ่งแฉตัวเองหนักเข้าไปใหญ่
เพราะเคยด่าสภาเลือกตั้งแบบสาดเสียเทเสีย สภาผัวเมียบ้าง นายกรัฐมนตรีไม่มาตอบกระทู้บ้างหละ ทีพวกท่านสนช.มีการลงมติพันสองร้อยกว่าครั้ง แต่มีบางคนมาร่วมไม่ถึง 1 ใน 3 มาลงมติเพียง สองร้อยกว่าครั้ง ทั้งที่มีการลงมติพันกว่าครั้ง
อีกประเด็น *** ที่ต้องย้ำเตือนกันให้บรรดาสนช. ตระหนักไว้ ต้องทำงานให้คุ้มค่าเงินรายได้ที่ได้รับ เพราะเงินค่าตอบแทนทุกตำแหน่งทุกบาททุกสตางค์มาจากภาษีของประชาชน*** จ่ายเป็นเงินเดือนให้พวกท่านทั้งหลายเพื่อให้ทำงานเพื่อบ้านเมือง ไม่ใช่ให้เป็นเงินโบนัส
บางคนสวมหมวกหลายใบ รับเงินหลายทาง จนเกิดข้อสงสัยว่าแต่ละวันจะแยกร่างไปประชุม หรือร่วมปฏิบัติงานแต่ละที่ครบตามจำนวน ได้อย่างไร?
การกินเงินเดือนหลายที่ได้นั้น จะโทษคนรับเงินฝ่ายเดียวคงไม่ถูกนัก ต้องไปโทษคนร่างกติกา ตั้งแต่ต้นที่คสช.เข้ามายึดอำนาจมีการออกกฎหมายรองรับไว้ คือ พระราชกฤษฎีกาเงินประจําตําแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้ดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ ราชกิจจานุเบกษาออกเผยแพร่ลงวันที่ 10 พ.ย.57
ฝีมือคนร่างคงหนีไม่พ้นต้องเป็น *** "เซียนกฎหมายชั้นอ๋องของประเทศ"*** กับ ***“ซือแป๋ร้อยแปดกระบวนท่า”***
โดยกฎหมายกำหนดค่าตอบแทนให้ผู้ดำรงตำแหน่ง สนช.ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท เงินเพิ่มเดือนละ 42,330 บาท สรุปรวม 113,560 บาท
ถ้าใครเป็น กรรมาธิการ สนช.จะได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง ๆ อีกครั้งละ 1,500 บาท ส่วนอนุฯกมธ.จะได้รับเบี้ยประชุมอีกเป็นรายครั้ง ๆ ละ 800 บาท แต่ได้รับเบี้ยประชุมได้ไม่เกินวันละสองครั้ง
แถมมีสิทธิได้รับค่าพาหนะในการเดินทางอีก และค่าอื่นอีกมาก รวมสนช.ได้เงินเหนาะๆ เดือนละไม่ต่ำกว่า 113,560 บาท แต่ถ้าสมมติว่าในเดือนนั้นๆ มีการประชุมกมธ.อีก 10 ครั้งคิดเป็นเงิน 15,000 บาท นำไปรวมกันจะได้ทั้งหมด 128,560 บาท
ยังไม่รวมค่าพาหนะ ไม่คิดรวมถ้าสมาชิกสนช.คนเดิม ที่ไปร่วมเป็นอนุฯกมธ.อื่นๆได้อีก
การประชุมในแต่ละเดือน ซึ่งจากสถิติมีการประชุมคณะกมธ. หรือคณะอนุฯกมธ.มากกว่า 10 ครั้ง พอจินตนาการถึงตัวเงินกลมๆมองยังไงก็น่าอิจฉา ถ้ามาประชุมครบทุกรอบจะไม่มีใครว่า แต่มีนิสัยส่งใบลากันเป็นอาชีพ คอยนั่งรับเงินเดือนเต็มจำนวน ยังไงก็เป็นพฤติกรรมที่ประชาชนตาดำๆรับไม่ได้
ที่อู้ฟู่ไปกว่านั้น บางคนมีตำแหน่งนอกสภาอีกต่างหาก ยกตัวอย่างบางราย ได้รับเงินค่าตำแหน่งต่างๆในสนช. รวมกับเงินเดือนอัตราของระดับจอมพลได้อีก สูงสุดถึง 7 หมื่น 6 พันบาท
