xs
xsm
sm
md
lg

ฟื้นฟูระบบนิติรัฐก่อนเถอะ!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์

ประเทศไทยยังไม่ควรไปไหนทั้งนั้น จะเป็นการเมือง เศรษฐกิจ 4.0 สังคม หรือด้านอื่นๆ โดยเฉพาะด้านจริยธรรม ศีลธรรม ตราบใดที่ยังไม่สามารถจัดการปัญหาพื้นฐานได้สำเร็จ เป็นที่น่าเชื่อถือในสายตาประชาคมโลก ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินโดยทั่วไป

นั่นคือกลไกกระบวนการรักษากฎหมาย ความเป็นนิติรัฐ กระบวนการยุติธรรม!

ก่อนหน้านี้เรามักได้ยินคำพูดทีเล่นทีจริงว่าประเทศไทยเสี่ยงต่อความเป็นรัฐล้มเหลว เมื่อเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม กลุ่มมวลชนรับจ้างมีอาวุธสงครามไว้ทำร้ายผู้อื่น รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐ ศาล โดยไม่หวั่นเกรงต่อกฎหมาย

หลังจากรัฐประหาร มีการกระชับกระบวนการยุติธรรม การใช้กฎหมายพิเศษ มาตรา 44 การจำกัดสิทธิเสรีภาพบางประการเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีเป็นมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของประชาชน การสร้างสันติสุขโดยรวม

ภาวะการเมืองหยุดชะงัก นิ่งสงบ ชาวบ้านทั่วไปไม่รู้สึกใส่ใจใยดีต่อนักการเมืองว่ามีปัญหาด้านการขาดแคลนอาชีพการงานหรือไม่ ทั้งไม่กระตือรือร้นว่าต้องมีเลือกตั้ง คืนอำนาจสู่ประชาชน ฟื้นการเมืองระบอบประชาธิปไตยในลักษณะที่ควรจะเป็นตามสากล

รัฐบาลมีอำนาจเต็มที่ด้วยมาตรา 44 ขณะเดียวกันต้องเผชิญปัญหา ความท้าทายโดยผู้ละเมิดกฎหมายทั้งเรื้อรังดั้งเดิมและใหม่หมาดๆ เปี่ยมไปด้วยอิทธิพล แรงหนุนโดยพลังมวลชน ทำให้การจัดการไม่ได้เป็นไปโดยง่ายดาย เพราะขาดความฉับไว เด็ดขาด

จนกระทั่งจำนวนประเด็นละเมิดกฎหมายหลายเรื่องได้สร้างความสงสัยในกลุ่มประชาชน จนมีคำพูดใหม่ๆ ว่าหลายเรื่องเป็นปัญหาคาอยู่ทุกวันนี้ ถ้าคณะ คสช. พร้อมอำนาจพิเศษยังแก้ไขไม่ได้แล้ว ก็อย่าได้หวังว่ารัฐบาลมาจากการเลือกตั้งจะจัดการให้ได้

ความล่าช้าในการแก้ไขปัญหามักมีคำ อธิบายว่า “มีความซับซ้อน ความละเอียดอ่อน จำเป็นต้องรอบคอบ เสี่ยงต่อการลุกลามกลายเป็นปัญหาโยงมวลชน”

นั่นเป็นการใช้ “ดุลพินิจ” ซึ่งส่งผลดีก็ได้ ส่งผลร้ายก็มาก ทำให้กระบวนการยุติธรรม การรักษากฎหมายเคลื่อนต่อไปไม่ได้ เพราะมีความละเอียดอ่อน เสี่ยงต่อการบานปลาย

เมื่อเกิดความล่าช้า ก็นำไปสู่ความสงสัยว่ามีปัญหาอะไร หรือเป็นประเด็นเดิมๆ เรื่องการลูบหน้าปะจมูก ซูเอี๋ย เกี้ยเซียะ หรือทำอะไรเล็กน้อย จากนั้นก็หยวนๆ กันไป!

ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นการไร้ประสิทธิภาพ เจ้าหน้าที่มีปัญหาด้านขาดความกล้าหาญในการบังคับใช้กฎหมาย เมื่อเผชิญกับผู้มีอิทธิพล ผู้สามารถระดมมวลชนแข็งขืน!

เรื่องสำนักธรรมกายเป็นปัญหาเรื้อรังทรงอิทธิพล เกิดความเสื่อมทั้งภาคเจ้าหน้าที่ และเครือข่ายลัทธิอิงศาสนาพุทธเพื่อสร้างรายได้สำหรับขยายฐานของจำนวนคนเชื่อถือจนกลายเป็นเหยื่อสำนักซึ่งมีระบบเครือข่ายคล้ายการตลาดโมเดินเทรด สไตล์ผีบุญหิวเงิน

จากระดับเจ้าสำนักชิตังเมขาดำ จนกระทังโฆษกฆราวาสฝีปากเอก ลูกเล่นลิ้นเกินวัย เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถบังใช้กฎหมายจัดการได้สำเร็จ มีข้ออ้างต่างๆ จนชาวบ้านเชื่อว่าไม่มีหนทางจับตัวผู้ต้องหามาลงโทษตามกฎหมายได้ คงต้องให้กฎธรรมชาติลงโทษ

ปล่อยให้ผู้ต้องหาแก่ตายไปเอง ตามคำพูดเสียดสี ถากถางนั่นแหละ!

