xs
xsm
sm
md
lg

ถือพาสปอร์ตขรก.ยุค’ยิ่งลักษณ์’หญิงไก่ค้ามนุษย์ พฤติกรรมล่อลวงเด็กเบี้ยวค่าจ้าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตร.บุกคอนโดฯย่านประชานิเวศน์ จำลองเหตุการณ์ครอบครัวลูกจ้างลักทรัพย์ “หญิงไก่” ระบุสอบวงจรปิดพบครอบครัว “น้องก้อย” ไม่มีเวลาเหลือพอที่จะเข้าไปเอาทรัพย์สินภายในห้องแน่ ส่วนนายจ้างอ้างว่าถูกลักทอง 400 บาท และเงินอีก 3 ล้านบาท คาดน้ำหนักร่วม 10 กก. แต่ในวันเกิดเหตุสอบพบมีการถือกระเป๋าในลักษณะเบาแทนที่จะลากมากกว่า ด้านประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอฯ นำหนังสือเข้าร้อง ผอ.ดีเอสไอ ภาคเหนือ เรียกร้องสอบพฤติกรรม “หญิงไก่” ส่อเข้าข่ายทั้งค้ามนุษย์-ผิดกฎหมายอาญา หลังนำเด็กชาวเขาแม่ฮ่องสอน ไปเลี้ยงดู-เป็นแม่บ้าน อ้างจะส่งเสียให้เรียนสูงๆ-จ่ายเงินเดือนแพง สุดท้ายเด็กถูกหลอก-บางรายไม่ได้เงิน พอขอกลับบ้านกลับโดนขู่สารพัด เผย "หญิงไก่"ได้พาสปอร์ตราชการ เป็นทีมรมต.ยุค"ปู"

วานนี้ (4 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่บ้านประชานิเวศน์ 1 ถนนเทศบาลนิมิตรเหนือ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. พ.ต.ต.ธนวัฒน์ หลีพงษ์ สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. พร้อมพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. และพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เดินทางมายังคอนโดมิเนียมบ้านประชานิเวศน์ 1 เพื่อตรวจสอบและจำลองเหตุการณ์วันเกิดเหตุที่นายชูเกียรติ ใจกล้า และนางประภาพร ทองเฟื้อง และ น.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า หรือน้องก้อย ถูกแจ้งข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง เพื่อประกอบสำนวนคดี

พล.ต.ต.เจริญกล่าวว่า ได้รับการประสานจาก พ.ต.อ.ชาคริต ว่าจะเข้ามาจำลองเหตุการณ์ตามหลักฐานกล้องวงจรปิดที่อดีตนายจ้างนำมาเปิดเผย พร้อมระบุว่าน้องก้อยและครอบครัวลักทรัพย์ของมีค่าไป โดยจะตรวจสอบและจำลองเหตุการณ์ตั้งแต่หน้าลิฟต์มายังประตูห้องที่เกิดเหตุ ก่อนจะกลับมายังลิฟต์อีกครั้งว่ามีพิรุธหรือใช้ระยะเวลาเท่าใด ตรงกับกล้องวงจรปิดหรือไม่ ทั้งนี้เมื่อครั้งที่นางไก่มาแจ้งความดำเนินคดีต่อลูกจ้างนั้นใช้ชื่อจริงในการแจ้งว่านางมณตา หยกรัตนกาญ

พล.ต.ต.เจริญกล่าวอีกว่า ในส่วนของคดีที่นางไก่มาร้องทุกข์แจ้งดำเนินคดีต่ออดีตลูกจ้างนั้น ตรวจสอบแล้วยืนยันว่าพนักงานสอบสวน หรือตำรวจ สน.ประชาชื่นไม่ได้มีส่วนรู้เห็น หรือเกื้อหนุนทางคดีกับผู้ใดแน่นอน ทุกอย่างเป็นไปตามหน้าที่ความรับผิดชอบซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย มีการสอบปากคำผู้เสียหาย และผู้เสียหายก็นำภาพจากกล้องวงจรปิดมาเป็นหลักฐานแสดงต่อพนักงานสอบสวน โดยลูกจ้างบางรายก็มายืนยันและรับสารภาพจึงถูกแจ้งข้อหาก่อนนำสำนวนส่งฟ้องอัยการ ขณะที่ลูกจ้างบางรายก็ไม่มาพบหรือให้ข้อมูลแก่พนักงานสอบสวนจึงถูกออกหมายจับ และหลบหนีเช่นกรณีของน้องก้อยและครอบครัว ที่ถูกศาลอาญาออกหมายจับ 2 หมาย และศาลเยาวชน 1 หมาย

พล.ต.ต.เจริญกล่าวต่อว่า ในส่วนคดีของนางสุกัญญา ศิริม่วง ที่อยู่ในเรือนจำและเป็นแม่ของน้องมีนนั้น ผู้เสียหายได้ระบุว่ามีพลเมืองดีโทรศัพท์มาบอกว่าจะคืนทรัพย์สินบางส่วน และเมื่อกลับมาถึงห้องพักพบทรัพย์สินส่วนดังกล่าววางอยู่หน้าห้องพัก โดยไม่ทราบว่าใครเป็นผู้นำมาคืน และก็ไม่มีภาพกล้องวงจรปิดยืนยันว่าใครนำมาคืนเช่นกัน โดยในส่วนทรัพย์สินที่ถูกนำมาคืนดังกล่าวนั้น ตำรวจได้ตรวจยึดเป็นของกลางนำส่งศาลไปแล้ว โดยทางอดีตลูกจ้างรับสารภาพและระบุว่าจะพยายามนำทรัพย์สินส่วนที่เหลือมาคืน

