xs
xsm
sm
md
lg

ครูแพะน้ำตาคลอศาลเลื่อนนัดสืบพยานก.พ.-จเรตร.โต้ทำสำนวนถูกต้อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน360/นครพนม - "ครูจอมทรัพย์" น้ำตาคลอ ศาลนครพนมเลื่อนไต่สวนคดีไป 8-10 ก.พ.หลังคนขับรถและพยานเห็นเหตุการณ์ไม่มาปรากฏตัวในศาล พร้อมขอบคุณสื่อและเพื่อนครูทั้งประเทศ ขณะที่ "นัยนา" นางเอกดังในอดีต โผล่ให้กำลังใจ ด้านจเรตำรวจเปิดห้องประชุมแถลงโต้ตำรวจทำสำนวนและพยานหลักฐานถูกต้องตามขั้นตอน เชื่อมีกระบวนการต่อเติมทำสำนวนที่ตัดสินไปแล้ว

วานนี้ (16 ม.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดีบัลลังก์ที่ 6 ศาลจังหวัดนครพนม นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร วัย 54 ปี อดีตครูโรงเรียนบ้านม่วงไข่ประชาราษฎร์สงเคราะห์ ต.ด่านม่วงคำ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร แพะในคดีถูกกล่าวหาขับรถชนคนตาย พร้อม พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม, นายพงศา ราตรี นิติกรสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม, ญาติและทนายความ เดินทางมาที่ศาลจังหวัดนครพนม หลังศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งขอรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนที่มาปักหลักรอทำข่าวเป็นจำนวนมาก

คดีนี้สืบเนื่องจากนางจอมทรัพย์ถูกกล่าวหาว่าขับรถกระบะหมายเลขทะเบียน บค 56 สกลนคร ชนนายเหลือ พ่อบำรุง เสียชีวิต เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร เมื่อปี 2548 กระทั่งศาลพิพากษาเมื่อปี 2546 ให้จำคุก 3 ปี 2 เดือนและได้รับอภัยโทษออกมาเมื่อปี 2558 รวมถูกจองจำให้คุก 1 ปี 6 เดือน

กระทั่งเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2557 นายสับ วาปี ชาว ต.กุดแข้ อ.เมือง จ.มุกดาหาร ได้รับสารภาพหลังเข้าพบกับพนักงานสอบสวน สภ.นาโดน ว่าตนได้ขับรถกระบะอีซูซุ สีเขียว รุ่นเคบีแซด ทะเบียน บค 56 มุกดาหาร ขับรถชนนายเหลือเสียชีวิต หลังนางจอมทรัพย์ พ้นโทษออกมาจึงเข้าร้องที่ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ดังกล่าว

นายนรเทพ สอนเผือก พร้อมนายอภิสิทธิ์ วิระมิตรชัย ผู้พิพากษาศาลจังหวัดนครพนม ได้ออกนั่งบัลลังก์นัดไต่สวน ตามคดีหมายเลขดำที่ รฟ.1/58 หมายเลขแดงที่ 2/58 คดีระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดนครพนมเป็นโจทย์ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ผู้ร้องและจำเลย ในเรื่องความผิดต่อชีวิต ประมาท ความผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ชั้นขอให้รื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่) ตาม พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. 2526 มาตรา 9

ในช่วงพิจารณาคดี อัยการจังหวัดนครพนมโจทก์ในคดีดังกล่าวยื่นเรื่องคัดค้านให้สืบพยานใหม่ โดยอ้างว่ามีหลักฐานสำคัญมานำสืบ ประกอบกับนายสับ วาปี ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ต้องหาตัวจริง และนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ พยานผู้เห็นเหตุการณ์ในคืนเกิดเหตุมิได้มาปรากฏตัวที่ศาลจังหวัดนครพนม อัยการจึงขอเลื่อนสืบพยานไปในวันใหม่

นางจอมทรัพย์ได้ยกมือและยืนขึ้นหน้าบัลลังก์ น้ำตาคลอเบ้า โดยกล่าวว่า ขอให้ศาลได้สืบพยานให้เร็วที่สุดเนื่องจากตนได้สูญเสียอิสรภาพ และการล่มสลายทางครอบครัว ศาลจึงได้กล่าวว่าจะให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่ายอย่างรวดเร็วที่สุด โดยศาลจังหวัดนครพนมได้นัดสืบพยานในวันที่ 8, 9 และ 10 ก.พ.ที่จะถึงนี้ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป

นางจอมทรัพย์กล่าวหลังศาลพิจารณาไต่สวนเสร็จว่า คดีนี้ขอให้เป็นเรื่องของกระบวนยุติธรรม วันนี้คุณครูจอมทรัพย์ขอขอบคุณผู้สื่อข่าวทุกสำนัก และเพื่อนครูทั่วประเทศที่ให้กำลังใจ และให้ตนเองมีที่ยืนและจุดยืนในสังคม เพื่อให้สังคมยอมรับ วันนี้ตนปลื้มใจและซาบซึ้งใจเป็นที่สุด ซึ่งวันนี้เป็นวันครูด้วย ตนขอขอบคุณ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงยุติธรรม ที่ได้มาช่วยเหลือตนในวันนี้

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ กรรมการเลขาธิการมูลนิธิเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น กล่าวว่า ตนได้ทำหนังสือยื่นต่อกระทรวงยุติธรรม และรองปลัดกระทรวงยุติธรรม กรณีนางจอมทรัพย์ถูกกล่าวหาเป็นแพะในคดีขับรถชนคนตายว่าติดขัดในข้อกฎหมายอะไรบ้าง เพื่อจะได้คืนสิทธิและสวัสดิการให้นางจอมทรัพย์ ซึ่งอาจไม่ได้ขับรถชนคนตายจริง

โดยพฤตินัยคุณครูเป็นคนบริสุทธิ์ แต่ในทางนิตินัยนางจอมทรัพย์เป็นแพะและติดคุก 3 ปี 2 เดือนก่อนลดโทษ ความเห็นส่วนตัวตนในฐานะเคยเป็นครูมาก่อน มองว่าเป็นไปไม่ได้ที่ครูจอมทรัพย์จะปั้นเรื่อง รื้อฟื้นคดีใหม่ให้ตัวเองรอดพ้นคดี ซึ่งครูทั่วประเทศเชื่อว่านางจอมทรัพย์ไม่ใช่แพะคนแรก ยังมีแพะอีกเยอะในเรือนจำ

ขณะเดียวกัน นางนัยนา ชีวานันท์ อดีตนางเอกสาวในอดีต เดินทางมาพร้อมบุตรสาว โดยได้มอบเงินจำนวนหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง "ทองดีฟันขาว" ซึ่งตนเองรับบทเป็นแม่นางเอก ให้แก่นางจอมทรัพย์ เพื่อเป็นกำลังใจ พร้อมกล่าวว่า สงสารคุณครูจอมทรัพย์ หลังติดตามข่าวสารมาโดยตลอด เชื่อว่าครูจอมทรัพย์น่าจะเป็นแพะและติดคุกฟรี 1 ปี 6 เดือน และไม่น่าเชื่อได้ว่าครูจอมทรัพย์ขับรถชนคนตายจริง

**"ปัญญา"จเรตำรวจเปิดแถลงข่าวโต้

ที่ห้องประชุมชั้น 5 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งลงพื้นที่ติดความเรื่องนี้ได้เปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับคดีของครูจอมทรัพย์ โดยกล่าวว่ากรณีครูที่อ้างว่าเป็นแพะได้รับโทษจำคุกโดยปราศจากความผิด หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวทางสื่อทั่วไป สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ปรึกษากันว่า หากเกิดความบกพร่องของตำรวจจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ให้กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนมเป็นผู้ดูแลคดี

ทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ห่วงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงส่งทีมเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง ประกอบด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1 ทีม, จเรตำรวจ 1 ทีม, ตำรวจภูธรภาค 4 อีก 1 ทีม รวมเป็น 3 ทีม ลงพื้นที่ตรวจสอบเอกสารและพยานหลักฐานต่างๆ จึงมีความเชื่อมั่นในระดับหนึ่งว่าคดีของครูจอมทรัพย์ พนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเมื่อปี พ.ศ. 2548 ตั้งแต่ผู้บังคับการ ผู้กำกับการ และผู้เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการเกี่ยวกับสำนวนต่างๆ และพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดได้รวบรวมอย่างเป็นขั้นตอน บางเรื่องส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ จนเชื่อได้ว่าพยานและสำนวนนี้ถูกต้องตามขั้นตอน

ขณะเดียวกัน สายสืบตำรวจภูธรภาค 4 พบว่ามีกระบวนการในการกระทำผิดต่อเติมมาจากการกระทำผิดของคดีที่ตัดสินไปแล้ว โดยทำกันเป็นกระบวนการอยู่ในระหว่างการสืบสวน สอบสวน ซึ่งจะปรากฏผลในเร็วๆ นี้

"สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้นิ่งนอนใจ เมื่อเกิดเหตุความหวาดวิตก ระแวงว่าตำรวจทำการสืบสวน สอบสวนบกพร่องหรือไม่ ทำให้ประชาชนหวาดหวั่น ก็ได้เข้าตรวจสอบ เหตุที่มีการกระทำต่อเนื่อง มีบางส่วนชี้มูลความผิดเป็นคดีอาญาเกิดขึ้นแล้ว คาดว่าจะได้กลุ่มบุคคลมาเข้าสู่กระบวนการรับโทษต่อไป" พล.ต.อ.ปัญญา กล่าว

**โฆษกศาลแจงคดีสู่ขั้นตอนรื้อฟื้นคดี

นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม แถลงว่าหลังจากศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งรับคำร้องขอรื้อฟื้นคดีและสั่งให้สาลจังหวัดนครพนมสืบพยานแล้ว วันนี้ศาลจังหวัดนครพนมได้นัดพร้อมเพื่อกำหนดวันสืบพยานหลักฐานใหม่โดยการนัดพร้อมศาลได้สอบถามคู่ความทั้ง ฝ่ายจำเลยและฝ่ายพนักงานอัยการโจทก์ว่าจะสืบพยานปากใดบ้าง วันเวลาใด ดังนั้น กระบวนการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่จึงยังไม่เสร็จสิ้น จะต้องสืบพยานให้สิ้นกระแสความ โดยศาลจังหวัดนครพนม นัดสืบพยานภายในวันที่ 8 -10 ก.พ.นี้

นายสืบพงษ์ กล่าวต่อว่า ในประเด็นนี้ศาลยุติธรรมขอชี้แจงถึงขั้นตอนการรื้อฟื้นคดีฯ จะดำเนินการได้เมื่อเมื่อศาลมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าจำเลยกระทำความผิด แต่ถ้าปรากฏในภายหลังว่าพยานบุคคลที่เป็นพยานสำคัญในคดีนั้นเบิกความเท็จหรือให้การเท็จ จนกระทั่งมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าพยานนั้นกระทำความผิดฐานเบิกความเท็จ หรือพยานเอกสารหรือพยานวัตถุที่นำมาใช้เป็นพยานหลักฐานสำคัญในคดีนั้นเป็นพยานหลักฐานที่ไม่ถูกต้อง รวมทั้งประเด็นที่มีพยานหลักฐานใหม่ว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด

ส่วนกรณีของนางจอมทรัพย์ ก็มีการกล่าวอ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่ว่าจำเลยไม่ใช่ผู้กระทำความผิดจึงขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ โดยตามหลักกฎหมายนั้น ศาลจะต้องฟังพยานหลักฐานเบื้องต้นว่ามีมูลเพียงพอหรือไม่ในการที่จะให้รื้อฟื้นคดี ซึ่งขั้นตอนนี้ปรากฏว่า ได้ดำเนินการผ่านมาแล้วว่าคดีมีมูล จากนั้นได้ส่งให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ทำการวินิจฉัย ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 ก็เห็นว่าควรจะให้รื้อฟื้นคดี

นายสืบพงษ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นศาลชั้นต้นคือศาลจังหวัดนครพนมดำเนินการสืบพยานหลักฐานในชั้นการรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ซึ่งศาลจะต้องดำเนินการสืบพยานจนสิ้นกระแสความว่าจำเลยนั้นเป็นผู้ที่ไม่ได้กระทำผิดตามคำพิพากษาเดิมหรือไม่ หลังจากนั้นจะต้องส่งข้อเท็จจริง สำนวนการสืบพยานไปยังศาลฎีกา เพื่อมีคำวินิจฉัยและพิพากษาว่าจำเลยไม่ใช่ผู้กระทำผิดหรือยืนยันตามคำพิพากษาเดิม ซึ่งคงจะต้องใช้ระยะเวลา

ส่วนที่ระหว่างนี้หน่วยงานรัฐจะต้องเข้ามารับผิดชอบเยียวยาอย่างไรนั้น นายสืบพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ตามผลคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ได้ตัดสินคดีไปแล้ว ถือว่าจำเลยยังมีความผิดอยู่ ขณะที่การรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ก็ยังอยู่ในขั้นตอน ซึ่งศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาใหม่ว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้น จึงยังไม่มีกระบวนการเยียวยาเกิดขึ้น โดยเมื่อใดก็ตามที่ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยเห็นว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ กรณีนั้นก็เป็นเรื่องที่ศาลฎีกาจะต้องมีคำสั่งในเรื่องของการจ่ายค่าตอบแทน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้กับจำเลยตาม พ.ร.บ.รื้อฟื้นคดีฯ