กรณีเจ้าสำนักชิตังเมขาดำและสมุนระดับบนซึ่งมีคดีติดตัวนั้น เจ้าหน้าที่ของรัฐ ตำรวจคงไม่กล้าบุกเข้าไปค้นหาและจับกุมตัวเพื่อเลี่ยงความรุนแรงซึ่งอาจปะทุขึ้นมาในช่วงปฏิบัติการ เพราะปัจจุบันมิได้มีพระสงฆ์ สาวก ญาติธรรมเลื่อมใสธรรมะเท่านั้น ยังมีมวลชนถูกชักชวนและถูกระดมมาเพื่อเป็นโล่มนุษย์ สร้างอุปสรรคต่อเจ้าหน้าที่ต่อไปอาจมีปัญหาในการขอหมายศาลเพื่อค้น หรือจับกุม เพราะให้ไปหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่สามารถจัดการตามกฎหมายได้ ทำให้ถูกมองว่าอำนาจนิติรัฐไทยนั้นอ่อนปวกเปียก

อีกเรื่องสำคัญคือการทวงคืนพื้นที่ดินของรัฐซึ่งถูกบุกรุก ครอบครองโดยภาคเอกชน เจ้าของสถานประกอบการธุรกิจรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ ในป่าเขา และริมทะเล รวมตามสภาพแล้วมีพื้นที่มากกว่า 1 ล้านไร่ บางรายอยู่มานานตั้งแต่รุ่นทวด จนมาถึงรุ่นพ่อ

จากสภาพความเรื้อรังหมักหมมมานาน ทำให้การบุกรุกกินพื้นที่เป็นล้านๆ ไร่ทั่วประเทศ การครอบครองโดยผิดกฎหมาย การทำลายต้นน้ำลำธาร สิ่งแวดล้อมอย่างกว้างขวางโดยผู้มีเงิน อิทธิพล เครือข่ายเส้นสาย ทำให้กลไกอำนาจกฎหมายไร้ผลบังคับ

ยิ่งเจ้าหน้าที่เป็นผู้ละเมิดกฎหมาย บุกรุกครอบครองพื้นที่เสียเอง เป็นการยากที่จะดำเนินทางกฎหมาย สภาวะเช่นนี้เกิดกับรายย่อยด้วย ดังเช่นพื้นที่ภูทับเบิก ภูชี้ฟ้า และพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ เกาะแก่งต่างๆ ก็ไม่รอดจากการรุกคืบโดยกลุ่มอิทธิพล สำนักสงฆ์

ยังมีพฤติกรรมท้าทายกฎหมายอื่นๆ อีก เช่นกรณีกลุ่มแฟนทีมฟุตบอลอุลตรา ไทยแลนด์ จุดพลุแฟลร์ในสนามกีฬา กลุ่มแฮกเกอร์ก่อกวนคุกคามเว็บไซต์ขององค์กรต่างๆ ของรัฐ โดยที่ขีดความสามารถของหน่วยงานเหล่านั้นไม่สามารถป้องกัน หรือจัดการได้

ยังไม่นับคดีอาญาสำคัญ เช่นการทุจริตในคดีจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายหลายแสนล้านบาท การทุริตอย่างมโหฬารในโครงการบ้านเอื้ออาทร โครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน โครงการประมูลก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค และอีกสารพัดโครงการโดยรัฐบาลก่อน

ที่สำคัญคือความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ในการท่องเที่ยว อุบัติเหตุ การใช้รถใช้ถนน อาชญากรรมต่างๆ จนไทยติดอันดับโลกระดับต้นๆ ตราบใดที่ระบบต่างๆ ไม่สร้างความน่าเชื่อถือ การหวังจะพึ่งพาเจ้าหน้าที่ด้านความยุติธรรมก็จะเป็นไปได้ยาก

กฎหมายและอำนาจพิเศษทำอะไรไม่ได้ ถ้ายังขาดความกล้าหาญ และจะต้องมีมากด้วยถ้าจะต้องจัดการระบบเครือข่ายเพื่อนพ้องน้องพี่ซึ่งได้หยั่งรากลงลึกมากในสังคมไทย ถ้ารัฐบาลมีกองทัพหนุนหลังเต็มที่ทำอะไรไม่ได้มาก ประเทศไทย 4.0 ก็เดี้ยง

เมื่อนั้น ขบวนการนอกกฎหมายจะลำพองสักแค่ไหน หลับตานึกแล้ว เสียวจริงๆ!


กำลังโหลดความคิดเห็น