ด้าน พ.ต.ชาคริตกล่าวว่า จากการตรวจสอบยืนยันว่านางไก่ไม่ได้เป็นข้าราชการ และตรวจสอบไปการเข้ารับเครื่องราชฯ ก็ไม่พบแต่อย่างใด จากนั้นตำรวจจึงไปจำลองเหตุการณ์โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนขึ้นไปด้วย

ทั้งนี้ ภายหลังการจำลองเหตุการณ์เพียง 15 นาที พ.ต.อ.ชาคริตกล่าวว่า การจำลองเหตุการณ์ดังกล่าวพบว่าระยะเวลาที่ออกจากลิฟต์ไปยังหน้าห้องดังกล่าวและย้อนกลับมาเป็นระยะทางรวม 50 เมตร ใช้เวลา 1.30 นาที ตรงกันกับภาพจากกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุ แสดงให้เห็นว่าทางครอบครัวน้องก้อยไม่มีเวลาเหลือที่จะเข้าไปภายในห้องเพื่อนำเอาทรัพย์สินออกมาแต่อย่างใด นอกจากนี้ ในส่วนทรัพย์สินที่อดีตนายจ้างอ้างว่าครอบครัวน้องก้อยลักไปนั้นเป็นทองคำแท่ง น้ำหนัก 400 บาท เงินสดอีก 3 ล้านบาท หากรวมเป็นน้ำหนักจะพบว่าหนัก 10 กว่ากิโลกรัม แต่การตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าลักษณะการถือกระเป๋าเดินทางนั้นดูมีน้ำหนักเบา จึงไม่น่าเป็นไปได้ เพราะหากมีน้ำหนัก 10 กว่ากิโลกรัมนั้น ผู้ขนน่าจะใช้วิธีลากกระเป๋ามากกว่า อย่างไรก็ตาม รายละเอียดต่างๆ เหล่านี้พนักงานสอบสวนจะรวบรวมเพื่อนำส่งในชั้นศาลต่อไป

ร้องสอบ'หญิงไก่'ส่อค้ามนุษย์

วานนี้ (4 ก.ค.) นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย ได้นำหนังสือที่ ส.ปอ.ท.81/2559 เข้าร้องเรียนกับ พ.ต.ท.สะอาด สุนทร ผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการคดีพิเศษภาคเหนือ ที่สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ ให้ตรวจสอบพฤติกรรมหญิงไก่-คุณไก่-คุณนายไก่ หรือนางวันทนีย์ หยกวิริยะกุล ผู้ที่กำลังเป็นข่าวทางสื่อ ว่าเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่

หลังนายบุญญฤทธิ์ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับชาวบ้านในพื้นที่ ต.แม่ลาหลวง อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อติดตามและรับทราบข้อมูลจากผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนกรณีผู้ที่ถูกเรียกว่า “หญิงไก่-คุณไก่-คุณนายไก่” ที่อาจเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ 2551 โดยทราบว่า หญิงไก่-คุณไก่-คุณนายไก่ ลงพื้นที่อ้างเป็นผู้ใจบุญ ต้องการจะรับอุปการะเด็กชาวเขาจากผู้ปกครองไปเลี้ยงดู และส่งเสียให้เรียนจบสูงๆ บางรายระบุว่า จะส่งเสียให้เรียนพยาบาล โดยต้องการให้ไปทำงานเป็นแม่บ้านกับตน และจะให้เงินเดือนค่าตอบแทนเดือนละ 7 พันบาท

ซึ่งเด็กหลายคนหลงเชื่อ ไปทำงานด้วยแต่กลับมีพฤติกรรมหลอกลวง เช่น เมื่อเด็กทำงาน กลับไม่ได้เงินตามที่สัญญาไว้ หรือได้เพียงเล็กน้อย หรือบางรายทำงานมาถึง 4 ปี ได้เงินเพียงเล็กน้อย มีการยึดบัตรประชาชนเด็กไว้ มีการนำเด็กติดตามไปยังบ่อนการพนันในประเทศเพื่อนบ้าน ครั้งละ 2- 3 คน หรือมีการกล่าวหาเด็กกระทำผิดลักทรัพย์

ทั้งนี้ทางสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย พิจารณาแล้วมองเห็นว่า พฤติกรรมของบุคคลดังกล่าว อาจเข้าข่ายความผิดที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ 2551 และความผิดตามกฎหมายอาญา ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและร่างกาย ความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพและชื่อเสียง ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ และมีการใช้เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบข่มขู่เด็กและกระทำผิดกฎหมาย อาจส่งผลต่อกระบวนการยุติธรรมได้ โดยทาง ส.ปอ.ท. พร้อมที่จะนำเด็กและบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูล หากสามารถรับประกันความปลอดภัยได้

เบื้องต้นทางผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการคดีพิเศษภาคเหนือ รับที่จะเร่งดำเนินการพิจารณาสอบสวนหาข้อมูลกับบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด เพื่อรวบรวบรายละเอียดต่างๆ และส่งเรื่องให้ทางอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการต่อไป

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีนางวันทนีย์ หยกวิรยะกุลหรือหญิงไก่ อดีตนายจ้างที่แจ้งความดำเนินคดีกับลูกจ้างในข้อหาลักทรัพย์ และปรากฏว่ามีหนังสือเดินทางข้าราชการในครอบครอง ว่าเมื่อปี 2557 กรมการกงสุลได้ออกให้ตามคำขอของสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะคณะทำงานของเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งหนังสือเดินทางดังกล่าวได้หมดอายุไปแล้วเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา

มีรายงานเพิ่มเติมว่า ในขณะนั้นนางวันทนีย์เป็นหนึ่งในคณะทำงานของเลขานุการนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในสมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีภารกิจร่วมติดตามคณะ จึงเป็นที่มาของการมีพาสปอร์ตข้าราชการเล่มดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น