รวมแล้วตัวอย่าง *** สนช.พวกคนมีสี จะได้เงินคร่าวๆ กว่าเดือนละ 204,560 บาท ในแบบลากิจลาป่วยในการลงมติการประชุมสนช.ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง เพราะกฎหมายเปิดช่องให้รับเงินตอบแทนได้ทุกทางทุกรูปแบบ***
สำหรับเรื่องสนช. ทั้ง 7 ที่ถูกแฉว่า โดดร่มหนีประชุมทำงานน้อยรับเงินเต็มๆเนื้อๆกำลังมีการตั้งกรรมการตรวจสอบอยู่ ตามรูปการณ์เดาผลสรุปได้เลยทั้งเรื่อง ผลสอบทางวินัย หรือเรื่องสอบจริยธรรม ***“ 7 สนช.ประจัญบาน”*** จะเป็นอย่างไร น่าจะคงรอดสันดอนอีกตามเคย
*** เพราะมีการออกมาช่วยฟอกขาวให้ตั้งแต่ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว ความจริงเรื่องนี้ต้องให้คนนอกมาสอบ จะได้ช่วยเคลียร์สภาปฏิวัติให้พ้นมลทินอย่างขาวสะอาดจริงๆ ไม่ใช่ปล่อยให้ สนช.สอบกันเองเยี่ยงนี้***
คนเปิดฉากเรื่องฉาวโฉ่นี้ คือ ***โครงการอินเทอร์เน็ตกฎหมายเพื่อประชาชน หรือ ไอลอว์*** ออกมาแฉข้อมูลที่สังคมต้องตั้งคำถามกับ สนช. เหตุที่กระทบภาพลักษณ์เสื่อมเสีย โดนหมิ่นแคลนในเกียรติและศักดิ์ศรี แต่น่าแปลกทำไม นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. และเจ้าหน้าที่ปล่อยให้ถูกด่าฟรีมาครึ่งเดือนเศษๆ ตามธรรมชาติของผู้ถูกกล่าวหา ถ้าไม่ผิด มีหลักฐานสวนกลับทันที จะรออะไร?
ยิ่งเลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สนช.ออกมาย้ำว่า วุฒิสภาต้องประมวลผลและรวบรวมสถิติการลงมติของ สนช.ส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และกระทรวงการคลังตรวจสอบทุกปีอยู่แล้ว ก็ยิ่งน่าสงสัย ว่ามีตัวเลขสำเร็จรูป เชื่อถือได้ทำไมไม่รีบแก้ต่าง ก็มีคำถามว่าข้อมูลตัวเลขดิ้นได้หรือป่าว
นอกจากใช้เวลารวบรวมข้อมูลนานเกินเหตุแล้ว ยังกลับตอบไม่ตรงคำถาม เพราะไอลอว์แฉข้อมูลในรอบค่าเฉลี่ยภายใน 3 เดือนหรือ90 วันแต่สภากลับเอาสถิติในรอบ 1 ปี 2559 มาชี้แจง!
ประเด็นต่อมา คือการที่เลขาธิการวุฒิสภา ยกเอกสารเป็นตั้งมาโต้ตอบทำนองว่า มีสนช.ลาลงมติเกินก็จริง แต่ถ้าส่งใบลาครบตามข้อบังคับ ก็ไม่นับว่าผิดนั้นมันยิ่งแฉตัวเองหนักเข้าไปใหญ่
เพราะเคยด่าสภาเลือกตั้งแบบสาดเสียเทเสีย สภาผัวเมียบ้าง นายกรัฐมนตรีไม่มาตอบกระทู้บ้างหละ ทีพวกท่านสนช.มีการลงมติพันสองร้อยกว่าครั้ง แต่มีบางคนมาร่วมไม่ถึง 1 ใน 3 มาลงมติเพียง สองร้อยกว่าครั้ง ทั้งที่มีการลงมติพันกว่าครั้ง
อีกประเด็น *** ที่ต้องย้ำเตือนกันให้บรรดาสนช. ตระหนักไว้ ต้องทำงานให้คุ้มค่าเงินรายได้ที่ได้รับ เพราะเงินค่าตอบแทนทุกตำแหน่งทุกบาททุกสตางค์มาจากภาษีของประชาชน*** จ่ายเป็นเงินเดือนให้พวกท่านทั้งหลายเพื่อให้ทำงานเพื่อบ้านเมือง ไม่ใช่ให้เป็นเงินโบนัส
บางคนสวมหมวกหลายใบ รับเงินหลายทาง จนเกิดข้อสงสัยว่าแต่ละวันจะแยกร่างไปประชุม หรือร่วมปฏิบัติงานแต่ละที่ครบตามจำนวน ได้อย่างไร?