"ในส่วนประเด็นที่ว่าเมื่อมีการตรวจสอบแล้วหากพบความบกพร่องของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม จะต้องรับผิดชอบต่อการถูกดำเนินคดีอาญาเพียงใดนั้น ขณะนี้การรื้อฟื้นคดีนี้ยังไม่ถึงที่สุดว่าศาลจะฟังพยานหลักฐานจำเลยเป็นผู้ไม่ได้กระทำความผิดหรือไม่ เราจึงยังไม่ทราบว่าประเด็นนี้มีข้อบกพร่องในขั้นตอนไหน" นายสืบพงษ์ กล่าว และว่า

ส่วนคดีอื่นที่เคยการรื้อฟื้นขึ้นมานั้นมีจำนวนไม่มากในช่วงปี 2558-2559 นั้นมีเพียง 4 คดี และคดีที่กล่าวมาเป็นคดีที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้มีการพิจารณาคดีขึ้นมาใหม่ และคดีก็ยังอยู่ในชั้นสืบพยานซึ่งยังไม่มีผลคำพิพากษาใหม่ว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่

**"บิ๊กแป๊ะ" ขู่ฟ้องกลับ "ครูจอมทรัพย์"

พ.ต.อ.มานะ เผาะช่วย ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง ในฐานะเลขาธิการสมาคมพนักงานสอบสวน ยืนยันว่า จากตรวจสอบแล้วยืนยันว่าพนักงานสอบสวน สภ.เรณูนคร ทำสำนวนถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรม ตามหลักของกฎหมาย มีประจักษ์พยานครบถ้วน ทั้งพยานบุคคลในที่เกิดเหตุ พยานวัตถุ และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยผลการชันสูตรพลิกศพ พบว่าซี่โครงด้านซ้าย รวมทั้งกระดูกแขนขาซ้ายของผู้เสียชีวิตหักทั้งหมด บ่งบอกได้ว่า ถูกรถชนมาจากด้านซ้าย

พ.ต.อ.มานะ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้ได้ทำการสอบพยานในเดือน มี.ค.2548 และนางจอมทรัพย์ มารับทราบข้อกล่าวหา เมื่อ มิ.ย.2548 ในระยะเวลา 3 เดือน ที่ทำการสอบพยาน นางจอมทรัพย์จะไม่มีทางทราบได้ว่าสอบพยานไปกี่ปากแล้วบ้าง โดยระหว่างที่ทำคดีนางจอมทรัพย์ไม่ใด้ให้รายละเอียดในชั้นพนักงานสอบสวน แต่นางจอมทรัพย์ ยืนยันว่าจะไปให้ปากคำที่ชั้นศาลเพียงอย่างเดียว พนักงานสอบสวนจึงทำสำนวนคดีไปตามพยานหลักฐานที่มี

"หากในตอนนั้นครูจอมทรัพย์ ได้นำหลักฐานที่ตัวเองมี หรือได้โต้แย้งกับพนักงานสอบสวน ก็จะทำให้พนักงานสอบสวน ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากที่ครูจอมทรัพย์พ้นโทษออกมา ได้ใช้สิทธิ์ตาม พ.ร.บ. รื้อฟื้นคดีอาญา โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริง จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าคดีดังกล่าว เป็นจับผิดคนหรือไม่" พ.ต.อ.มานะ กล่าว

ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ ไปตรวจสอบแล้ว หากผลสรุปออกมาว่า พนักงานสอบสวนทำสำนวนผิดจริงก็จะมีการเยียวยาตามกฎหมาย แต่หากผลสอบออกมาครูจอมทรัพย์ แจ้งความเท็จและเป็นผู้ที่ทำผิดจริงก็อาจจะต้องฟ้องกลับ ฐานทำให้ตำรวจเสื่อมเสียชื่อเสียง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คดีดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบตามกระบวนการทางกฏหมาย หากพบว่าครูไม่มีความผิดก็ต้องได้รับการเยียวยา และถ้ากฎหมายบอกว่าถูกก็สามารถกลับเข้ารับราชการครูได้ตามเดิม โดยเรื่องดังกล่าวขออย่ามองว่าเสียหายทั้งองค์กร
กำลังโหลดความคิดเห็น