การกินเงินเดือนหลายที่ได้นั้น จะโทษคนรับเงินฝ่ายเดียวคงไม่ถูกนัก ต้องไปโทษคนร่างกติกา ตั้งแต่ต้นที่คสช.เข้ามายึดอำนาจมีการออกกฎหมายรองรับไว้ คือ พระราชกฤษฎีกาเงินประจําตําแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้ดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ ราชกิจจานุเบกษาออกเผยแพร่ลงวันที่ 10 พ.ย.57
ฝีมือคนร่างคงหนีไม่พ้นต้องเป็น *** "เซียนกฎหมายชั้นอ๋องของประเทศ"*** กับ ***“ซือแป๋ร้อยแปดกระบวนท่า”***
โดยกฎหมายกำหนดค่าตอบแทนให้ผู้ดำรงตำแหน่ง สนช.ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท เงินเพิ่มเดือนละ 42,330 บาท สรุปรวม 113,560 บาท
ถ้าใครเป็น กรรมาธิการ สนช.จะได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง ๆ อีกครั้งละ 1,500 บาท ส่วนอนุฯกมธ.จะได้รับเบี้ยประชุมอีกเป็นรายครั้ง ๆ ละ 800 บาท แต่ได้รับเบี้ยประชุมได้ไม่เกินวันละสองครั้ง
แถมมีสิทธิได้รับค่าพาหนะในการเดินทางอีก และค่าอื่นอีกมาก รวมสนช.ได้เงินเหนาะๆ เดือนละไม่ต่ำกว่า 113,560 บาท แต่ถ้าสมมติว่าในเดือนนั้นๆ มีการประชุมกมธ.อีก 10 ครั้งคิดเป็นเงิน 15,000 บาท นำไปรวมกันจะได้ทั้งหมด 128,560 บาท
ยังไม่รวมค่าพาหนะ ไม่คิดรวมถ้าสมาชิกสนช.คนเดิม ที่ไปร่วมเป็นอนุฯกมธ.อื่นๆได้อีก
การประชุมในแต่ละเดือน ซึ่งจากสถิติมีการประชุมคณะกมธ. หรือคณะอนุฯกมธ.มากกว่า 10 ครั้ง พอจินตนาการถึงตัวเงินกลมๆมองยังไงก็น่าอิจฉา ถ้ามาประชุมครบทุกรอบจะไม่มีใครว่า แต่มีนิสัยส่งใบลากันเป็นอาชีพ คอยนั่งรับเงินเดือนเต็มจำนวน ยังไงก็เป็นพฤติกรรมที่ประชาชนตาดำๆรับไม่ได้
ที่อู้ฟู่ไปกว่านั้น บางคนมีตำแหน่งนอกสภาอีกต่างหาก ยกตัวอย่างบางราย ได้รับเงินค่าตำแหน่งต่างๆในสนช. รวมกับเงินเดือนอัตราของระดับจอมพลได้อีก สูงสุดถึง 7 หมื่น 6 พันบาท
รวมแล้วตัวอย่าง *** สนช.พวกคนมีสี จะได้เงินคร่าวๆ กว่าเดือนละ 204,560 บาท ในแบบลากิจลาป่วยในการลงมติการประชุมสนช.ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง เพราะกฎหมายเปิดช่องให้รับเงินตอบแทนได้ทุกทางทุกรูปแบบ***
สำหรับเรื่องสนช. ทั้ง 7 ที่ถูกแฉว่า โดดร่มหนีประชุมทำงานน้อยรับเงินเต็มๆเนื้อๆกำลังมีการตั้งกรรมการตรวจสอบอยู่ ตามรูปการณ์เดาผลสรุปได้เลยทั้งเรื่อง ผลสอบทางวินัย หรือเรื่องสอบจริยธรรม ***“ 7 สนช.ประจัญบาน”*** จะเป็นอย่างไร น่าจะคงรอดสันดอนอีกตามเคย
*** เพราะมีการออกมาช่วยฟอกขาวให้ตั้งแต่ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว ความจริงเรื่องนี้ต้องให้คนนอกมาสอบ จะได้ช่วยเคลียร์สภาปฏิวัติให้พ้นมลทินอย่างขาวสะอาดจริงๆ ไม่ใช่ปล่อยให้ สนช.สอบกันเองเยี่ยงนี้***